เพลง Hanuman Chalisa
เพลงนี้มาจากภาพยนตร์ปี 2005 เรื่อง Vaah! Life Ho Toh Aisi นำแสดงโดย Shahid Kapoor, Amrita Rao และ Sanjay Dutt ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีหนุมานจาลีสา ซึ่งมีผู้ทำเป็นเพลงมากมายหลายเวอร์ชั่น
เพลง Hanuman Chalisa
เพลงนี้มาจากภาพยนตร์ปี 2005 เรื่อง Vaah! Life Ho Toh Aisi นำแสดงโดย Shahid Kapoor, Amrita Rao และ Sanjay Dutt ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีหนุมานจาลีสา ซึ่งมีผู้ทำเป็นเพลงมากมายหลายเวอร์ชั่น
ก่อนหน้านี้ศูนย์อินเดียศึกษาได้นำหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Living Hanuman โดย Pawan Kumar Mishra ขึ้นสู่ชั้นหนังสือจุฬาฯ ภารัตคดีสถาน หนังสือดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับหนุมานในเชิงปรัชญาแง่มุมต่างๆ ทั้งเชิงศาสนา จิตวิญญาณ เหตุผลนิยม อไญยนิยม และเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าสนใจสำหรับผู้ศึกษาเกี่ยวกับอินเดียมาก เพราะขึ้นชื่อว่า “หนุมาน” แล้ว ในประเทศไทย แทบไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก เพราะเป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งที่มีบทบาทโลดแล่นอยู่ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นวรรณคดีสำคัญเรื่องหนึ่งของไทยที่นำเค้าโครงเรื่องมาจากมหากาพย์รามายณะ
ทว่าหนุมานที่คนไทยรู้จักกับหนุมานที่คนอินเดียรู้จักอาจไม่เหมือนกันเลยก็ได้ วันนี้เราจะมาสำรวจเรื่องนี้กัน
สำหรับหนุมานในวัฒนธรรมไทยนั้น เรารู้จักผ่านเรื่องรามเกียรติ์และนาฏศิลป์ที่เรียกว่าโขน ในบทบาททหารเอกที่เก่งกล้าของพระราม หัวโขนของหนุมานที่เราคุ้นตาจะเป็นลิงสีขาว ปากอ้าตาโพลง ถืออาวุธเป็นสามง่ามขนาดเล็กที่เรียกว่าตรี ตรงนี้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งว่าหนุมานรับโองการพระอิศวรมาเพื่อช่วยพระนารายณ์ที่อวตารเป็นพระราม
ที่มาของเรื่องกำเนิดหนุมานอย่างไทยนั้น นางสวาหะได้ผิดใจกับแม่ตนเอง ต้นเรื่องไม่ขอกล่าวเพราะยาวมาก แต่สุดท้ายนางถูกทำโทษด้วยการให้ไปยืนตีนเดียวใช้มือเหนี่ยวกิ่งไม้และอ้าปากกินลมไปเรื่อยๆ จนมีลูกถึงจะพ้นโทษ
พระอิศวรได้ใช้ให้พระพายนำเทพอาวุธสามอย่างคือ คทา ตรีเพชร และจักรแก้ว ผนวกกับกำลังพระพายเองซัดเข้าไปในปากนางสวาหะ ให้นางตั้งครรภ์ หนุมานคลอดโดยเผ่นออกมาจากทางปากนางสวาหะ และเหาะขึ้นไปบนอากาศ แผลงฤทธิ์เป็นสี่หน้าแปดมือและหาวเป็นดาวเป็นเดือน จากนั้นลงมาคำนับพระพายเป็นบิดา นางสวาหะเป็นมารดา หนุมานจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า วายุบุตร หมายถึงลูกของวายุเทพหรือพระพาย
หากท่านผู้ฟังเคยรับชมโขน มักจะเห็นว่าหนุมานเป็นตัวละครที่คล่องแคล่วและมีท่าทางผาดโผน มีกริยาซุกซนไม่อยู่นิ่ง นอกจากนี้ ตามบทประพันธ์ยังมีอุปนิสัยกะล่อนและเจ้าชู้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้น่าสนใจมาก เพราะแตกต่างจากต้นฉบับรามายณะอย่างมีนัยสำคัญ เราจะเห็นว่าบางครั้งในงานเลี้ยงสำคัญๆ มีการแสดงนาฏศิลป์ย่อยชุดหนึ่งที่น่ารักน่าเอ็นดูและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างประเทศไม่น้อย คือชุดหนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา จับตรงนี้คือไม่ได้จับเฉยๆ ในฐานะศัตรู มีการเกี้ยวพาราสีด้วยจนกระทั่งลงเอยเป็นผัวเมียกัน
สรุปแล้ว หนุมานแบบไทยมีเมียกี่คนกันแน่?
เท่าที่มีหลักฐานปรากฏในเรื่องว่าได้เป็นเมียหนุมานนั้นมี
๑. นางบุษมาลี เป็นนางฟ้าที่ต้องสาปแล้วหนุมานไปเจอระหว่างทาง
๒. นางเบญกาย ลูกสาวพิเภก มีบุตรด้วยกันชื่ออสุรผัด
๓. นางสุพรรณมัจฉา ลูกสาวทศกัณฐ์ เป็นครึ่งปลา มีบุตรด้วยกันชื่อมัจฉานุ
๔. นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง
๕. นางสุวรรณกันยุมา เป็นภรรยาเก่าของอินทรชิต ทศกัณฐ์ยกให้หนุมานตอนที่หนุมานแกล้งแปรพักตร์ไปอยู่ด้วย
๖. นอกจากนี้บางคนนับนางมณโฑเป็นเมียหนุมานด้วย ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเลย เพราะหนุมานได้ด้วยการปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ ไม่อาจนับว่าได้รับ consent อย่างแท้จริง แต่ตามคติโบราณเขาก็นับว่าเป็นเมีย
บางคนก็นับสนม ๕๐๐๐ คนที่พระรามประทานให้หลังเสร็จศึกลงกา ซึ่งผมมองว่าเป็นเครื่องประดับบารมีเฉยๆ จะได้เป็นเมียจริงๆ กี่คนนั้นไม่ทราบได้ แต่เท่าที่ทราบคือ เรื่องเมียต่างๆ นี้แตกต่างกับอินเดียมาก เพราะหนุมานของอินเดียเป็นพรหมจารี
ในอินเดีย ภาพลักษณ์ของหนุมานมีความแตกต่างกับที่ไทยอย่างมาก แรกเริ่มเลยคือ เราจะเห็นว่าหนุมานแบบอินเดียนั้น โดยปกติที่ถ่ายทอดกันในภาพวาดโดยเฉพาะแบบสมัยใหม่นั้น จะมีร่างกายและเค้าโครงหน้าตาที่คล้ายกับมนุษย์โดยส่วนใหญ่ คือมีร่างกายล่ำสันแข็งแรง มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่มีกระพุ้งแก้มเหมือนลิงนิดหน่อยพอสังเกต และอาวุธของหนุมานคือคทาวุธ หรือกระบองรูปทรงคล้ายฟักทองอย่างที่เราเห็นในหนังอินเดียบ่อยๆ นั่นเอง
เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของหนุมานในอินเดีย บางถิ่นก็อาจจะวาดเหมือนสัตว์มากกว่า มีสีสันต่างๆ เช่น สีแดง สีเขียว ก็มี เพราะไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นสีขาว แต่คติที่นับถือกันโดยทั่วไปคือ หนุมานดำรงพรหมจรรย์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางเพศเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยแม้กระทั่งสัมผัสอวัยวะเพศของตัวเอง ซึ่งอาจมีนัยมาจากคติที่ว่ากาโมทกของบุรุษนั้นเป็นขุมพลังที่จะต้องสงวนไว้ หนุมานแบบอินเดียจึงไม่ดูคล่องแคล่วและกะล่อนแบบหนุมานไทย แต่จะดูทรงพลังหนักแน่น มั่นคงสุขุม
แน่นอนว่าตำนานของฮินดูก็มีแตกต่างหลากหลาย แต่มีตำนานหนึ่งน่าสนใจมาก ได้เล่าถึงบทบาทของวายุเทพในกำเนิดของหนุมาน แม่ของหนุมานอินเดียชื่อว่านางอัญชนา กำลังบูชาวายุเทพอยู่ในขณะเดียวกับที่ท้าวทศรถที่เป็นบิดาพระรามกำลังประกอบพิธีขอบุตรอยู่ที่กรุงอโยธยา ได้นำข้าวปายาสในพิธีมาให้มเหสีสามองค์เสวย จนได้โอรสสี่องค์ คือ ราม ภะรัต ลักษมัณ และศัตรุฆนะ แต่ในระหว่างพิธีมีเหยี่ยวมาโฉบเอาข้าวปายาสไปส่วนหนึ่ง และวายุเทพได้พัดข้าวปายาสนั้นไปตกอยู่ในมือนางอัญชนา นางจึงรับประทานและให้กำเนิดหนุมาน หนุมานจึงได้ชื่อว่าเป็นวายุบุตรด้วย และมีนัยเชื่อมโยงกับเรื่องมหาภารตะ
มีเรื่องเล่าว่าภีม ตัวเอกหนึ่งในห้าของมหาภารตะเป็นบุตรของวายุเทพเหมือนกัน ชาวฮินดูจึงถือว่าหนุมานกับภีมเป็นพี่น้องกัน น่าสนใจว่าทั้งคู่เชี่ยวชาญการใช้คทาวุธและมวยปล้ำเหมือนกัน และมีพละกำลังมหาศาลทั้งคู่
ตรงนี้อยากขอเสริมด้วยว่า ในรามเกียรติ์ไทย ท้าวทศรถก็ได้ทำพิธีหุงข้าวทิพย์ขอลูก แต่ทศกัณฐ์ใช้ยายตัวเองชื่อกากนาสูรแปลงเป็นกามาโฉบไปส่วนหนึ่งให้นางมณโฑกิน จนคลอดนางสีดา ฉะนั้นในรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์กับนางสีดาเป็นพ่อลูกกัน แต่ในรามายณะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
คนอินเดียจะนับถือหนุมานว่าเป็นเทพแห่งภูมิปัญญา พละกำลัง ความกล้าหาญ ความอดกลั้น ความจงรักภักดี การมีวินัยในตนเอง ทุกวันนี้หนุมานสำคัญถึงขนาดมีการเฉลิมฉลองหนุมานชยันตีคือวันเกิดหนุมานอยู่ทุกปีด้วย แต่สถานะสำคัญดังกล่าวของหนุมาน ในฐานะเทพแห่งศักติ (พลัง) และภักติ (ความภักดี) นั้น จากการศึกษาพบว่าพัฒนาขึ้นมาภายหลังชาวมุสลิมเข้ามามีอำนาจปกครองอนุทวีปอินเดีย ซึ่งอาจมีนัยสำคัญถึงการเมืองฮินดูที่ต้องการเชิดชูความภักดีของหนุมาน เพื่อปลุกใจให้คนต่อต้านจักรวรรดิมุฆัลด้วย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา หนุมานก็ถูกใช้เป็นมาสค็อตในขบวนการทางการเมืองอยู่เป็นประจำ ทั้งในยุคการเคลื่อนไหวของขบวนการภักติด้วย
เทวสถานที่สร้างอุทิศเพื่อหนุมานโดยเฉพาะนั้นมีอยู่ทั่วอินเดีย แห่งสำคัญๆ ก็มีอยู่เช่น ที่คาชูระโฮ ที่มหาวีร์มันดีร์ในรัฐพิหาร พัชรังพะลี ที่ไฮเดอราบาด เป็นต้น เทวสถานที่มีหนุมานเป็นส่วนประกอบก็มีอยู่นับไม่ถ้วน เช่น ในเทวสถานพระรามมักจะมีภาพคุ้นตา เป็นภาพหนุมานใช้มือแหวกทรวงอกตนเอง ในทรวงอกจะมีรูปพระรามและสีดาเล็กๆ ประทับคู่กันอยู่ แสดงให้คนเห็นว่าในหัวใจของตนไม่มีสิ่งอื่นใดเลยนอกจากพระรามและสีดาเท่านั้น เป็นการสื่อถึงความภักดีขั้นสูงสุดอย่างปราศจากเงื่อนไข
ในประเทศไทย หนุมานไม่ได้มีฐานะศักดิ์สิทธิ์เป็นเทพเจ้าในตัวเอง เป็นเพียงทหารเอกผู้ซื่อสัตย์เท่านั้น เราจึงไม่เห็นวัดหรือเทวาลัยหนุมานแบบไทย เว้นแต่เป็นวัดชาวฮินดูในไทย
คติในหนุมานไทยคิดว่าตรงกับอินเดียอย่างน้อยเรื่องหนึ่งคือความกล้าหาญและความสามารถในการรบ ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นการโยงหนุมานกับศิลปะการต่อสู้หรือคาถาอาคมอยู่บ่อยครั้ง เช่น การสักยันต์หรือทำผ้ายันต์รูปหนุมาน คาถาหัวใจหนุมาน
แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะตรงข้ามกับอินเดียคือ ขณะที่อินเดียมองการสงวนพรหมจรรย์เป็นการรักษาขุมพลังของตน ไทยโบราณน่าจะมองการบริหารพลังเกี่ยวกับเรื่องทางเพศว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเก่งกล้าสามารถด้วย จึงเป็นที่นิยมว่าวีรบุรุษในนิทานไทยมักต้องมีเมียหลายคน เช่น ขุนแผน ไกรทอง อิเหนา รวมถึงหนุมานด้วย เช่นเรามีว่านยาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “กำลังหนุมาน” มีสรรพคุณในการเสริมสมรรถภาพทางเพศเป็นหลัก ตรงนี้ถ้าเอาไปคุยกับคนอินเดีย เขาอาจจะไม่เข้าใจแนวคิดก็ได้ เพราะหนุมานของเขาไม่เคยประกอบกิจกรรมทางเพศเลย
Living Hanuman
เรื่องราวของหนุมานมีอยู่มากมาย รวมถึงหนุมานในวัฒนธรรมอื่นๆ ในอาเซียนด้วย แน่นอนว่าเราไม่สามารถนำเสนอในเวลาอันจำกัดได้ อยากเชิญชวนให้ไปอ่านหนังสือ Living Hanuman เล่มที่เรากล่าวถึงเมื่อต้นรายการ แล้วจะได้รับความรู้เพิ่มเติมอีกมากเกี่ยวกับหนุมานของอินเดีย ที่สำคัญ หนังสือเล่มนี้มีคำแปลภาษาอังกฤษที่สละสลวยและครบถ้วนของบทสวด หนุมานจาลีสา ที่ประพันธ์โดยมหากวีตุลสีทาสอยู่ด้วย
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย