• ย้อนรอยผลงานสำคัญของ "ชินโซ อาเบะ" ก่อนปิดฉากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
• มีอะไรในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันและเดโมแครต: ประเด็นที่ใช้โจมตีและน่าจับตาในศึกชิงทำเนียบขาว [นาทีที่ 16.30]

• ประสบความสำเร็จในการผลักดันมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เรื้อรังมาตั้งแต่ฟองสบู่แตก เรียกว่า "ลูกศรสามดอก"
• ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนที่ผ่านมามักมีความขัดแย้งกันเพราะเป็นชาตินิยมด้วยกันทั้งคู่ แต่สมัยอาเบะเลือกที่จะอยู่ร่วมกับจีน
• ด้านนโยบายต่างประเทศ สามารถสร้างดุลยภาพในความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐ และญี่ปุ่น-จีนได้ค่อนข้างดี
• ทำให้ญี่ปุ่นได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020
• เมื่อสหรัฐถอนตัวจาก Trans-Pacific Partnership ญี่ปุ่นยังคงสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และไม่ทิ้งไป
• สมัยอาเบะมีนโยบาย Indo-Pacific ก่อนหน้าที่สหรัฐ (ประธานาธิบดีทรัมป์) จะนำแนวคิดนี้มาใช้บ้าง

การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน
• เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประธานาธิบดีซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ ฉวยโอกาสใช้ทำเนียบขาวเป็นที่ประชุมพรรค เรื่องนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ไม่นำพา ทำอะไรก็ได้ให้ชนะคู่แข่ง

• ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงพูดในลักษณะที่เรียกว่าสร้างความร้าวฉานได้ง่าย “การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นตัวตัดสินว่าเราจะปกป้องความฝันของชาวอเมริกันไว้ได้หรือไม่ โจ ไบเดน ไม่ใช่ผู้กอบกู้จิตวิญญาณของอเมริกา หากเป็นผู้ทำลายงานของคนอเมริกัน เมื่อโอกาสมาถึง โจ ไบเดนจะเป็นผู้ทำลายความยิ่งใหญ่ของชาวอเมริกัน” ก่อนปิดท้ายด้วยการคุยโวผลงานทางเศรษฐกิจของตัวเอง

• ในที่ประชุมพรรครีพับลิกัน ไม่มีนักการเมืองชั้นนำสายกลางคนใดได้ขึ้นพูด ส่วนใหญ่เป็นพวกขวาจัด

• เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่นักการเมืองของพรรค (รีพับลิกัน) หลายคนหันไปสนับสนุนพรรคคู่แข่ง

• ประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีโจ ไบเดนในประเด็นที่เขาพูดว่า ถ้าได้เป็นประธานาธิบดี สิ่งแรกๆ ที่จะจัดการคือกรมตำรวจสหรัฐ โดยเฉพาะกรณีตำรวจกับคนผิวสี ขณะที่ทรัมป์กลับแย้งว่าเขาจะสนับสนุนและไม่ประณามตำรวจเลย เพราะนี่คือเรื่องการรักษากฎหมายและระเบียบ (Law and Order) ถ้าเลือกโจ ไบเดนขึ้นมา เขาจะเป็นตัวการที่ทำให้สหรัฐไม่มี Law and Order อีกต่อไป

• เมลาเนีย ทรัมป์ ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดในบรรดาผู้ที่สนับสนุนทรัมป์ เพราะดูโกหกน้อยที่สุด เธอยอมรับว่าเรายังไม่มีความภาคภูมิในประวัติศาสตร์บางส่วนของเรา โดยเฉพาะในเรื่องความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ

การประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต
• การกล่าวรับคำเสนอชื่อให้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน เขาบอกว่า นี่ไม่ใช่แค่การหาเสียงเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งเท่านั้น แต่เป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาชนะวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในการเมืองอเมริกันร่วมกันของคนอเมริกัน เอาชนะช่วงเวลามืดมน ขจัดความแตกแยกเพื่อก้าวต่อไป

• อดีตนักเมืองที่มีชื่อเสียงจากพรรครีพับลิกันหลายคน หันมาสนับสนุนคู่แข่งพรรคตัวเอง โดยกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีความพร้อมและความเหมาะสมในการเป็นประธานาธิบดีทั้งในแง่จริยธรรม ความสามารถ และวุฒิภาวะทางอารมณ์ ซึ่งไม่ค่อยปรากฏในผู้นำคนใดของสหรัฐที่จะขาดคุณสมบัติครบทั้งสามข้อที่กล่าวมา ดังนั้นเราจะปล่อยให้คนที่บกพร่องเรื่องสำคัญอย่างนี้เป็นผู้นำต่อไปได้อย่างไร

• สุนทรพจน์ของมิเชล โอบามา ที่จับใจและมีความหมาย
"การเป็นประธานาธิบดีไม่ได้มาเปลี่ยนว่าคุณเป็นใคร แต่สะท้อนว่าคุณคือใคร และคุณต้องทำหน้าที่ว่าคุณคือใครให้ประชาชนเห็น ดังนั้นการเป็นประธานาธิบดีไม่ได้เปลี่ยนแปลงคุณ คุณเป็นอย่างไรก็สะท้อนออกมาอย่างนั้น

สี่ปีที่แล้วที่หลายคนรู้สึกว่าไม่อยากออกมาเลือกตั้งเพราะคิดว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ จริงๆ แล้วการออกเสียงเลือกตั้งสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอนาคตประเทศนี้ได้ คุณเลือกใคร คนนั้นก็เสมือนแทนตัวคุณ แทนประเทศชาติของคุณ อยากให้ประเทศนี้ดีขึ้นก็ต้องตัดสินใจเลือกคนที่สามารถทำหน้าที่และมีคุณสมบัติที่เหมาะสม"

ประธานาธิบดีทรัมป์ หันเหความสนใจผู้คนมาที่ประเด็นกฎหมายและการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ถ้าโจ ไบเดนขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีจะสนับสนุนพวกซ้ายจัดที่นิยมความรุนแรงและยอมให้มีความรุนแรง

โจ ไบเดน ชี้ว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นพวกซ้ายหรือขวา ใครกันแน่ที่ทำให้สหรัฐปลอดภัยน้อยลง เราอยู่กับบรรยากาศเป็นพิษในประเทศมาสี่ปีแล้ว เราจะจัดการพิษร้ายนี้หรือจะปล่อยให้พิษนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเรา

รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย