ลุงเนห์รู ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ

- ปกิณกะอินเดีย

รับฟังเสียง


ลุงเนห์รู ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ

เพลง O Saathi Re
เพลงนี้เดิมทีเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Muqaddar ka Sikandar (ผู้พิชิตชะตากรรม) ภาพยนตร์ปี ค.ศ. 1978 กำกับโดย ประกาศ เมห์รา (Prakash Mehra) นำแสดงโดยอมิตาภ พัจจัน (Amitabh Bachchan) ดาวค้างฟ้าอีกคนในวงการภาพยนตร์อินเดีย ดารานำฝ่ายหญิงคือ ราขี กุลซาร์ (Rakhee Gulzar) เพลงดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นเพลงอมตะเพลงหนึ่งก็ว่าได้ ผู้ขับร้องในเวอร์ชั่นภาพยนตร์คือ กิโศร์ กุมาร (Kishore Kumar) แต่ในรายการเราให้ท่านรับฟังเวอร์ชั่นที่ไพเราะไม่แพ้กันของอวีร์ภาว (Avirbhav) หนูน้อยวัยเจ็ดขวบจากมลรัฐเกรละที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก เพราะชนะการประกวดร้องเพลงรายการ Superstar Singer 3

ที่สำคัญคือเขาร้องเพลงภาษาฮินดีทั้งที่ตนเองสื่อสารภาษาฮินดีไม่ได้สักนิด เขาพูดแต่ภาษามลยาฬัมซึ่งเป็นภาษาของรัฐเกรละ กรรมการยังต้องพูดกับเขาด้วยภาษาอังกฤษง่าย ๆ อยู่เลย นอกจากนี้ที่น่าเอ็นดูอีกอย่างคือหนูน้อยอวีร์ภาวยืนร้องเพลงบนเก้าอี้ แค่เขาเริ่มต้นร้องประโยคแรก เขาก็สะกดกรรมการทุกคนให้ตะลึงงันและเพลิดเพลินกับเสียงร้องจนกรรมการบางคนลุกขึ้นเต้นตาม นับว่าเขาเป็นผู้ชนะที่ไร้ข้อกังขาจริง ๆ เหนือกว่าคู่แข่งขันอีกหลายคนที่พูดภาษาฮินดีเป็นภาษาแม่ด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้เราเคยให้ฟังเพลงของอวีร์ภาวไปแล้วทีหนึ่ง แต่การที่วันนี้เราเปิดเพลงของเขาอีกครั้ง เหตุผลง่าย ๆ และชัดเจนมากคือวันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติของไทย อย่างที่เราทุกคนทราบดีว่าเด็กคืออนาคตของชาติ เราอยากให้ทุกท่านได้ฟังความสามารถอันมหัศจรรย์ของเด็ก และสนับสนุนให้เด็กทุกคนได้ก้าวตามความฝันของตน ตัวอย่างเช่นอวีร์ภาวคนนี้ ถ้าเขาไม่เลิกร้องเพลงไปเสีย ก็คาดหวังได้เลยว่า เขาคงจะได้เป็นนักร้องระดับตำนานอีกคนหนึ่งแน่นอน

ส่วนเรื่องเนื้อเพลงก็คงต้องแปลให้ฟังสักหน่อย เอาท่อนสั้น ๆ ที่เปิดไปเมื่อสักครู่

O saathi re, tere bina bhi kya jeena
โอ้แม่ยอดชีวิต ปราศจากเธอเสียแล้ว ชีวิตก็ไร้ค่าใด ๆ
Phoolon mein, kaliyon mein,
ในหมู่มวลบุปผา ในบรรดายอดดอกตูม
Sapno ki galiyon mein
บนถนนแห่งความฝัน
Tere bina kuch kahi na
ปราศจากเธอก็ไร้ซึ่งสิ่งใด ๆ

ลุงเนห์รูผู้เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ (นาที 6.15)
เนื้อหาของเราในวันนี้เกี่ยวข้องกับเด็ก และยังเกี่ยวข้องกับรัฐบุรุษอินเดียคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งคือ ยวาหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru) นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียเอกราชนั่นเอง พูดถึงเนห์รูคงไม่มีใครไม่รู้จัก และภาพที่ผุดขึ้นมาทันทีก็คงเป็นภาพชายร่างผอมใบหน้าใจดี สวมเสื้อกั๊กและสวมหมวกหนีบสีขาว

สาเหตุที่ต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับท่านก็เพราะว่าวันเด็กแห่งชาติของอินเดีย หรือที่เรียกเป็นภาษาฮินดีว่า บาลดิน (Bal Din) ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีนั้น เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านนายกเนห์รูด้วย

