อาลัย ดร. มันโมฮัน ซิงห์: รัฐบุรุษผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจอินเดีย

- ปกิณกะอินเดีย

รับฟังเสียง


อาลัย ดร. มันโมฮัน ซิงห์: รัฐบุรุษผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจอินเดีย

เพลง Zindagi Ek Safar Hai Suhanah
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Andaz ออกฉายในปี ค.ศ. 1971 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยราเมศ ซิปปี (Ramesh Sippy) อำนวยการผลิตโดย จี.พี. ซิปปี (G. P. Sippy) ดารานำคือศัมมี กะปูร์ (Shammi Kapoor) เหมา มาลินี (Hema Malini) ราเชศ ขันนา (Rajesh Khanna) และ สิมี คเรวาล (Simi Garewal) คำว่า “Andaz” แปลว่า สไตล์

เพลงนี้ขับร้องโดย กิโศร์ กุมาร (Kishore Kumar) ชื่อเพลงแปลว่า สาวสวยเอ้ย ชีวิตนี้ก็คือการเดินทางแหละ ที่เลือกเปิดเพลงนี้เพราะเราทั้งสองประสงค์ที่จะให้รายการตอนนี้อุทิศให้การเดินทางชีวิตของ ดร. มันโมฮัน ซิงห์ (Dr. Manmohan Singh)

[ก่อนเข้าสู่เนื้อหา ขอสุขสันต์วันปีใหม่แด่ทุกคน ขอให้ทุกคนพบเจอแต่สิ่งดีงามตลอดไป แม้เราทั้งสองจะอวยพรผู้ฟังทุกคน ทว่าเราทั้งสองก็รู้สึกเศร้าใจกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเรื่องน้ำท่วมทางตอนเหนือ หรือเมื่อไม่นานนี้ที่เครื่องบินเจจูแอร์บินจากไทยสู่เกาหลีใต้แล้วไถลหลุดรันเวย์ในเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตยืนยันรวม 179 ราย รวมคนไทย 2 คน]

อาลัย ดร. มันโมฮัน ซิงห์: รัฐบุรุษผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจอินเดีย (นาที 4.50)
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่นับเป็นเรื่องเศร้าในอินเดียคือการอำลาจากโลกไปของ ดร. มันโมฮัน ซิงห์ (Manmohan Singh) อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย นับได้ว่าเป็นผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อินเดีย
ชีวประวัติของนายมันโมฮัน ซิงห์ (ต่อจากนี้ไปจะเรียกว่าซิงห์เท่านั้น)
ซิงห์เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1932 เว็บไซต์แห่งหนึ่งระบุว่า บ้านเกิดของซิงห์ คือคาห์ (Gah) หมู่บ้านในเขตจักวาล (Chakwal) ปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน ในสมัยที่ซิงห์เกิดก็ยังเป็นปัญจาบที่ยังไม่ได้แบ่งออกเป็นอินเดียกับปากีสถาน มีข้อมูลด้วยว่าบ้านเกิดของซิงห์ขาดแคลนทั้งน้ำและไฟฟ้า

บิดามารดาของซิงห์มีชื่อว่านายคุรมุข ซิงห์ โกห์ลี (Gurmukh Singh Kohli) และนางอมฤต กอร์ (Amrit Kaur) ทว่าแม่ของซิงห์เสียชีวิตตั้งแต่ซิงห์ยังเด็กมาก คนที่เลี้ยงดูซิงห์คือคุณยาย ชื่อชัมนา เทวี (Jamna Devi) ซิงห์กับคุณยายสนิทสนมกันมาก

ในช่วงเริ่มแรกซิงห์เรียนหนังสือที่คุรุทวาราในท้องถิ่น คุรุทวาราก็คือวัดซิกข์ ณ วัดซิกข์ท้องถิ่นซิงห์เริ่มเรียนรู้ภาษาอุรดู (Urdu) และภาษาปัญจาบี (Punjabi) กล่าวกันว่า ครั้นเมื่อซิงห์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขายังใช้ภาษาอุรดูและปัญจาบีเขียนเป็นคำกล่าวสุนทรพจน์อยู่บ่อยครั้ง

ปี ค.ศ. 1937 ซิงห์เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมของรัฐแห่งหนึ่ง ณ โรงเรียนแห่งนั้น ภาษาที่ใช้สำหรับการเรียนการสอนคือภาษาอุรดู ซิงห์ศึกษาที่โรงเรียนประถมแห่งนี้จนอายุ 10 ขวบ ก่อนครอบครัวของตนจะย้ายไปอยู่ที่เปชาวาร์ (Peshawar) ซึ่งซิงห์ได้เข้าเรียนระดับประถมปลายที่โรงเรียนคาลซา (Khalsa)

ปี ค.ศ. 1947 ซิงห์สอบผ่านระดับมัธยมปลาย ในปีเดียวกันด้วยที่เกิดการแบ่งประเทศเป็นอินเดียกับปากีสถาน ครอบครัวซิงห์ย้ายไปอยู่ที่หัลทวานี (Haldwani) ในฝั่งอินเดีย ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เมืองอมฤตสระ (Amritsar) ในปี ค.ศ. 1948 ณ เมืองอมฤตสระ ซิงห์เรียนที่วิทยาลัยฮินดู (Hindu College) ก่อนจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปัญจาบ (Panjab University) ที่เมืองโหศิยาร์ปูร์ (Hoshiarpur) ในปัญจาบ

