เพลง Maha Kumbh Hai
หมายถึง พิธีมหากุมภเมลา ที่เป็นหัวข้อของเราในวันนี้นั่นเอง เพลงดังกล่าวขับร้องโดย ไกลาศ เคร์ (Kailash Kher) ประพันธ์เนื้อร้องโดย อาโลก ศรีวาสตวะ (Alok Shrivastav) ดนตรีโดย กษิติช ตาเรย์ (Kshitij Tarey) ออกอากาศทางช่องดูรดรรชัน (Doordarshan) สำหรับโอกาสพิธีมหากุมภเมลา 2025 โดยตรง
สาเหตุที่เลือกเปิดเพลงนี้ก็เพราะเรากำลังพูดถึงมหากุมภเมลา ดังนั้นเราจะเข้าสู่รายละเอียดของเรื่องเลย
มหากุมภเมลา: เทศกาลฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย (นาที 4.10)
แม้ว่าเราจะตั้งชื่อหัวข้อวันนี้ว่า “มหากุมภเมลา” ตามด้วยสร้อย “เทศกาลฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย” ทว่าจริง ๆ แล้วก็อาจปรับเปลี่ยนสร้อยชื่อใหม่เป็น “การรวมตัวสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เลยก็ว่าได้เหตุที่คุยเรื่องมหากุมภเมลา ก็เพราะว่า ณ ขณะนี้มีชาวฮินดูกำลังร่วมเทศกาลนี้ในอินเดียจำนวนมาก ในปีนี้มหากุมภเมลาเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มกราคม ยาวไปถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปีนี้ (ค.ศ. 2025) จัดที่เมืองประยาคราช (Prayagraj) ในมลรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh)
หากจะแปลกันอย่างตรงตัว “Kumbh Mela” หมายถึง “เทศกาลหม้อศักดิ์สิทธิ์” คำว่า kumbh แปลว่า หม้อ ส่วน mela แปลว่า งานหรือเทศกาล ในกรณีนี้คำว่าเทศกาลจะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม ใคร่ชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่า คำว่า กุมภะ (kumbha) ที่มาจากคำภาษาสันสกฤต ยังเป็นชื่อภาษาสันสกฤตของราศีกุมภ์ด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราศีที่ดาวพฤหัสบดีอาศัยอยู่ในช่วงเมลาหริทวาร

เทศกาลนี้โดยหลักแล้วจะเฉลิมฉลองในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่งในอินเดีย แต่ละแห่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
1. เมืองหริทวาร (Haridwar) ตรงแม่น้ำคงคาในมลรัฐอุตตรขัณฑ์ (Uttarakhand ซึ่งเมื่อก่อนก็คือมลรัฐอุตตรประเทศ2. เมืองอุชเชนี (Ujjain) ตรงแม่น้ำกษิปรา (Shipra) ในมลรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh)
3. เมืองนาสิก (Nashik) ตรงแม่น้ำโคทาวารี (Godavari) ในมลรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra)
4. เมืองประยาคราช ในมลรัฐอุตตรประเทศที่ซึ่งแม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา (Yamuna) และแม่น้ำสรัสวตี (Saraswati) ที่เป็นตำนานมาบรรจบกัน
การเฉลิมฉลองของแต่ละสถานที่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งทางดาราศาสตร์ที่แตกต่างกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แน่นอนเมื่อตำแหน่งเหล่านี้ถูกครอบครองจนเต็ม
ความถี่ของการเกิดกุมภเมลา
กุมภเมลาแต่ละแบบกินเวลานานหลายสัปดาห์ พบเห็นในเวลาและสถานที่ต่าง ๆ ตามประเพณีของชาวฮินดู การรวมตัวเหล่านี้มีความสำคัญทางจิตวิญญาณอย่างมากและดึงดูดผู้ศรัทธานับล้านจากทั่วโลกความถี่ของการเกิดเมลาจะแตกต่างกันไป บ้างก็เกิดขึ้นทุกปี และมหากุมภเมลา หรือ “เทศกาลกุมภะอันยิ่งใหญ่” จะจัดขึ้นทุก ๆ 144 ปีในเมืองประยาคราช
เว็บไซต์แห่งหนึ่งจัดทำตารางไว้อย่างดี คุณณัฐช่วยอธิบายตามตารางให้ท่านผู้ฟังได้ทราบกันหน่อยครับ

ต้นกำเนิดของกุมภเมลา
ตามขนบประเพณี ระบุกันว่า ต้นกำเนิดของกุมภเมลามาจากนักปราชญ์ ศังกระ (Shankara) ในศตวรรษที่ 8 ซึ่งจัดให้มีการรวมตัวของนักพรตผู้รอบรู้เพื่อหารือและอภิปรายกันเป็นประจำตามตำนาน การริเริ่มกุมภเมลามาจากปุราณะ (Puranas) ก็คือวรรณกรรมที่รวบรวมเรื่องราวปรัมปราและตำนาน) ตามนี้ก็มีเรื่องเล่าถึงวิธีที่เหล่าเทพเจ้าและอสูรต่อสู้เพื่อแย่งชิงหม้อ (กุมภะ) แห่งอมฤต ซึ่งเป็นน้ำแห่งความเป็นอมตะอันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรหรือมหาสมุทรน้ำนม
การกวนเกษียรสมุทรนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในชื่อ สมุทรมันถนะ (Samudra Manthana) หรือ สาครมันถนะ (Sagara Manthana) ตำนานพรรณนาว่าเมื่อเกษียรสมุทรกวนได้ที่แล้วจึงเกิดของวิเศษต่าง ๆ ลอยออกมา และท้ายที่สุดจึงมีเทวีทูนหม้อน้ำอมฤตผุดขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้อสูรได้รับน้ำอมฤต นางอัปสรชื่อโมหินี ซึ่งเป็นอวตารของพระวิษณุจึงคว้าหม้อใบนั้นและพาขึ้นสวรรค์ไป ขณะที่เธอทำเช่นนั้น หยดน้ำอมฤตก็ตกลงบนสถานที่บนโลกทั้งสี่แห่งของกุมภเมลา (หริทวาร อุชเชนี นาสิก ประยาคราช) ในช่วงเวลาสูงสุดของแต่ละเมลา เชื่อกันว่าแม่น้ำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แปรสภาพเป็นภาชนะแห่งน้ำทิพย์แห่งความเป็นอมตะในยุคดึกดำบรรพ์ที่สื่อถึงคุณประโยชน์แก่ผู้แสวงบุญ
อีกแหล่งที่พูดถึงกุมภเมลาคือเรื่องราวของนักเดินทางชาวจีนชื่อดังพระถังซัมจั๋ง (Xuanzang) ผู้บันทึกความงดงามของกุมภเมลาระหว่างการเยือนอินเดียในช่วงปี ค.ศ. 629-645
งานเขียนของพระถังซัมจั๋งเน้นถึงการกระทำอันเปี่ยมด้วยน้ำพระทัยของพระเจ้าหรรษะ (Harsha) ณ จุดบรรจบของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระองค์ประทานของขวัญและบริจาคให้แก่เหล่านักปราชญ์และนักพรต พระเจ้าหรรษะยังทรงมีชื่อเสียงจากการจัดงานรวมห้าสิบห้าปีที่ยิ่งใหญ่ ณ จุดบรรจบอันศักดิ์สิทธิ์ในเมืองประยาค (Prayag) (ปัจจุบันเรียกว่าประยาคราช) ซึ่งในระหว่างนั้นพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ทั้งหมด
ผู้เข้าร่วมงานกุมภเมลามาจากทุกภาคส่วนของชุมชนศาสนาฮินดู
รวมถึงนักบวชที่ทางอินเดียนิยมเรียกว่าสาธุ (Sadhus) ด้วย บางคนไม่นุ่งห่มอะไรเลย และฝึกฝนวินัยทางร่างกายขั้นอุกฤษฏ์ที่สุด ฤาษีบางคนยอมออกจากความโดดเดี่ยวก็เพื่อแสวงบุญในกุมภเมลาเท่านั้น นักบวชหรือครูทางศาสนาบางคนก็แต่งกายเต็มรูปแบบใช้เครื่องนุ่งห่มที่ดีที่สุดด้วย องค์กรทางศาสนาที่เป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มที่เข้าร่วมเทศกาลก็หลายหลากมาก แม้แต่เรื่องการเมืองก็เข้ามาเกี่ยวข้อง หลายคนที่เป็นตัวแทนขององค์กรทางศาสนาที่ดูแลเรื่องสวัสดิการสังคมหรือเป็นนักล็อบบี้ก็ปรากฏตัวในเทศกาลนี้กันด้วย ลูกศิษย์ มิตรสหาย และผู้ชมจำนวนมากก็เข้าร่วมกับนักพรตและองค์กรต่าง ๆ ในเทศกาลนี้การเมืองระหว่างนักพรตก็ไม่น้อย ต่างก็มีความเชื่อว่าตนยิ่งใหญ่ ดังนั้นก็จะมุ่งไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในกุมภเมลา ซึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็จะอ้างสิทธิ์โดยกลุ่มนักพรตติดอาวุธที่เรียกว่านาคสาธุ (naga sadhus) นักพรตเหล่านี้เคยประกอบอาชีพทหารรับจ้างและพ่อค้า แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลอินเดียบังคับใช้คำสั่งอาบน้ำที่จัดตั้งขึ้นแล้ว แต่ประวัติศาสตร์ก็บันทึกความขัดแย้งอันนองเลือดระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่แย่งชิงตำแหน่งผู้นำด้วย ภาพที่เราเห็นในปัจจุบันก็ค่อนข้างเป็นภาพที่ดีบ่งบอกถึงความรักความสามัคคีของชุมชนที่มีศรัทธาอันแรงกล้า
กุมภเมลามีพิธีกรรมอย่างไร
จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนหรือแต่ละองค์กร ทว่าที่เราเห็นได้ชัดก็พอมีดังนี้ความโดดเด่นของกุมภเมลา เริ่มด้วยขบวนแห่เปศไว (Peshwai) ซึ่งเป็นพิธีการของอขระ (akharas) มาจากองค์กรวัดฮินดูแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานวินัยทางจิตวิญญาณกับศิลปะการต่อสู้ อขระมีรากฐานมาจากประเพณีโบราณ โดยรักษาหลักปฏิบัติทางศาสนา ปรัชญา และการฝึกร่างกาย เหล่านักบุญและผู้ทำนายจะขี่ช้าง ม้า และรถม้าศึกประดับด้วยเครื่องราชกกุธภัณฑ์แบบดั้งเดิมไปตามถนนเพื่ออวยพรแก่ผู้มาชม