ทำไมต้องใช้วันเกิดเนห์รู เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเนห์รูเป็นคนรักเด็กมาก และเด็ก ๆ ก็เรียกท่านอย่างรักใคร่ว่า “จาจาเนห์รู” (Chacha Nehru) แปลว่า “ลุงเนห์รู” ความสำคัญของวันนี้ก็เพื่อให้ตระหนักถึง สิทธิ การศึกษา และสวัสดิการของเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่เนห์รูมุ่งมั่นที่จะสร้างอยู่เสมอมา

คำว่า “Chacha” ที่นิยมใช้กันในทางตอนเหนือของอินเดีย อาจหมายถึงอา คือน้องของพ่อ ในกรณีที่ใช้อย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อหมายถึงอา ก็จะหมายความว่าพี่ชายของพ่อที่หมายถึงลุงนั้นจะเรียกว่า “Taya” (ตายา) ในขณะเดียวกัน คำว่าจาจาโดยรวมก็อาจจะหมายถึงพี่หรือน้องของพ่อก็ได้ ฉะนั้นแล้ว ที่แปลมาเป็นลุงก็เพราะความหมายที่สองที่ใช้แบบโดยรวม อีกประเด็นคือ สำหรับภาษาไทยเรามองว่า แปลเป็นลุงจะเหมาะกับบริบทไทยมากกว่า
ชีวิตของยวาหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)
เนห์รูเกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1889 เมืองอัลลาหะบาด (Allahabad) ในอุตตรประเทศ ในครอบครัวตระกูลพราหมณ์แคชเมียร์ เป็นบุตรคนโตของโมติลาล เนห์รู (Motilal Nehru) ผู้มีอาชีพทนายความ ส่วนมารดาคือสวรูป รานี (Swarup Rani) มีน้องสาวอีกสองคนคือ วิชัยลักษมี (VIjaylaxmi) และ กฤษณา (Krishna)

วัยเด็กของเนห์รูนั้นเป็นไปอย่างค่อนข้างสุขสบายและปราศจากอุปสรรคใด ๆ กล่าวคือ บ้านค่อนข้างมีฐานะดี อยู่ในความดูแลประคบประหงมของบิดามารดามาตลอด กอปรกับที่โมติลาลพ่อของเนห์รูเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาก มีเงินทองมากมายพอที่จะให้ความสุขสบายแก่บุตรธิดาของตนทุกคนได้อย่างเหลือเฟือ

เรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับโมติลาลที่ควรเอาเป็นแบบอย่างคือ โมติลาลเป็นคนที่ปฏิบัติต่อลูกทั้งสามคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย จริงอยู่ ยวาหระลาลคือบุตรชายคนเดียวของเขา แต่ข้อเท็จจริงนี้ก็มิได้ทำให้โมติลาลปฏิบัติต่อลูกสาวอีกสองคนด้อยไปกว่ากันเลย ทุกคนได้รับการศึกษาและสิทธิพิเศษอย่างเท่าเทียม มีความหรูหราสะดวกสบายทุกประการ มีทั้งสระว่ายน้ำและสนามเทนนิสในบ้าน และจ้างครูมาสอนส่วนตัวที่บ้านในช่วงแรก ๆ ก่อนที่จะส่งเข้าโรงเรียนของท้องถิ่นในเวลาต่อมา

เมื่อกล่าวถึงการศึกษาของลูก ๆ แล้ว โมติลาลไม่เคยปฏิบัติย่อหย่อนเลย เพราะเขาถือว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ แต่ครอบครัวของเขาติดจะหัวนอกอยู่สักนิด ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของบรรดาชนชั้นนำช่วงก่อนอินเดียได้รับเอกราช โมติลาลเน้นหนักในการปูพื้นฐานการศึกษาของลูก ๆ ด้วยระบบของโลกตะวันตก และให้ลูก ๆ หัดใช้ภาษาอังกฤษ โดยให้เรียนกับครูชาวอังกฤษที่จ้างมาเป็นพิเศษ รวมทั้งหัดมารยาทและธรรมเนียมแบบตะวันตกด้วย เนห์รูจึงใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วและดีเยี่ยม และรู้จักวิธีเข้าสังคมกับชาวตะวันตกเป็นอย่างดี

