Vaishnava Janato
วันนี้ขอเปิดเพลงโปรดของมหาตมาคานธี ก่อนอื่นใด มีบางคนถามเราว่า ทำไมเราไม่ใช้มหาตมะ แต่ใช้มหาตมา เหตุผลคือ ไม่มีคำว่ามหาตมะ เพราะรากศัพท์มาจากคำว่า มหา + อาตมา เพลงโปรดที่เปิดไปมีชื่อว่า “Vaishnava Janato” แปลเป็นไทยหมายถึงไวษณพชน เพลงนี้มีหลายฉบับ แต่ฉบับที่เรานำมาเปิดขับร้องโดย 4 คนคือ ราหุล เวลลาล (Rahul Vellal) สูรยคายตรี (Sooryagayathri) ภาวยะ (Bhavya) และกุลทีป เอ็ม ปาย (Kuldeep M Pai)
เหตุที่เรานำเพลงนี้มาเปิดก็เพราะวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิดของมหาตมาคานธี เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับอะไร ในฐานะที่คุณณัฐเคยแปลไว้ ขอให้คุณณัฐช่วยอ่านด้วยเลยครับ
ไวษณพชนท่านว่าเป็นไฉน
คือผู้ใดร่วมเจ็บปวดกับผู้อื่น
อุปการะผู้ทุกข์ตรมระทมกลืน
รู้จักฝืนอภิมานะครอบงำใจ
ผู้นบนอบวันทาประชาผอง
ไม่จองหองนินทาว่าร้ายใส่
สำรวมกาย วาจา จิตเป็นนิตย์ไป
ชนนีเขาย่อมได้พรเลิศเลอ
เห็นผู้อื่นเท่าเทียมกัน ละตัณหา
เห็นหญิงอื่นดุจมารดาตนเสมอ
ลิ้นไม่กล่าวถ้อยอาสัตย์ตระบัดเพ้อ
หัตถ์ไม่เผลอแตะต้องของผู้ใด
ไม่มัวเมามายาพาลุ่มหลง
จิตจำนงวิราคะละความใคร่
ดื่มด่ำพร่ำรามนามทุกยามไป
สถานจาริกอยู่ในใจไม่เว้นวาย
ละทิ้งเล่ห์หลอกลวงบ่วงโลภะ
เว้นจากกามห้ามโทสะสละสลาย
ท่านกวีนรไสได้ทำนาย
ว่าเชื้อสายเขาจักรุ่งเรืองนิรันดร์ฯ
การเขียนมือหรือลายมือของเรายังสำคัญอยู่หรือไม่ (นาที 6)
ในโลกปัจจุบันที่เราใช้คีย์บอร์ดไม่ว่าจะในมือถือหรือแท็บเล็ตกันอย่างกว้างขวาง การเขียนมือหรือลายมือของเรายังสำคัญอยู่หรือไม่นี่คือคำถามที่คีตา ปาณเฑย์ (Geeta Pandey) นักข่าวบีบีซีประจำประเทศอินเดีย ใช้เริ่มบทความของเธอ
เราจะขอนำบทความของเธอมาเล่าให้ผู้ฟังได้ทราบกัน ก็ขอยกเครดิตให้เธอ เพราะไหน ๆ เขียนดีและครอบคลุมแล้ว ก็อยากนำมาแปลบ้าง แต่ก็ขอเติมบางส่วนบ้าง เพื่อจะได้สารัตถะครบถ้วนเพื่อผู้ฟัง
วกกลับมาที่คำถามเดิมอีกที นั่นคือ ในโลกปัจจุบันที่เราใช้มือถือหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปกันมากมาย ลายมือยังสำคัญอยู่ไหม ศาลอินเดียบอกว่าสำคัญ ถ้าผู้เขียนคือแพทย์
เรื่องนัยสำคัญเกี่ยวกับลายมือ ในวัฒนธรรมไทยของเราก็มี เช่นในเรื่องขุนช้างขุนแผน เคยกล่าวไว้ว่า “ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ” แต่หลายคนแซวกันว่า เป็นเรื่องจริงเพราะลายมือสวยเป็นได้แค่เสมียน ลายมือไม่สวยจะได้เป็นเจ้าคนนายคนเพราะไม่ต้องเขียนอะไรเซ็นอย่างเดียว
ย้อนกลับมาเรื่องลายมือแพทย์ เชื่อว่าเราเกือบทุกคนคงได้ยินเรื่องขบขันเกี่ยวกับลายมือคุณหมอมามากต่อมากแล้ว แท้จริงแล้วก็คงเป็นเรื่องขบขันในหลายส่วนของโลกด้วย
บางคนเคยบอกกับผมว่า ครูที่โรงเรียนบอกว่าลายมือลูกไม่สวยเลย ผมก็บอกเมียผมว่า “อย่าคิดมากเดี๋ยวลูกเราโตมาก็คงจะเป็นแพทย์แหละ”