อารตี (arti) ยามเย็นเป็นพิธีกรรมการสักการะที่เกี่ยวข้องกับการถวายแสงสว่างแก่เทพเจ้าโดยการโบกตะเกียงน้ำมันที่จุดไฟ พร้อมด้วยเพลงสวดและบทสวด อารตีที่ปฏิบัติกันบนริมฝั่งแม่น้ำในช่วงเทศกาลสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณ และแสดงความเคารพของผู้นับถือศรัทธาในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
ผู้ศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางไปยังสถานที่ของเมลาเพื่ออาบน้ำ (snan หรือบางทีเขียนเป็น snanam) ในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าการอาบน้ำจะช่วยชำระจิตวิญญาณจากสิ่งสกปรกและบาปทั้งหมด และช่วยให้บรรลุโมกษะ หลุดพ้นจากวัฏจักรแห่งการเกิดและการตาย
แก่นสำคัญของกุมภเมลาคือศาหิ สนาน (shahi snan) หรือโรงอาบน้ำหลวง ซึ่งถือเป็นจุดสุดยอดของพิธีกรรมของเทศกาล ในระหว่างพิธีนี้อขระจะนำขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ไปยังริมฝั่งแม่น้ำ นาคสาธุผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรือนร่างที่ปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าและการสละเสื้อผ้าก็จะปรากฏอยู่อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากวิถีชีวิตสันโดษของพวกเขา การปรากฏตัวของพวกเขาสร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งท่ามกลางฝูงชนที่นับถือศาสนาฮินดู การจุ่มตัวลงไปในน้ำของพวกเขาถือเป็นแบบอย่างอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้แสวงบุญหลายล้านคนที่ติดตาม
มีวันอันเป็นมงคลพิเศษให้อาบน้ำ 6 วันในครั้งนี้
(1) 13 มกราคม เปาษปูรณิมา (Paush Purnima)
(2) 14 มกราคม มกรสงกรานต์ (Makar Sankranti)
(3) 29 มกราคม เมานี อมาวัสยา (Mauni Amavasya)
(4) 3 กุมภาพันธ์ วสันต์ ปัญจมี (Basant Panchami)
(5) 12 กุมภาพันธ์ มาฆปูรณิมา (Magh Purnima)
(6) 26 กุมภาพันธ์ มหาศิวราตรี (Maha Shivaratri)
พิธีกรรมที่เห็นในเทศกาลกุมภคือยัชญะ (Yajnas) ซึ่งเป็นพิธีกรรมไฟศักดิ์สิทธิ์ ประกอบโดยนักบวชและผู้นำทางจิตวิญญาณ เครื่องบูชา เช่น เนยใส ธัญพืช และสมุนไพร จะถูกเทลงในไฟศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางการสวดมนต์จากคัมภีร์พระเวทอันศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์ แสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้า และเพื่อรักษาระเบียบธรรมชาติของธรรมชาติ
เมื่อค่ำลงในวันที่เป็นมงคลที่สุดของเทศกาล พิธีกรรมทีปทาน (deep daan) หรือการบูชาโคมไฟจะส่องสว่างริมฝั่งแม่น้ำ ผู้ศรัทธาจะจุดตะเกียงดินและลอยไปบนน้ำ สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการปัดเป่าความมืดและความโง่เขลา ขณะเดียวกันก็เชิญชวนพรอันศักดิ์สิทธิ์และการรู้แจ้งจากภายใน
เว็บไซต์แห่งหนึ่งรายงานว่า สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีผู้แสวงบุญประมาณ 400 ล้านคนเข้าร่วมงาน ซึ่งใหญ่มากจนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ
ชาวฮินดูจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า ปีนี้นับเป็นปีพิเศษ เป็นมหากุมภเมลาเพราะการจัดเรียงตัวของดาวเคราะห์และดวงดาวที่เหมือนกัน ความสมบูรณ์ดังกล่าวจะสังเกตเห็นได้หลังจากเทศกาลกุมภ์ 12 ครั้งหรือ 144 ปี
•
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [18 ม.ค.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