อาจด้วยปัจจัยที่เนห์รูถูกฟูมฟักมาอย่างดี เลี้ยงดูมาอย่างยุติธรรม จึงทำให้เนห์รูมีจิตใจที่อ่อนโยน รักและเมตตาเด็ก และซึมซับนิสัยกว้างขวางของโมติลาลผู้บิดาด้วย ครอบครัวโมติลาลไม่เคยกีดกันเรื่องชนชั้นวรรณะ คฤหาสน์ของตระกูลเนห์รูที่ชื่อ อานันทภวัน (Anand Bhawan) เปิดต้อนรับทุกคนอยู่เสมอ และปฏิบัติต่อแขกผู้มาเยือนอย่างให้เกียรติ
เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยของเนห์รูนี้ก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง
เพราะเดิมทีคฤหาสน์ที่ชื่ออานันทภวันหลังแรกนั้น ปัจจุบันคือ สวราชภวัน (Swaraj Bhawan) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญแห่งหนึ่งในฐานะบ้านเกิดของอินทิรา คานธี ก็อานันทภวันหลังแรกนี้เองที่เป็นที่ประชุมของพรรคคองเกรสสมัยต่อสู้เรียกร้องเพื่อเอกราชของอินเดีย ซึ่งหลังจากโมติลาล เนห์รูได้อุทิศให้พรรค เขาได้สร้างอานันทภวันหลังใหม่ขึ้น แล้วเรียกแห่งแรกว่า “สวราชภวัน” แทน

ในภายหลัง สมัยที่อินทิรา คานธี ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เธอก็ได้อุทิศอานันทภวันหลังใหม่นี้ให้เป็นสมบัติชาติในปี ค.ศ. 1970 และปัจจุบันดำรงอยู่ในฐานะพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่น้อย ท่านผู้ฟังสามารถไปเยี่ยมเยือนได้ทั้งสองแห่งที่กรุงประยาคราช (Prayagraj) ชื่อปัจจุบันของอัลลาหะบาด
เนห์รูเริ่มต่อสู้เรียกร้องเพื่อเอกราชตามแนวทางของมหาตมาคานธีเป็นช่วงเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912-1938
แน่นอนว่าในระหว่างนั้นมีเรื่องราวมากมาย เราคงสามารถทำเป็นตอนแยกได้อีกหลายตอน ดังนั้นสำหรับตอนนี้ขอเล่าย่อ ๆ เพียงว่า เนห์รูได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียอิสระ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเฉพาะกาลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1947 ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 18 ปี จนกระทั่งมรณกรรมของท่านในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1964
เกี่ยวกับความห่วงใยของเนห์รูที่มีต่อเด็ก ๆ และสวัสดิการของพวกเขา
เอ็ม.โอ. มาไท (M.O. Mathai) เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง My Days With Nehru (1979) ว่า “เนห์รูมองเห็นอนาคตของอินเดียผ่านใบหน้าที่ไร้เดียงสาและดวงตาที่เป็นประกายของพวกเขา เขาเชื่อมั่นว่าการใช้เงินลงทุนไปกับเด็ก ๆ และกับแม่ของพวกเขานั้น ไม่ว่าจะจำนวนเท่าใดก็ไม่เคยมากเกินไป และนั่นเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่คุ้มค่า”

ในการสัมภาษณ์เมื่อปี ค.ศ. 1958 เมื่อราม นารายัณ จอธารี (Ram Narayan Chaudhary) ถามว่าเขาชื่นชอบเด็ก ๆ เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติใช่หรือไม่ เนห์รูตอบว่า “ผมรู้สึกเสมอมาว่าเด็ก ๆ ในวันนี้จะเป็นผู้สร้างอินเดียในวันพรุ่งนี้ และวิธีที่เราเลี้ยงดูพวกเขาจะกำหนดอนาคตของประเทศ”

เนห์รูสร้างสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับรุ่นเด็กและเยาวชน โดยมักจะมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ๆ ด้วยความอบอุ่นและความรักที่แท้จริง ดังที่ได้กล่าวแล้ว การเติบโตของเนห์รูเองเต็มไปด้วยสิทธิพิเศษ และการสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลายมาตั้งแต่เด็กได้ปลูกฝังให้ท่านรู้สึกถึงความรับผิดชอบในการกำหนดอนาคตของชาติ

เนห์รูเชื่อมั่นว่าเด็ก ๆ จะเป็นผู้จุดประกายความก้าวหน้าและเป็นสถาปนิกของอินเดียยุคใหม่ ท่านเล็งเห็นศักยภาพในตัวเด็กๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของชาติ และทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและการพัฒนา

ความชื่นชอบที่เนห์รูมีต่อเด็กๆ นั้นเห็นได้ชัดจากภาพถ่ายมากมายที่บันทึกช่วงเวลาอันเป็นธรรมชาติของท่านกับเด็กๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแท้จริงที่ก้าวข้ามการแสดงท่าทีทางการเมือง
ความมุ่งมั่นของเนห์รูต่อการเรียนรู้และการศึกษาเป็นรากฐานของวิสัยทัศน์ของท่านที่มีต่ออินเดีย
เนห์รูตระหนักถึงบทบาทสำคัญของการศึกษาในการหล่อหลอมจิตใจและส่งเสริมความรู้สึกเป็นพลเมือง ในการแสวงหาชาติที่ก้าวหน้าและรู้แจ้ง ท่านได้วางรากฐานสำหรับการจัดตั้งสถาบันการศึกษาระดับสูง รวมถึงสถาบันชั้นนำหลายแห่งในอินเดีย