บ้างก็เล่ากันอย่างสนุกสนานว่า อาชีพเดียวที่อ่านลายมือหมอออกก็คือเภสัชกร
บางคนก็ไปไกลแบบแนวคิดสมรู้ร่วมคิดคือ หมอกับเภสัชกรต้องมีข้อตกลงเรื่องรหัสลับบางประการอย่างแน่นอน
แต่ศาลสูงแห่งปัญจาบ (Punjab) และหรยาณา (Haryana) ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องขบขัน ศาลสูงดังกล่าวนำโดยผู้พิพากษาชื่อชัสกุรปรีต สิงห์ ปุรี (Jasgurpreet Singh Puri) มีคำสั่งว่า “การได้รับใบสั่งยาที่อ่านได้ชัดเจนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน” เพราะนี่ย่อมหมายถึงความเป็นความตาย
ศาลสูงดังกล่าวมีคำสั่งในคดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นการเขียนใบสั่งยาแต่อย่างใด คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการข่มขืน การฉ้อโกง และการปลอมแปลงเอกสาร โดยจำเลยเป็นผู้หญิง ขณะที่ผู้พิพากษาปุรีกำลังพิจารณาคำร้องประกันตัวขอปล่อยชั่วคราวของฝ่ายชายผู้หญิงในคดีนี้ได้กล่าวหาว่าชายคนดังกล่าวรับเงินจากเธอโดยอ้างว่าจะหางานราชการให้ จัดให้มีการสอบสัมภาษณ์ปลอม และได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอ
จำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิงเป็นการยินยอมพร้อมใจ และคดีนี้ถูกนำขึ้นสู่ศาลเนื่องมาจากข้อพิพาทเรื่องเงิน
ผู้พิพากษาปุรีระบุว่า เมื่อได้ตรวจดูรายงานเวชศาสตร์นิติเวชซึ่งเขียนโดยแพทย์ของรัฐผู้ตรวจร่างกายผู้หญิง เขาพบว่า รายงานดังกล่าวไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็ดังที่ผู้พิพากษาเขียนไว้ในคำสั่งศาลว่า “มันสั่นสะเทือนมโนสำนึกของศาลนี้ แม้แต่เพียงคำหรืออักษรเดียวศาลก็ไม่อาจอ่านออกได้”
บีบีซีได้รับสำเนาคำพิพากษาซึ่งมีทั้งรายงานและใบสั่งยายาวสองหน้าที่แสดงให้เห็นลายมือที่ไม่สามารถอ่านออกได้ของแพทย์
ผู้พิพากษาปุรีเขียนไว้ด้วยว่า “ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์เข้าถึงได้โดยง่าย นับเป็นเรื่องน่าตกใจที่แพทย์ของรัฐยังคงเขียนใบสั่งยาด้วยลายมือ ซึ่งไม่มีใครสามารถอ่านออกได้ นอกจากเภสัชกรบางคนเท่านั้น”
ศาลได้ขอให้รัฐบาลบรรจุการเรียนการสอนเรื่องลายมือเขียนไว้ในหลักสูตรของคณะแพทยศาสตร์ และกำหนดกรอบเวลา 2 ปีในการเริ่มใช้ใบสั่งยาในรูปแบบดิจิทัล
ผู้พิพากษาปุรีระบุว่า จนกว่าจะถึงเวลานั้น แพทย์ทุกคนจะต้องเขียนใบสั่งยาให้ชัดเจน โดยใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
นายแพทย์ ดร. ทิลิป ภาณุศาลี (Dr Dilip Bhanushali) ประธานสมาคมการแพทย์อินเดีย ซึ่งมีแพทย์เป็นสมาชิกมากกว่า 330,000 คน กล่าวกับบีบีซีว่า พวกเขายินดีที่จะช่วยหาทางออกให้กับปัญหานี้
เขากล่าวว่า ในเขตเมืองและเมืองขนาดใหญ่ แพทย์ได้หันมาใช้ใบสั่งยาแบบดิจิทัลแล้ว แต่ในพื้นที่ชนบทและเมืองเล็ก ๆ นั้นยังคงเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับใบสั่งยาที่ชัดเจน
เขากล่าวด้วยว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่ามีแพทย์จำนวนไม่น้อยที่มีลายมืออ่านยาก แต่สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทย์ส่วนใหญ่ต้องทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยล้นเกินกำลัง”
เขากล่าวเสริมอีกว่า “เราได้แนะนำสมาชิกของสมาคมให้ปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาล โดยเขียนใบสั่งยาเป็นตัวอักษรชัดเจนที่ทั้งผู้ป่วยและเภสัชกรสามารถอ่านได้ หากแพทย์ตรวจคนไข้วันละ 7 คนก็คงทำได้ แต่ถ้าต้องตรวจวันละ 70 คนก็ย่อมเป็นไปไม่ได้”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาลในอินเดียออกมาแสดงความกังวลต่อปัญหาลายมือของแพทย์ที่ไม่ชัดเจน ในอดีตมีกรณีที่ศาลสูงแห่งรัฐโอริสสาเคยตั้งข้อสังเกตถึง “ลักษณะการเขียนแบบซิกแซกของแพทย์” และผู้พิพากษาในศาลสูงอัลลาฮาบัดก็เคยแสดงความไม่พอใจต่อ “รายงานที่เขียนด้วยลายมือที่เลอะเทอะจนไม่สามารถถอดความได้”
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยต่าง ๆ ไม่สามารถยืนยันได้ตามความเชื่อทั่วไปที่ว่าลายมือของแพทย์แย่กว่าคนทั่วไป
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ประเด็นเรื่องลายมือแพทย์ไม่ใช่เรื่องความสวยงามหรือความสะดวกสบาย หากแต่ใบสั่งยาที่คลุมเครือหรือถูกตีความผิดพลาด อาจก่อให้เกิดผลร้ายแรงได้ แม้กระทั่งโศกนาฏกรรม
ตามรายงานปี 1999 ของสถาบันการแพทย์ (Institute of Medicine, IoM) ระบุว่า ความผิดพลาดทางการแพทย์ก่อให้เกิดการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้อย่างน้อยปีละประมาณ 44,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดยในจำนวนนี้ 7,000 รายมีสาเหตุมาจากลายมือที่ไม่ชัดเจนของแพทย์เมื่อไม่นานมานี้ ที่สกอตแลนด์ มีผู้หญิงคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากสารเคมี หลังจากถูกจ่ายยาผิด โดยได้รับครีมรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแทนยาสำหรับรักษาอาการตาแห้ง
หน่วยงานด้านสาธารณสุขในสหราชอาณาจักรยอมรับว่า “ความผิดพลาดในการสั่งจ่ายยาได้ก่อให้เกิดความเสียหายและการเสียชีวิตในระดับที่น่าตกใจ” และยังเสริมว่า “การนำระบบสั่งยาด้วยอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น อาจช่วยลดความผิดพลาดได้ถึงร้อยละ 50”
ทว่าที่อินเดียยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากลายมือแพทย์ที่ไม่ชัดเจน แต่ในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก การอ่านใบสั่งยาผิดในอดีตเคยนำไปสู่วิกฤตทางสุขภาพและการเสียชีวิตจำนวนมาก
มีกรณีที่สื่อเคยรายงานอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดอาการชัก หลังจากเธอได้รับยารักษาโรคเบาหวานซึ่งมีชื่อคล้ายกับยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งให้
จิลุกุรี ปรมาตมา (Chilukuri Paramathama) เจ้าของร้านขายยาในเมืองนาลโกณฑะ (Nalgonda) แห่งมลรัฐเตลังคาณะ (Telangana) ทางตอนใต้ของอินเดีย เปิดเผยกับบีบีซีว่า ในปี ค.ศ. 2014 เขาได้ยื่นคำร้องเพื่อประโยชน์สาธารณะต่อศาลสูงแห่งเมืองไฮเดอราบาด (Hyderabad) หลังจากอ่านรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบในเมืองนอยดา (Noida) ที่เสียชีวิตเนื่องจากได้รับการฉีดยาผิดสำหรับรักษาอาการไข้
การรณรงค์ของเขาที่เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ใบสั่งยาที่เขียนด้วยลายมือโดยสิ้นเชิง ได้ประสบผลบ้างเมื่อปี ค.ศ. 2016 เมื่อแพทย์สภาแห่งอินเดียมีคำสั่งว่า “แพทย์ทุกคนควรสั่งจ่ายยาด้วยการใช้ชื่อสามัญให้ชัดเจน และควรใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่”
ปี ค.ศ. 2020 นายอัศวินี กุมาร เจาเบย์ (Ashwini Kumar Choubey) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย แถลงต่อรัฐสภาว่า หน่วยงานทางการแพทย์ในแต่ละมลรัฐ “ได้รับอำนาจในการดำเนินการทางวินัยต่อแพทย์ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว”
แต่เกือบหนึ่งทศวรรษต่อมา นายจิลุกุริและเภสัชกรรายอื่น ๆ ยังคงระบุว่า ใบสั่งยาที่เขียนอย่างลวก ๆ และอ่านไม่ออกยังคงพบได้ที่ร้านขายยาของพวกเขา นายจิลุกุริได้ส่งตัวอย่างใบสั่งยาจำนวนหนึ่งที่เขาได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาให้แก่บีบีซี ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ไม่อาจอ่านออกได้
รวินทระ ขานเดลวาล (Ravindra Khandelwal) ประธานผู้บริหารธันวันตรี (Dhanwantary) หนึ่งในร้านขายยาที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโกลกาตา (Kolkata) โดยมีสาขา 28 แห่งครอบคลุมทั้งเมือง เขต และหมู่บ้านในมลรัฐเบงกอลตะวันตก (West Bengal) และให้บริการลูกค้ามากกว่า 4,000 คนต่อวัน กล่าวว่า บางครั้งใบสั่งยาที่พวกเขาได้รับนั้นแทบจะอ่านไม่ออกเลย
เขากล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากใบสั่งยาที่เขียนด้วยมือมาเป็นแบบพิมพ์ในเขตเมือง แต่ในเขตชานเมืองและชนบท ส่วนใหญ่ยังคงเป็นใบสั่งยาที่เขียนด้วยมือ”
เขากล่าวเสริมด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของเขามีประสบการณ์สูงและสามารถถอดความใบสั่งยาส่วนใหญ่ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับยาที่ถูกต้อง “ถึงกระนั้นก็ตาม บางครั้งเรายังจำเป็นต้องโทรศัพท์สอบถามแพทย์ เพราะการจ่ายยาที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา”
•
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [4 ต.ค.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ







