บทความในจุลสารฉบับนี้ ขอนำเสนอเรื่องราวของบทเพลง‘ซินโฟเนียสยามินทร์’ ของศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ธรรมบุตร ศิลปินศิลปาธร และศาสตราจารย์ ประจำภาควิชา ดุริยางคศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวาระมงคลเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้
อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ ประพันธ์เพลงบทนี้และนำออกแสดงรอบปฐมฤกษ์ โดยวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว
บทเพลง ‘ซินโฟเนียสยามินทร์’ บทนี้ เป็นผลงานในลักษณะดนตรีพรรณนา (symphonic poem) ที่ให้เสียงดนตรีสื่อถึง ‘ความผูกพันของสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชนชาวสยาม’ ที่มีมาอย่างมั่นคงตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาติเรา
บทเพลงเริ่มด้วยการนำเสนอ‘ทำนองพระมหากษัตริย์’ อันสง่างาม เป็นทำนองหลักของเพลงนี้ บรรเลงโดยกลุ่มเครื่องสายและกลุ่มแตร จากนั้นทำนองหลักนี้จะคลี่คลายออกเป็นทำนองแปร (variation) ในรูปแบบต่างๆตามกลวิธีการประพันธ์เพลงตะวันตกชั้นสูง จากนั้นดนตรีก็เข้าสู่ตอนต่างๆของบทเพลงที่มีลีลาและบรรยากาศต่างๆกัน
ตอนแรก มีชื่อว่า ‘ราชอาณาจักร’ ช่วงนี้บรรยายถึง ‘ความสงบสุข’ เมื่อครั้งเริ่มต้นราชธานีอันยิ่งใหญ่เมื่อราว 700 ปีที่แล้ว ในช่วงนี้เสียงดนตรีจะออกสำเนียงที่สื่อถึง ‘ความเป็นไทย’ แล้วค่อยๆเข้มข้นขึ้นก่อนนำกลับไปสู่ ‘ทำนองพระมหากษัตริย์’ ก่อนที่จะเข้าสู่ตอนที่สองของเพลง
ตอนที่สอง มีชื่อว่า ‘ดินแดนสากลแห่งความหลากหลาย’ บรรยายถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง เมื่อเรามีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ช่วงนี้ผู้ประพันธ์ใช้กลวิธีการประพันธ์เพื่อสื่อถึงแนวคิดนี้ ด้วยการนำเสนอดนตรีออกสำเนียงของชนชาติต่างๆที่เข้ามาติดต่อกับราชอาณาจักรไทย
เริ่มด้วยสำเนียงและลีลาดนตรีญี่ปุ่น นำเสนอด้วยกลุ่มเครื่องเป่าลมไม้เป็นหลัก ตามมาด้วย แขกเปอร์เซีย ในลีลาดนตรีสนุกสนานด้วยจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ แบบจังหวะไม่สมมาตร ผสมผสานการไล่เสียงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นตามมาด้วย ดนตรีลีลาจีน ซึ่งเริ่มต้นด้วยช่วงเดี่ยว (cadenza) ของพิณฮาร์พ ด้วยเทคนิคการรูดสาย ผสมผสานการดีดสาย (pizzicato) ของกลุ่มเครื่องสาย ตามมาด้วย ลีลาแขกอินเดีย ที่มีปี่โอโบเป็นตัวชูโรง และมีการใช้เทคนิคการตีสายบนเครื่องสายเพื่อเลียนเสียงกลองของดนตรีอินเดีย จากนั้นปิดท้ายช่วงนานาชาตินี้ด้วย เสียงดนตรีจากดินแดนยุโรป ซึ่งผู้ประพันธ์แทนด้วยเสียงเพลงสวด (chant) เพื่อวาดภาพโบสถ์ฝรั่งที่มีเป็นจำนวนไม่น้อยในราชธานีสยาม
ตอนที่สาม มีชื่อว่า ‘สงคราม’ พระมหากษัตริย์ในฐานะจอมทัพ ทรงเป็นผู้นำพาบ้านเมืองให้ผ่านพ้นและรอดปลอดภัยจากสงครามที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ในประวัติศาสตร์ของชนทุกชาติ ดนตรีช่วงนี้จะมีเสียงประสานที่กร้าวกระด้าง รวมทั้งมีจังหวะที่หนักหน่วงซับซ้อน ตลอดจนการผสมผสานเครื่องดนตรีต่างๆ อย่างเข้มข้นเร้าใจ เพื่อวาดภาพและสร้างบรรยากาศแห่งสงคราม
หลังจากนั้น ดนตรีแห่งสงครามก็จะค่อยๆคลี่คลายสู่ตอนส่งท้าย มีชื่อว่า ‘รัตนโกสินทร์’ ท่อนนี้มีทำนองเพลงที่ไพเราะอ่อนหวาน ที่ผู้ประพันธ์ดัดแปลงมาจากทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ ‘บุหลันลอยเลื่อน’ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
บทเพลง ‘ซินโฟเนียสยามิทร์’ สรุปจบลงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการหวนกลับมาของ ‘ทำนองพระมหากษัตริย์’ เพื่อสื่อถึงสถาบันซึ่งเป็นหลักชัยอันมั่นคงของชาติเรา
ขอเชิญติดตามรับฟังบทเพลง ‘ซินโฟเนียสยามินทร์’ คืนวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้