ในสายตาของเนห์รู เด็ก ๆ ไม่เพียงแต่เป็นผู้รับการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการสร้างชาติ เนห์รูจึงมุ่งมั่นที่จะมอบการศึกษาที่มากกว่าเฉพาะในหนังสือเรียนให้แก่เด็ก ๆ โดยส่งเสริมแนวทางแบบองค์รวมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความรู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม

วิสัยทัศน์ของเนห์รูสำหรับการศึกษาคือการมีส่วนร่วม โดยมุ่งหวังที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างผู้มีสิทธิพิเศษและผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้
เลือกวันเกิดของเนห์รูเป็นวันเด็กแห่งชาติอินเดีย
การที่รัฐบาลตัดสินใจเลือกกำหนดวันเกิดของเนห์รูเป็นวันเด็กแห่งชาติอินเดีย หาใช่การตัดสินใจโดยพลการไม่ หากแต่เป็นการยกย่องให้เกียรติต่อความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงมรดกและค่านิยมของเขา ยกย่องความมุ่งมั่นและอุตสาหะของเนห์รูที่มีต่อสวัสดิการและการพัฒนาเด็ก และแสดงความเคารพต่อผู้นำที่มองเห็นศักยภาพในตัวเยาวชนในการขับเคลื่อนอินเดียไปสู่อนาคตที่สดใสและก้าวหน้า

แน่นอนว่าวันเด็กย่อมไม่เพียงแต่เป็นวันแห่งการรำลึกเท่านั้น แต่ยังเป็นวันที่เรียกร้องให้เกิดการกระทำเชิงรุกอีกด้วย กล่าวคือทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจให้อินเดียต้องมุ่งมั่นที่จะมอบสภาพแวดล้อมที่เอื้ออาทรแก่เด็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตและบรรลุศักยภาพของตนเองได้ การเฉลิมฉลองวันเด็กประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมายที่มุ่งหวังที่จะมอบความสุข การเรียนรู้ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเด็ก ๆ ทุกคน

เมื่อถึงวันเด็กในอินเดีย จึงมีกิจกรรมและงานต่าง ๆ มากมายที่ตอบสนองความสนใจและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ๆ โรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดโปรแกรมทางวัฒนธรรม การแข่งขัน และงานกีฬาเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนแสดงความสามารถและทักษะของตนเอง โดยเน้นไม่เพียงแต่ความสำเร็จทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม และความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

นอกเหนือจากกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว องค์กรทางวัฒนธรรมต่างๆ องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานของรัฐยังจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็กๆ อีกด้วย ได้แก่ เวิร์กชอปศิลปะและงานฝีมือ การเล่านิทาน และนิทรรศการแบบโต้ตอบที่ดึงดูดเด็ก ๆ ในรูปแบบที่สนุกสนานและให้ความรู้ วัตถุประสงค์คือเพื่อสร้างบรรยากาศที่เด็ก ๆ รู้สึกมีคุณค่า ได้รับการชื่นชม และได้รับการสนับสนุนให้สำรวจศักยภาพของตนเอง
คำกล่าวของเนห์รูบางประโยคที่ว่าด้วยเด็ก ๆ
“เด็ก ๆ ก็เปรียบเสมือนดอกตูมที่รอเบ่งบานในสวน จำต้องเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมด้วยความรัก เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติและประชากรแห่งวันพรุ่งนี้”

“เด็ก ๆ ของชาติหนึ่งใดก็คือขุมกำลังของชาตินั้น พวกเขาคือบรรดาผู้ที่จักต้องสืบทอดมรดกแห่งอดีตกาล และแปรเปลี่ยนอุดมคติให้ออกมาเป็นความจริง”

“ฉันเชื่อว่า ความรักอันจริงใจ ความอบอุ่นที่แท้จริง และการเข้าใจเด็กอย่างลึกซึ้งนั่นเองจึงจะเป็นคุณสมบัติข้อสำคัญของครูที่ดี”

“ฉันอาจจะไม่มีเวลาพอจะให้พวกผู้ใหญ่ แต่ฉันมีเวลาให้เด็ก ๆ เสมอ”

ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. 2568

รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [11 ม.ค.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ

(Live) รายการ มนุษย์จุฬาฯ