หลังจากนั้นก็ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (University of Cambridge) ขณะเรียนที่เคมบริดจ์ การขาดเงินทุนรบกวนใจซิงห์ไม่น้อยเลย หนึ่งในนั้นที่เล่าเรื่องนี้คือ ดะมัน ซิงห์ (Daman Singh) ลูกสาวของซิงห์ซึ่งเคยเขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ เธอเขียนประมาณว่า พ่อได้รับเงินทุนจากมหาวิทยาลัยปัญจาบ 160 ปอนด์ต่อปี แต่ค่าใช้จ่ายในอังกฤษประมาณ 600 ปอนด์ต่อปี

ซิงห์ศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์มาโดยตลอด ครั้นเมื่อเรียนจบจากเคมบริดจ์แล้ว ก็กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยปัญจาบ

ปี ค.ศ. 1960 ซิงห์เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) หัวข้อดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกที่ออกซฟอร์ดคือ "India's export performance, 1951-1960, export prospects and policy implications" ภายหลังตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “India's Export Trends and Prospects for Self-Sustained Growth”

กลับจากออกซฟอร์ดก็มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปัญจาบจนถึงปี ค.ศ. 1965 ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์แล้ว
ประสบการณ์การทำงาน
ปี ค.ศ. 1966-1969 ซิงห์เข้าทำงานที่ the United Nations Conference on Trade and Development (UNCTAD) ในเวลาต่อมาซิงห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศโดยนักการเมืองชื่อลลิต นารายัณ มิศรา (Lalit Narayan Mishra) เหตุผลที่ซิงห์ได้รับการแต่งตั้งนี้ก็เพราะความรู้ความสามารถของซิงห์ด้านเศรษฐศาสตร์

ปี ค.ศ. 1969-1971 ซิงห์เป็นศาสตราจารย์ด้านการค้าระหว่างประเทศที่ Delhi School of Economics มหาวิทยาลัยเดลี

ปี ค.ศ. 1972-1981 ซิงห์ดำรงตำแหน่งสำคัญด้านเศรษฐกิจหลายตำแหน่ง

ปี ค.ศ. 1982 ซิงห์ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นทันทีเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย
ซิงห์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 1991 นรสิงห์ ราว (Narasimha Rao) นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นตัดสินใจเลือกซิงห์ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ซิงห์เคยเล่าเรื่องนี้ให้นักเขียนชาวอังกฤษว่า ระหว่างที่นรสิงห์ ราว กำลังฟอร์มคณะรัฐมนตรี เขาก็ส่งคนมาหาซิงห์เพื่อขอให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซิงห์กล่าวว่าตนไม่ได้จริงจังมากสักเท่าใด คงไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า เช้าวันรุ่งขึ้นนรสิงห์ ราว ตามตัวซิงห์ ขอให้ซิงห์รีบแต่งตัวมาที่สำนักงานประธานาธิบดีเพื่อสาบานตนรับตำแหน่ง ซิงห์เสริมว่า นั่นคือครั้งแรกที่ตนเข้าสู่การเมือง

ซิงห์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991-1996 ซึ่งเป็นการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ประวัติศาสตร์ต้องจดจำชื่อของซิงห์ เพราะซิงห์เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในช่วงที่อินเดียตกต่ำทางเศรษฐกิจแบบย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่ซิงห์ได้ทำก็คือใช้โอกาสนี้ปฏิรูปเศรษฐกิจอินเดีย พยายามเดินออกจากสังคมนิยมแบบเนห์รู (Nehruvian) ให้มากที่สุด

การปฏิรูปครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อินเดียเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจดังที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ความรู้ความสามารถของซิงห์นั้นเด่นชัดมาก ในที่สุดซิงห์ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004-2014
ซิงห์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ซิงห์เป็นคนพูดน้อย และไม่มีทักษะในการหาเสียงเลือกตั้ง ในปี ค.ศ. 1999 ซิงห์สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทว่าซิงห์ก็พ่ายแพ้ แต่ความสามารถในการบริหารจัดการประเทศของซิงห์นั้นยิ่งใหญ่มาก พรรคคองเกรสที่ซิงห์สังกัดจึงวางให้ซิงห์เป็นสมาชิกวุฒิสภาแทน

ในปี ค.ศ. 2004 เมื่อโซเนีย คานธี (Sonia Gandhi) ปฏิเสธที่จะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคการเมืองที่จะรวมตัวเป็นฝ่ายค้านต่อต้านการเป็นนายกรัฐมนตรีของเธอเนื่องด้วยเหตุผลที่เธอไม่ได้เกิดในอินเดีย โซเนีย คานธียอมไม่เป็นนายกรัฐมนตรี และขอเสนอชื่อซิงห์แทน หลายคนทราบดีว่าโซเนีย คานธีคือแหล่งอำนาจที่แท้จริง เพราะซิงห์ไม่มีฐานเสียง

ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยแรก ซิงห์ประสบความสำเร็จในหลายด้านโดยเฉพาะการทำให้อินเดียเป็นที่ยอมรับว่าอินเดียเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังทำให้อินเดียใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกามากขึ้นอีก เพราะอินเดียสามารถตกลงกับสหรัฐฯ ในการใช้เทคโนโลยีด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ได้

แม้ว่าเขาจะได้รับความเคารพในความซื่อสัตย์และสติปัญญาของเขา แต่ซิงห์ก็ถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ไม่แกร่งขาดความเด็ดขาด ผู้ที่วิจารณ์ซิงห์มองว่า การขาดความเด็ดขาดทำให้การปฏิรูปชะลอตัวลง และซิงห์ล้มเหลวในการบรรลุผลสำเร็จแบบเดียวกับที่เขามีขณะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง

อย่างไรก็ตาม ซิงห์ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเขาสามารถนำพาพรรคคองเกรสชนะเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลในปี ค.ศ. 2009 แต่ในสมัยที่สองนี้ ซิงห์ประสบความล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะรัฐมนตรีของซิงห์ถูกกล่าวหาว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง แม้คำกล่าวหาจะมีมูลในบางกรณี แต่ไม่มีใครสามารถกล่าวหาซิงห์ได้ว่าเขาได้ทำการใด ๆ ที่เป็นการกระทำฉ้อราษฎร์บังหลวง แม้ตัวซิงห์จะไม่ได้ทำการที่ทุจริต แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลซิงห์ก็ต้องรับกรรมด้วย
สิ่งที่ซิงห์ได้ทำไว้และจะได้รับการจดจำคงมีดังนี้
1. ความหาญกล้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจอินเดีย
2. การมีนโยบายการต่างประเทศที่ปฏิบัติได้จริง ค่อย ๆ ออกจากการต่างประเทศแบบเดิม
3. โครงการ Mahatma Gandhi National Rural Employment Guarantee Act (MGNREGA) (2005) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการจ้างงาน 100 วันต่อปีแก่ครัวเรือนในชนบท
4. Right to Information Act (2005) หรือสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ที่เสริมสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบโดยการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ
5. National Food Security Act (2013) รับประกันธัญพืชอาหารที่ได้รับการอุดหนุนเกือบสองในสามของประชากรอินเดีย
ซิงห์อำลาจากโลกไป
โรงพยาบาล All India Institute of Medical Sciences ณ เดลี ระบุในแถลงการณ์ว่า ซิงห์เข้าโรงพยาบาลในวันที่ 26 ธันวาคม หลังจากที่สุขภาพของเขาแย่ลงเนื่องจาก “หมดสติกะทันหันที่บ้าน” แถลงการณ์ดังกล่าวเสริมด้วยว่า ซิงห์ได้รับการดูแลตามเงื่อนไขทางการแพทย์ตามอายุมาโดยตลอดแม้ทางโรงพยาบาลได้พยายามช่วยซิงห์แล้ว แต่อีกไม่นานนักก็ประกาศว่า ซิงห์เสียชีวิตเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม 2024 ด้วยวัย 92 ปี ผู้นำหลายประเทศลงข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ดร. มันโมฮัน ซิงห์

นายลอเรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แสดงความเสียใจโดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า “ดร. ซิงห์เป็นรัฐบุรุษผู้พลิกโฉมและเปิดเสรีเศรษฐกิจของอินเดียผ่านวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของเขา นี่เป็นการปูทางสำหรับการเติบโตที่โดดเด่นของอินเดียและการก้าวขึ้นมาเป็นตัวแสดงหลักระดับภูมิภาคและระดับโลก”

นายแอนโทนี เจ. บลิงเคน (Antony J. Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ดร. ซิงห์ ใจความตอนหนึ่งกล่าวว่า ดร. ซิงห์เป็นบุคคลสำคัญว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดีย ที่อินเดีย ดร.ซิงห์จะเป็นที่จดจำถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจที่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของอินเดีย

นายนเรนทรา โมดี พูดถึง ดร.ซิงห์ได้ยาวมาก และกล่าวได้ด้วยว่าเป็นข้อความที่ดีมาก ๆ ตอนหนึ่งโมดีกล่าวว่า “เขาจะเป็นที่จดจำตลอดไปในฐานะบุคคลผู้มีจิตใจดี เป็นนักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ และผู้นำที่อุทิศตนเพื่อการปฏิรูป” นายโมดีได้ให้เกียรติจัดงานศพระดับรัฐสมศักดิ์ศรีที่ ดร. มันโมฮัน ซิงห์ควรได้รับการยกย่อง

ขอจบท้ายด้วยประโยคหนึ่งที่ ดร. มันโมฮัน ซิงห์เคยกล่าวไว้ “ข้าพเจ้าเชื่อโดยสุจริตใจว่าประวัติศาสตร์จะเมตตาข้าพเจ้ามากกว่าสื่อร่วมสมัยหรือฝ่ายค้านในรัฐสภา”

รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [4 ม.ค.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ

(Live) รายการ เปิดโลกเศรษฐกิจ