[1] ความหมายที่แท้จริงของ Soft Power คืออะไรกันแน่ (นาที 4)
[2] เป้าหมายการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (นาที 38.30)
[3] แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการทูตของไทย (นาที 55.25)
[1] ความหมายที่แท้จริงของ Soft Power คืออะไรกันแน่ (นาที 4)
[2] เป้าหมายการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (นาที 38.30)
[3] แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการทูตของไทย (นาที 55.25)
Soft power คือวิธีการที่ใช้ในการชักชวน ดึงดูด เพื่อหวังผลหรือส่งอิทธิพลให้ประเทศเป้าหมายเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (ด้านการต่างประเทศ) โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือบังคับ และเกี่ยวข้องกับ Public Diplomacy (การทูตเอาชนะใจคน)
• ความหมายของ Soft Power ในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีมากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม และสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อประเทศเป้าหมายได้อย่างไร
• การริเริ่มใช้ Soft power ของ Joseph Nye ในสมัยหนึ่งของสหรัฐ
• รู้จัก Joseph Nye นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ทรงอิทธิพลมากคนหนึ่งในสหรัฐ
• เครื่องมือหรือแหล่งที่มาของ Soft power มีอะไรบ้าง (นอกเหนือจากวัฒนธรรม)
• จีนกับการใช้ Soft power
• ประเทศในเอเชียที่ใช้ Soft power มากที่สุด (ผลสำรวจในปี 2020)
การเยือนอาเซียน (อินโดนีเซีย-เวียดนาม-ไทย) ของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีจุดประสงค์ใดกันแน่ ข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่ามาเยือนเพื่อหาแนวร่วมนั้นจริงไหม
• ญี่ปุ่นมองอาเซียนเป็นภูมิภาคสำคัญในทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นอยู่แล้ว
• ไทย-ญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยกันมายาวนาน
• เป้าหมายการมาเยือนไทยของญี่ปุ่น
1. หนังสือ A Genealogy of Bamboo Diplomacy: The Politics of Thai Détente with Russia and China เขียนโดย รศ.ดร.จิตติภัทร พูนขำ | หนังสือที่ท้าทายทฤษฎีการทูตไผ่ลู่ลมของไทย
2. หนังสือ Thai Diplomacy ของ เตช บุนนาค | พูดถึงประวัติศาสตร์การทูตไทยสมัยใหม่ที่มีต่อประเทศมหาอำนาจและประเทศเพื่อนบ้าน
3. หนังสือ Thailand and Japan's Southern Advance, 1940-1945 เขียนโดย E. Bruce Reynolds | ไทยเอาตัวรอดอย่างไรในสถานการณ์ที่ต้องเลือกข้างเมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นรุกรานไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
4. หนังสือ Thai-Japanese Relations in Historical Perspective โดย Chaiwat Khamchoo and E. Bruce Reynolds | เข้าใจประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น เล่มนี้เขียนขึ้นตอนครบรอบ 100 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย