[1] แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ เยือนไต้หวัน จุดยืนและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีนต่อจากนี้ (นาที 3)
[2] การสอบสวนความพยายามทำรัฐประหารของประธานาธิบดีทรัมป์ บททดสอบประชาธิปไตยครั้งสำคัญของสหรัฐ (นาที 15)
__________
[1] แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ เยือนไต้หวัน จุดยืนและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีนต่อจากนี้ (นาที 3)
[2] การสอบสวนความพยายามทำรัฐประหารของประธานาธิบดีทรัมป์ บททดสอบประชาธิปไตยครั้งสำคัญของสหรัฐ (นาที 15)
__________
ประเด็นสำคัญ (นาที 5.40)
• จีนและสหรัฐเห็นตรงกันเรื่องการรักษาสถานภาพเดิมของไต้หวัน แต่เมื่อเกิดวิกฤตก็จำต้องรักษาเกียรติภูมิของประเทศ
• ในสหรัฐเองก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยที่แนนซี เพโลซี เดินทางไปไต้หวันช่วงเวลานี้
• จีนข่มขู่แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาจริงอะไร
• แทบทุกประเทศรวมถึงสหรัฐที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนก็ยังยืนยันเรื่องนโยบายจีนเดียว
• สหรัฐต่างหากที่แทรกแซงกิจการภายในของไต้หวัน
• จีนต้องใช้กำลังยึดเท่านั้นหากต้องการรวมไต้หวัน ซึ่งต่างจากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน เพราะในทางกฎหมายระหว่างประเทศ ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
• มองว่าเรื่องนี้ไม่น่าลุกลามไปสู่สงคราม เพราะเจ็บตัวทั้งหมด
เกิดอะไรในวันที่ 6 มกราคม 2021 (นาที 15)
เกิดเหตุก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐโดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้รับการปลุกปั่นยุยงว่ามีการโกงการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจึงตั้ง Select Committee หรือคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม 2021
จุดประสงค์ของ Select committee
เพื่อสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งมีลักษณะเป็นการโจมตีแบบการก่อการร้ายภายในประเทศต่อรัฐสภา การกระทำดังกล่าวได้เข้าไปขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยโดยเฉพาะการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ รวมถึงตรวจสอบว่ามีพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการพลิกผลการเลือกตั้ง
คนไทยจะติดตามเรื่องนี้ทำไม
สำหรับคนไทย อยากให้มองเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม ในมุมที่ว่าในประเทศที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง เมื่อเกิดวิกฤตประชาธิปไตยจะมีกลไกแก้ไขด้วยตัวของมันเองอย่างไร
เป้าหมายในกระบวนการสอบสวนรอบแรก 8 ครั้ง (นาที 26.45)
ต้องการชี้ให้เห็นว่าการกระทำของประธานาธิบดีทรัมป์มีเจตนาขัดขวางไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
1. ทรัมป์โกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
2. ทรัมป์ยุยงปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนใช้ความรุนแรง
3. เมื่อผู้ก่อการจลาจลบุกอาคารรัฐสภา ทรัมป์ในฐานะผู้บัญชาการตอนนั้นไม่ได้ห้ามปราม
ประเด็นสำคัญจากการสอบสวน 5 ครั้งแรก
ทรัมป์รู้ว่าตัวเองแพ้การเลือกตั้งแต่ไม่ยอมรับ รวมถึงมีความพยายามกดดันและขู่บังคับเจ้าหน้าที่รัฐให้เปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง
คำให้การจากพยานปากเอก ส่วนใหญ่คือคนที่เคยทำงานในทำเนียบขาวและเคยทำงานใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์
1. Cassidy Hutchinson เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว | ทรัมป์รู้ว่าผู้สนับสนุนพกอาวุธ แต่ก็ยังให้บุกเข้ามา
2. Pat Cipollone ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสูงสุดของทรัมป์ | ทรัมป์ปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลาม ไม่ออกมายับยั้ง
3. Mike Pence ยืนหยัดในการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานาธิบดีและยืนหยัดที่จะไม่ทำตามทรัมป์ การกระทำของเขาในวันนั้นน่ายกย่อง
4. Brad Raffensperger เลขานุการรัฐจอร์เจีย ดูแลผลการเลือกตั้งมลรัฐนี้ | ทรัมป์โทรมาให้เขาเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง
5. Liz Cheney ผู้นำอันดับสามของพรรครีพับลิกัน คนที่สนับสนุนทรัมป์เรื่องนโยบายมาตลอด ออกมาพูดว่า ‘ถ้าให้เธอเลือกระหว่างรักษาตำแหน่งกับรักษารัฐธรรมนูญของประเทศ (เพื่อสนับสนุนคนขี้โกงและโกหกอย่างทรัมป์) ให้เลือกทุกวันเธอก็จะเลือกอย่างหลัง’
การกระทำของอดีตประธานาธิบดีทรัปม์ และ John Eastman นักกฎหมายของทรัมป์ มีโอกาสสูงที่เข้าข่ายความผิดทางอาญาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดที่จะล้มล้างผลการเลือกตั้ง เพราะหากแผนการประสบความสำเร็จ จะเป็นการทำลายการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติและทำลายประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาลงอย่างสิ้นเชิง
• เจตนาของทรัมป์ที่ยืนยันจะโกหกและตั้งใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ ผ่านความเห็นของนักวิชาการชั้นนำด้านรัฐธรรมนูญ
• ผู้พิพากษาให้เหตุผลไรในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
• หากประชาธิปไตยเข็มแข็ง เมื่อเกิดวิกฤตก็จะมีกลไกและกระบวนการแก้ไขความผิดพลาดนั้น บนพื้นฐานของการยึดมั่นผลประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
• ทรัมป์จะถูกดำเนินคดีอาญาหรือไม่ นี่เป็นเรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ เพราะไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนเคยถูกดำเนินคดีอาญา
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย