จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ คุณูปการสำคัญต่อประชาคมระหว่างประเทศ
2,822 views
0
0
"ประธานาธิบดีที่ได้รับคำชื่นชมเรื่องการดำเนินนโยบายต่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ"

30 พฤศจิกายน 2018 จอร์จ บุช | George H. W. Bush (บุชผู้พ่อ) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (1989-1993) ถึงแก่อสัญกรรมในวัย 94 ปี
-ประธานาธิบดีที่ได้รับคำชื่นชมเรื่องการดำเนินนโยบายต่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
-ประธานาธิบดีสหรัฐช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โลกคลายความตึงเครียดจากการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายเสรีประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์
-แบบอย่างของผู้นำที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน | Thailand’s Asean Chairmanship 2019
พฤศจิกายน 2018-2019

-ไทยเตรียมอนาคตอาเซียนอย่างไรบ้าง? เพื่อตอบรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนทั้ง 3 เสาหลัก ปี 2020
-ปัญหาที่ต้องเผชิญ? คนไทยยังไม่เข้าใจเลยว่าอาเซียนคืออะไร
-ทำไมอาเซียนเนื้อหอม มหาอำนาจต่างรุมให้ความสนใจ

"ประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนโรฮิงญา ไทยต้องมีบทบาท เนื่องจากรัฐบาลไทย ณ วันนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับพม่า ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นคนที่น่าจะประสานได้ดีคือรัฐบาลไทย และควรใช้โอกาสในฐานะที่เป็นประธานอาเซียนดำเนินการเรื่องนี้ เหมือนที่ไทยเคยทำได้สมัยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กรณีไซโคลนนาร์กิส ปี 2008 ซึ่งไทยเป็นหัวหอกสำคัญ ผ่านเลขาธิการอาเซียนขณะนั้นคือ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ และนำความช่วยเหลือสู่พม่า"

"ผลสำรวจ ประชาชนอาเซียนยังไม่เข้าใจอาเซียน ไม่รู้ว่าคืออะไร ที่สำคัญ อาเซียนไม่เคยอยู่ในนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองใดในอาเซียนเลย เราจะเชื่อมต่อเรื่องนี้อย่างไรให้อาเซียนสำคัญกับประชาชนในอาเซียน"

เหตุการณ์สำคัญจากการดำเนินนโยบายต่างประเทศของจอร์จ บุช
จุดเริ่มความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ

ปี 1972 ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เดินทางไปประเทศจีน ทั่วโลกต่างตะลึงงึงงันว่าไปจีนทำไม?

ต้องไม่ลืมว่า ช่วงเวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียต (ยุคสงครามเย็น) ตึงเครียดมาก สหรัฐต้องการดึงจีนเข้ามาเป็นแนวร่วม เพราะจีนกับสหภาพโซเวียตแตกคอกัน

ระหว่างที่กำลังดำเนินการ จีนกับสหรัฐยังไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต สหรัฐเพียงแต่ตั้งสำนักงานเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ โดยมี จอร์จ บุช เป็นหัวหน้าทีมผู้ประสานงานที่ประเทศจีน (คล้ายทูตอย่างไม่เป็นทางการ) บุชเป็นที่กล่าวถึงและเป็นที่ชื่นชอบของคนจีนอย่างมาก ท่านกับภรรยา (บาร์บารา บุช) มักขี่จักรยานตระเวนไปตามตรอกซอกซอยในเมืองจีน ซึ่งคนจีนไม่เคยเห็นอเมริกันใกล้ชิดอย่างนี้มาก่อน และด้วยความเป็นคนกันเอง คนจีนจึงมีความทรงจำที่ดีกับ บุช (ขณะนั้นจีนในยุคประธานเหมาโดดเดี่ยวตัวเองจากประชาคมโลก) จีนจึงถือว่าบุชมีคุณูปการต่อการริเริ่มความสัมพันธ์อันดี

ไม่ทิ้งกัน

ปี 1989 รัฐบาลจีนปราบปรามนักศึกษาและประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน ทั่วโลกประณามจีน สหรัฐจำต้องคว่ำบาตรจีน ยุติความร่วมมือทุกด้าน จีนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว

แต่ จอร์จ บุช รู้ดีว่าในอนาคต จีนมีความสำคัญต่อประชาคมโลก ไม่สามารถโดดเดี่ยวจีนได้ตลอดไป ดังนั้นแม้สหรัฐจะมีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการคือคว่ำบาตร แต่เบื้องหลังฉาก จอร์จ บุช ติดต่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อย้ำว่าในระยะยาวความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐจะมั่นคงตลอดไป

คนจีนจึงมีความรู้สึกดีต่อน้ำใจของ จอร์จ บุช ที่เห็นความสำคัญแม้จะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ก็ไม่ละทิ้งความสัมพันธ์ต่อกัน

(บุชเคยมองการณ์ไกลไปถึง อนาคตของโลกอยู่ที่เอเชีย อนาคตของเอเชียอยู่ที่จีนด้วย บุชจึงไม่มองจีนเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างที่ต้องเอาชนะให้ได้)

สหภาพโซเวียต-สหรัฐ ยุคสงครามเย็น

เมื่อครั้งที่ กอร์บาชอฟ อดีตประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต ตกเป็นเป้าโจมตีจากภายในประเทศ เนื่องจากการปฏิรูปทางการเมือง เศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่เรียกว่า เปเรสตรอยกา

ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ไม่คิดซ้ำเติมกอร์บาชอฟจากปัญหาการเมืองภายใน แต่ยังร่วมมือในระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลิน (สัญลักษณ์ของสงครามเย็น) ถูกทำลาย

จอร์จ บุช ผู้มีความละเอียดอ่อน ไม่แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้าเพราะเห็นแก่กอร์บาชอฟ ท่าทีของจอร์จ บุชทำให้กอร์บาชอฟตัดสินใจหันมาเจรจากับจอร์จ บุช และประกาศยุติสงครามเย็นอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่าสหภาพโซเวียตภายใต้การนำของเขาจะไม่มีวันทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา
สงครามเย็นจึงสิ้นสุดอย่างเป็นทางการภายใต้การนำของกอร์บาชอบและบุช ที่ประเทศมอลตา

รู้ว่าควรทำอะไร

เคยมีการตั้งคำถามภายหลัง "ทำไมตอนนั้นจอร์จ บุช ถึงไม่ไปกำแพงเบอร์ลิน เพื่อประกาศชัยชนะของฝ่ายโลกเสรี"

บุชตอบว่า "จะมีประโยชน์อะไร หนึ่ง ไม่ต้องการทำให้สหภาพโซเวียตเสียหน้า สอง นี่เป็นเวลาของคนเยอรมันและยุโรปที่จะรวมตัวกัน สหรัฐควรยืนอยู่ห่างๆ"

บุชรู้หน้าที่ว่าเมื่อไรควรจะทำหรือไม่ทำอะไรในเวทีระหว่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องกร่างหรือโอ้อวด ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้นำคนนี้ ซึ่งไม่ค่อยมีประธานาธิบดีคนไหนทำได้ บุชยังเป็นคนเสนอแนวคิด Kinder, Gentler Nation ซึ่งเราไม่มีทางเห็นจากสหรัฐในวันนี้แล้ว

สหประชาชาติกับระเบียบโลกใหม่

หนึ่งเดือนต่อมา (หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย) ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ประกาศระเบียบโลกใหม่ (New World Order)

หลักการสำคัญคือ หลังจากนี้การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศต้องอาศัยกฎบัตรสหประชาชาติเป็นหลัก เมื่อประธานาธิบดีอิรัก ซัดดัม ฮุสเซน เข้ารุกรานประเทศคูเวต ซึ่งถือว่าละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ เป็นครั้งแรกที่ จอร์จ บุช สามารถทำให้มติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ไม่มีประเทศมหาอำนาจใดวีโต้ (Veto) จนสามารถปราบอิรักให้ถอนตัวจากคูเวต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนเห็นว่า จอร์จ บุช มีคุณูปการกับจีน

ผลจากครั้งนั้นเกิดระเบียบโลกใหม่ ภายใต้องค์การสหประชาชาติที่เข้มแข็งขึ้น

จดหมายจากผู้แพ้

จอร์จ บุช พ่ายแพ้ให้กับ บิล คลินตัน ในการเลือกตั้งครั้งถัดมา
ประเพณีสหรัฐ ประธานาธิบดีคนเก่าจะยกหูโทรศัพท์ร่วมแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ แต่บุชเขียนจดหมายแสดงความยินดีแก่คลินตันเมื่อคราวเข้ารับตำแหน่งที่ทำเนียบขาว

จดหมายที่เพิ่งเปิดเผยไม่นานมานี้
จดหมายที่เรียบง่าย สะท้อนความจริงใจ เชื่อมั่นในสหรัฐ รัฐธรรมนูญ และอนาคตร่วมกันของคนอเมริกัน

20 มกราคม 1993
วันที่ผมเดินเข้ามาในทำเนียบขาว ความรู้สึกคงไม่ต่างไปจากท่านที่เข้ารับตำแหน่งในตอนนี้ ความรู้สึกเคารพในสถาบัน ถึงตอนนี้ยังคงอยู่และท่านคงรู้สึกเช่นเดียวกัน
ผมหวังว่าท่านจะมีความสุขในการทำงานที่นี่ ไม่โดดเดี่ยวเหมือนอย่างที่ประธานาธิบดีบางท่านเคยกล่าวไว้
ท่านคงทราบดีว่า การเป็นประธานาธิบดีย่อมมีช่วงเวลายากลำบาก และยิ่งยากลำบากมากขึ้นเมื่อต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม
ผมไม่ใช่คนเก่งกาจในการให้คำแนะนำกับใคร แต่อยากบอกว่า อย่าปล่อยให้ใครมาทำให้ท่านท้อแท้ หรือหันเหไปจากทิศทางที่ท่านต้องการนำประเทศมุ่งไป
ท่านคือประธานาธิบดีของเรา เมื่อท่านอ่านจดหมายฉบับนี้ ผมปรารถนาดีต่อท่านและครอบครัวของท่าน ความสำเร็จของท่านย่อมเป็นความสำเร็จของประเทศด้วย
ผมเอาใจช่วยท่านอย่างเต็มที่
ขอให้โชคดี
จอร์จ

George H. W. Bush ประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐ (1989-1993)

แบบอย่างของผู้นำที่ควรเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่พูดจาสร้างความบาดหมางและแตกแยกในสังคม แม้คนอื่นจะไม่เห็นด้วยกับท่านก็ตาม รู้แพ้รู้ชนะ สามารถสนับสนุนและทำงานร่วมกับคู่แข่งทางการเมืองโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
.
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รัฐศาสตร์สู่สังคม