[1] เมื่อพลังประชาชน (People power) ต่อกรกองกำลังทหาร (Military might) การเมืองเมียนมาจะลงเอยอย่างไร (นาที 5:11)
[2] ไบเดนจะประคองดุลระหว่าง 'ผลประโยชน์ของชาติ' กับ 'ค่านิยมเรื่องประชาธิปไตย' กรณีสหรัฐกับซาอุได้อย่างไร (นาที 50:37)
[1] เมื่อพลังประชาชน (People power) ต่อกรกองกำลังทหาร (Military might) การเมืองเมียนมาจะลงเอยอย่างไร (นาที 5:11)
[2] ไบเดนจะประคองดุลระหว่าง 'ผลประโยชน์ของชาติ' กับ 'ค่านิยมเรื่องประชาธิปไตย' กรณีสหรัฐกับซาอุได้อย่างไร (นาที 50:37)
• อาเซียนถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีเหตุการณ์ในพม่าที่ยึดหลักไม่แทรกแซงกิจการภายใน ปฏิกิริยาและบทบาทของอาเซียนต่อเรื่องนี้เป็นเหมือนเสือกระดาษที่ทำอะไรไม่ได้มาก เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
• มองบทบาทของ Retno Marsudi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซีย ในฐานะตัวกลางประสานงาน เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นตัวแทนประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เคยมีประสบการณ์การปกครองโดยทหาร จนถึงวันนี้สามารถผ่านพ้นและลดอำนาจทหารมาได้ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว
• เดิมที อินโดนีเซีย-เมียนมา-ไทย เป็นประเทศที่ทหารมีบทบาทสูงทางการเมือง แต่หลังจากปี 1998 เมื่ออินโดนีเซียสามารถลดบทบาทการปกครองโดยทหารได้ อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีความมั่นคงพอสมควร มีการเลือกตั้งและปกครองโดยพลเรือนมา (เกือบ) ตลอด กลายเป็นไทยกับเมียนมาที่ยังคงช่วงชิงกันเอง!
• การยึดอำนาจของทหารเมียนมาปี 2021 จะเหมือนกับปี 1988 หรือไม่ ที่มีการปราบปรามและนองเลือดอย่างหนัก
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์แสดงความเห็นสอดคล้องกันว่า ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียน นี่เป็นหน้าที่ของสมาชิกที่ต้องเคารพสิ่งที่ระบุไว้ในกฎบัตรของอาเซียน มาตรา 1 วรรค 7 นั่นคือ แม้จะไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศระหว่างกัน แต่ได้หมายความว่าสามารถละเลย (ความผิด) หรือปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นก็ได้ในเมียนมา
• กฎบัตรอาเซียน (เริ่มใช้ปี 2008) เป็นเสมือนธรรมนูญของอาเซียน จะให้ความสำคัญกับค่านิยมประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล การเคารพสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ได้พูดถึงการแทรกแซงโดยตรง
• ต้องบอกว่าเวลาพูดถึง “หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน” อันนี้เป็นหลักการสากลของโลก สิ่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศไหนก็เป็นเรื่องของประเทศนั้นจัดการเอง แต่มีข้อจำกัดเหมือนกันว่า เราไม่สามารถนิ่งดูดาย ปล่อยให้ใครทำอะไรตามใจชอบก็คงไม่ได้ ถ้ากิจการภายในนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประเทศที่อยู่รอบๆ ก็คงต้องทำอะไรบางอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถและความสัมพันธ์ของประเทศเหล่านั้น
• ความไม่น่าเชื่อถือของจุดยืนอาเซียน ทีเรื่องการต่อต้านรัฐประหารของทหารพม่าก็ออกมาลุกฮือ แต่กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงกรณีโรฮิงญา อาเซียนกลับนิ่งดูดาย
Irresistible force (แรงซึ่งไม่สามารถต้านทานได้) กับ Immovable object (วัตถุที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้)
กรณีนี้คือ แรงของประชาชนที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจทหารอีกต่อไป กับ แรงที่ทหารจะยอมไม่ได้ที่ให้ประชาชนลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจ เมื่อสองแรงมาปะทะกัน แรงไหนจะชนะ?
• ในความเป็นจริง ประชาชนจะชนะฝ่ายที่ถืออาวุธได้อย่างไร สู้ต่อไปก็มีแต่ตายมากหรือตายน้อย ยกเว้นแต่ฝ่ายที่มีอาวุธจะแตกแถวหรือยอมรามือเอง
• เสียดายแทนอนาคตเมียนมา ถ้าไม่มีเรื่องยึดอำนาจ ต้องเรียกว่ามีแต่โอกาสที่รออยู่ แต่พอกลุ่มทหารที่มีอำนาจหมกมุ่นแต่การรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องจึงลงเอยเช่นนี้
• ยังมีทางออกและความหวังสำหรับเมียนมา? เรื่องเมียนมายังไม่จบเท่านี้ ต้องตามกันต่อไป
'ผลประโยชน์ของชาติ' หรือ 'ค่านิยมเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน' (?) กรณีสหรัฐกับซาอุ เป็นประเด็นที่ท้าทายท่าทีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นอย่างมาก
เรื่องนี้มีที่มา
ปี 2018 นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดิอาระเบียชื่อ Jamal Khashoggi ถูกล่อลวงไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ตอนนั้นหน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้เขียนรายงานประเมินสถานการณ์ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือมกฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (MBS) แห่งซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากต้องการปิดปากคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ ในตอนนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้จัดการอะไรเนื่องจากซาอุดิอาระเบียมีผลประโยชน์กับสหรัฐ มิหนำซ้ำยังออกโรงปกป้อง
กระทั่งเมื่อถึงคราวรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มีคนไปถามโจ ไบเดน ในประเด็นดังกล่าว ไบเดนบอกว่าถ้าเขาเป็นประธานาธิบดี เขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด พฤติกรรมที่อุกฉกรรจ์เยี่ยงนี้ของมกุฎราชกุมารไม่อาจปล่อยผ่านได้ในสายตานานาประเทศ จนเมื่อโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผย ไบเดนจะทำอย่างไร
รอดูสิ่งที่เคยพูดไว้
• ปฏิเสธไม่ได้ว่าซาอุดิอาระเบียมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลาง
• เป็นที่รู้กันว่ามกุฎราชกุมาร MBS คือว่าที่กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียคนต่อไป (เนื่องจากกษัตริย์องค์ปัจจุบันอายุมากแล้ว)
• เรื่องนี้ขัดกันระหว่างผลประโยชน์แห่งชาติและค่านิยมประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ถ้าสหรัฐลงโทษจริง ต่อไปจะมีความสัมพันธ์อันดีหรือทำงานกับซาอุได้อย่างไร
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐพูดไว้น่าสนใจ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับซาอุไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องมองภาพรวมความสัมพันธ์และผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายที่มีอยู่ระหว่างกัน
• สิ่งที่สหรัฐทำมาตลอดคือ สหรัฐจะส่งเสริมประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชนเต็มที่กับประเทศที่ไม่ต้องกังวลเรื่องผลประโยชน์ แต่ถ้าต้องเกี่ยวข้องหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐก็กลับกลายจะมีข้อจำกัดขึ้นมา
• ถึงคราวที่ต้องเลือกผลประโยชน์แห่งชาติด้านความมั่นคงหรือเศรษฐกิจ กับ ค่านิยมเรื่องประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชน ประเทศไหนก็เลือกผลประโยชน์แห่งชาติของตนทั้งนั้น
_________________
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย