วันที่ 4 ตุลาคม 2568
Vaishnava Janato
วันนี้ขอเปิดเพลงโปรดของมหาตมาคานธี ก่อนอื่นใด มีบางคนถามเราว่า ทำไมเราไม่ใช้มหาตมะ แต่ใช้มหาตมา เหตุผลคือ ไม่มีคำว่ามหาตมะ เพราะรากศัพท์มาจากคำว่า มหา + อาตมา เพลงโปรดที่เปิดไปมีชื่อว่า “Vaishnava Janato” แปลเป็นไทยหมายถึงไวษณพชน เพลงนี้มีหลายฉบับ แต่ฉบับที่เรานำมาเปิดขับร้องโดย 4 คนคือ ราหุล เวลลาล (Rahul Vellal) สูรยคายตรี (Sooryagayathri) ภาวยะ (Bhavya) และกุลทีป เอ็ม ปาย (Kuldeep M Pai)
เหตุที่เรานำเพลงนี้มาเปิดก็เพราะวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดของมหาตมาคานธี เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับอะไร ในฐานะที่คุณณัฐเคยแปลไว้ ขอให้คุณณัฐช่วยอ่านด้วยเลยครับ
ไวษณพชนท่านว่าเป็นไฉน
คือผู้ใดร่วมเจ็บปวดกับผู้อื่น
อุปการะผู้ทุกข์ตรมระทมกลืน
รู้จักฝืนอภิมานะครอบงำใจ
ผู้นบนอบวันทาประชาผอง
ไม่จองหองนินทาว่าร้ายใส่
สำรวมกาย วาจา จิตเป็นนิตย์ไป
ชนนีเขาย่อมได้พรเลิศเลอ
เห็นผู้อื่นเท่าเทียมกัน ละตัณหา
เห็นหญิงอื่นดุจมารดาตนเสมอ
ลิ้นไม่กล่าวถ้อยอาสัตย์ตระบัดเพ้อ
หัตถ์ไม่เผลอแตะต้องของผู้ใด
ไม่มัวเมามายาพาลุ่มหลง
จิตจำนงวิราคะละความใคร่
ดื่มด่ำพร่ำรามนามทุกยามไป
สถานจาริกอยู่ในใจไม่เว้นวาย
ละทิ้งเล่ห์หลอกลวงบ่วงโลภะ
เว้นจากกามห้ามโทสะสละสลาย
ท่านกวีนรไสได้ทำนาย
ว่าเชื้อสายเขาจักรุ่งเรืองนิรันดร์ฯ
ในโลกปัจจุบันที่เราใช้คีย์บอร์ดไม่ว่าจะในมือถือหรือแท็บเล็ตกันอย่างกว้างขวาง การเขียนมือหรือลายมือของเรายังสำคัญอยู่หรือไม่
นี่คือคำถามที่คีตา ปาณเฑย์ (Geeta Pandey) นักข่าวบีบีซีประจำประเทศอินเดีย ใช้เริ่มบทความของเธอ
เราจะขอนำบทความของเธอมาเล่าให้ผู้ฟังได้ทราบกัน ก็ขอยกเครดิตให้เธอ เพราะไหน ๆ เขียนดีและครอบคลุมแล้ว ก็อยากนำมาแปลบ้าง แต่ก็ขอเติมบางส่วนบ้าง เพื่อจะได้สารัตถะครบถ้วนเพื่อผู้ฟัง
วกกลับมาที่คำถามเดิมอีกที นั่นคือ ในโลกปัจจุบันที่เราใช้มือถือหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปกันมากมาย ลายมือยังสำคัญอยู่ไหม ศาลอินเดียบอกว่าสำคัญ ถ้าผู้เขียนคือแพทย์
เรื่องนัยสำคัญเกี่ยวกับลายมือ ในวัฒนธรรมไทยของเราก็มี เช่นในเรื่องขุนช้างขุนแผน เคยกล่าวไว้ว่า “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ” แต่หลายคนแซวกันว่า เป็นเรื่องจริงเพราะลายมือสวยเป็นได้แค่เสมียน ลายมือไม่สวยจะได้เป็นเจ้าคนนายคนเพราะไม่ต้องเขียนอะไรเซ็นอย่างเดียว
ย้อนกลับมาเรื่องลายมือแพทย์ เชื่อว่าเราเกือบทุกคนคงได้ยินเรื่องขบขันเกี่ยวกับลายมือคุณหมอมามากต่อมากแล้ว แท้จริงแล้วก็คงเป็นเรื่องขบขันในหลายส่วนของโลกด้วย
บางคนเคยบอกกับผมว่า ครูที่โรงเรียนบอกว่าลายมือลูกไม่สวยเลย ผมก็บอกเมียผมว่า “อย่าคิดมากเดี๋ยวลูกเราโตมาก็คงจะเป็นแพทย์แหละ”
บ้างก็เล่ากันอย่างสนุกสนานว่า อาชีพเดียวที่อ่านลายมือหมอออกก็คือเภสัชกร
บางคนก็ไปไกลแบบแนวคิดสมรู้ร่วมคิดคือ หมอกับเภสัชกรต้องมีข้อตกลงเรื่องรหัสลับบางประการอย่างแน่นอน

ศาลสูงดังกล่าวมีคำสั่งในคดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นการเขียนใบสั่งยาแต่อย่างใด คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการข่มขืน การฉ้อโกง และการปลอมแปลงเอกสาร โดยจำเลยเป็นผู้หญิง ขณะที่ผู้พิพากษาปุรีกำลังพิจารณาคำร้องประกันตัวขอปล่อยชั่วคราวของฝ่ายชาย
ผู้หญิงในคดีนี้ได้กล่าวหาว่าชายคนดังกล่าวรับเงินจากเธอโดยอ้างว่าจะหางานราชการให้ จัดให้มีการสอบสัมภาษณ์ปลอม และได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอ
จำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิงเป็นการยินยอมพร้อมใจ และคดีนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาลเนื่องมาจากข้อพิพาทเรื่องเงิน
ผู้พิพากษาปุรีระบุว่า เมื่อได้ตรวจดูรายงานเวชศาสตร์นิติเวชซึ่งเขียนโดยแพทย์ของรัฐผู้ตรวจร่างกายผู้หญิง เขาพบว่า รายงานดังกล่าวไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็ดังที่ผู้พิพากษาเขียนไว้ในคำสั่งศาลว่า “มันสั่นสะเทือนมโนสำนึกของศาลนี้ แม้แต่เพียงคำหรืออักษรเดียวศาลก็ไม่อาจอ่านออกได้”
บีบีซีได้รับสำเนาคำพิพากษาซึ่งมีทั้งรายงานและใบสั่งยายาวสองหน้าที่แสดงให้เห็นลายมือที่ไม่สามารถอ่านออกได้ของแพทย์
ผู้พิพากษาปุรีเขียนไว้ด้วยว่า “ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์เข้าถึงได้โดยง่าย นับเป็นเรื่องน่าตกใจที่แพทย์ของรัฐยังคงเขียนใบสั่งยาด้วยลายมือ ซึ่งไม่มีใครสามารถอ่านออกได้ นอกจากเภสัชกรบางคนเท่านั้น”
ศาลได้ขอให้รัฐบาลบรรจุการเรียนการสอนเรื่องลายมือเขียนไว้ในหลักสูตรของคณะแพทยศาสตร์ และกำหนดกรอบเวลา 2 ปีในการเริ่มใช้ใบสั่งยาในรูปแบบดิจิทัล
ผู้พิพากษาปุรีระบุว่า จนกว่าจะถึงเวลานั้น แพทย์ทุกคนจะต้องเขียนใบสั่งยาให้ชัดเจน โดยใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
นายแพทย์ ดร. ทิลิป ภาณุศาลี (Dr Dilip Bhanushali) ประธานสมาคมการแพทย์อินเดีย ซึ่งมีแพทย์เป็นสมาชิกมากกว่า 330,000 คน กล่าวกับบีบีซีว่า พวกเขายินดีที่จะช่วยหาทางออกให้กับปัญหานี้
เขากล่าวว่า ในเขตเมืองและเมืองขนาดใหญ่ แพทย์ได้หันมาใช้ใบสั่งยาแบบดิจิทัลแล้ว แต่ในพื้นที่ชนบทและเมืองเล็ก ๆ นั้นยังคงเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับใบสั่งยาที่ชัดเจน
เขากล่าวด้วยว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่ามีแพทย์จำนวนไม่น้อยที่มีลายมืออ่านยาก แต่สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์ส่วนใหญ่ต้องทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยล้นเกินกำลัง”
เขากล่าวเสริมอีกว่า “เราได้แนะนำสมาชิกของสมาคมให้ปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาล โดยเขียนใบสั่งยาเป็นตัวอักษรชัดเจนที่ทั้งผู้ป่วยและเภสัชกรสามารถอ่านได้ หากแพทย์ตรวจคนไข้วันละ 7 คนก็คงทำได้ แต่ถ้าต้องตรวจวันละ 70 คนก็ย่อมเป็นไปไม่ได้”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาลในอินเดียออกมาแสดงความกังวลต่อปัญหาลายมือของแพทย์ที่ไม่ชัดเจน ในอดีตมีกรณีที่ศาลสูงแห่งรัฐโอริสสาเคยตั้งข้อสังเกตถึง “ลักษณะการเขียนแบบซิกแซกของแพทย์” และผู้พิพากษาในศาลสูงอัลลาฮาบัดก็เคยแสดงความไม่พอใจต่อ “รายงานที่เขียนด้วยลายมือที่เลอะเทอะจนไม่สามารถถอดความได้”
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยต่าง ๆ ไม่สามารถยืนยันได้ตามความเชื่อทั่วไปที่ว่าลายมือของแพทย์แย่กว่าคนทั่วไป
ตามรายงานปี 1999 ของสถาบันการแพทย์ (Institute of Medicine, IoM) ระบุว่า ความผิดพลาดทางการแพทย์ก่อให้เกิดการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้อย่างน้อยปีละประมาณ 44,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดยในจำนวนนี้ 7,000 รายมีสาเหตุมาจากลายมือที่ไม่ชัดเจนของแพทย์
เมื่อไม่นานมานี้ ที่สกอตแลนด์ มีผู้หญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากสารเคมี หลังจากถูกจ่ายยาผิด โดยได้รับครีมรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแทนยาสำหรับรักษาอาการตาแห้ง
หน่วยงานด้านสาธารณสุขในสหราชอาณาจักรยอมรับว่า “ความผิดพลาดในการสั่งจ่ายยาได้ก่อให้เกิดความเสียหายและการเสียชีวิตในระดับที่น่าตกใจ” และยังเสริมว่า “การนำระบบสั่งยาด้วยอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น อาจช่วยลดความผิดพลาดได้ถึงร้อยละ 50”
ทว่าที่อินเดียยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากลายมือแพทย์ที่ไม่ชัดเจน แต่ในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก การอ่านใบสั่งยาผิดในอดีตเคยนำไปสู่วิกฤตทางสุขภาพและการเสียชีวิตจำนวนมาก
มีกรณีที่สื่อเคยรายงานอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดอาการชัก หลังจากเธอได้รับยารักษาโรคเบาหวานซึ่งมีชื่อคล้ายกับยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งให้
จิลุกุรี ปรมาตมา (Chilukuri Paramathama) เจ้าของร้านขายยาในเมืองนาลโกณฑะ (Nalgonda) แห่งมลรัฐเตลังคาณะ (Telangana) ทางตอนใต้ของอินเดีย เปิดเผยกับบีบีซีว่า ในปี ค.ศ. 2014 เขาได้ยื่นคำร้องเพื่อประโยชน์สาธารณะต่อศาลสูงแห่งเมืองไฮเดอราบาด (Hyderabad) หลังจากอ่านรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบในเมืองนอยดา (Noida) ที่เสียชีวิตเนื่องจากได้รับการฉีดยาผิดสำหรับรักษาอาการไข้
การรณรงค์ของเขาที่เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ใบสั่งยาที่เขียนด้วยลายมือโดยสิ้นเชิง ได้ประสบผลบ้างเมื่อปี ค.ศ. 2016 เมื่อแพทย์สภาแห่งอินเดียมีคำสั่งว่า “แพทย์ทุกคนควรสั่งจ่ายยาด้วยการใช้ชื่อสามัญให้ชัดเจน และควรใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่”
ปี ค.ศ. 2020 นายอัศวินี กุมาร เจาเบย์ (Ashwini Kumar Choubey) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย แถลงต่อรัฐสภาว่า หน่วยงานทางการแพทย์ในแต่ละมลรัฐ “ได้รับอำนาจในการดำเนินการทางวินัยต่อแพทย์ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว”
แต่เกือบหนึ่งทศวรรษต่อมา นายจิลุกุริและเภสัชกรรายอื่น ๆ ยังคงระบุว่า ใบสั่งยาที่เขียนอย่างลวก ๆ และอ่านไม่ออกยังคงพบได้ที่ร้านขายยาของพวกเขา นายจิลุกุริได้ส่งตัวอย่างใบสั่งยาจำนวนหนึ่งที่เขาได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้แก่บีบีซี ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ไม่อาจอ่านออกได้
รวินทระ ขานเดลวาล (Ravindra Khandelwal) ประธานผู้บริหารธันวันตรี (Dhanwantary) หนึ่งในร้านขายยาที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโกลกาตา (Kolkata) โดยมีสาขา 28 แห่งครอบคลุมทั้งเมือง เขต และหมู่บ้านในมลรัฐเบงกอลตะวันตก (West Bengal) และให้บริการลูกค้ามากกว่า 4,000 คนต่อวัน กล่าวว่า บางครั้งใบสั่งยาที่พวกเขาได้รับนั้นแทบจะอ่านไม่ออกเลย
เขากล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากใบสั่งยาที่เขียนด้วยมือมาเป็นแบบพิมพ์ในเขตเมือง แต่ในเขตชานเมืองและชนบท ส่วนใหญ่ยังคงเป็นใบสั่งยาที่เขียนด้วยมือ”
เขากล่าวเสริมด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของเขามีประสบการณ์สูงและสามารถถอดความใบสั่งยาส่วนใหญ่ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับยาที่ถูกต้อง “ถึงกระนั้นก็ตาม บางครั้งเรายังจำเป็นต้องโทรศัพท์สอบถามแพทย์ เพราะการจ่ายยาที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา”
•
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [4 ต.ค.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