John McCain สุภาพบุรุษการเมืองของประชาคมโลก
627 views
0
0
"ย้อนรอยเส้นทางการเมืองของ McCain ที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง"

John McCain อดีตวุฒิสมาชิกคนสำคัญของสหรัฐเสียชีวิต 25 สิงหาคม 2561

-เคยเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 2 ครั้ง
-ผู้เคยเป็นเชลยศึกจากสงครามเวียดนาม และกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์สหรัฐ-เวียดนาม
-ผู้มีส่วนปฏิรูประบบการใช้เงินในการหาเสียงเลือกตั้ง

ย้อนรอยเส้นทางการเมืองของ McCain ที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง แม้กระทั่งคู่แข่งยังชื่นชม
ทำไมเขาได้รับการยกย่องให้เป็น สุภาพบุรุษการเมืองของประชาคมโลก

สุภาพบุรุษการเมืองของประชาคมโลก

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ บุช (ลูก) คู่แข่งพรรคเดียวกัน และ บารัก โอบามา คู่แข่งคนละพรรค เห็นตรงกันว่า John McCain อดีตวุฒิสมาชิกสหรัฐที่เสียชีวิต เป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่เอาประโยชน์ของประเทศชาติมาก่อนพรรคและตัวเอง ถ้านักการเมืองเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างจะช่วยยกระดับการเมืองสหรัฐ

คำกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ของ John McCain
เมื่อครั้งลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐกับ บารัก โอบามา
แสดงให้เห็นถึงการเป็นคนแพ้อย่างมีน้ำใจ McCain ช่วยสมานความขัดแย้งทางความคิด เพราะหลังจากการเลือกตั้ง ฝ่ายชนะก็ดีใจ ฝ่ายแพ้ก็ไม่พอใจ เกิดอารมณ์ค้างทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็นคนที่แพ้ แต่เขาพูดให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติ

ประชาธิปไตย

ในสังคมประชาธิปไตย ความเห็นต่าง ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ขัดแย้งเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ถ้าไม่ขัดแย้งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องแข่งขันกัน กลายเป็นเห็นเหมือนกันหมด ใครว่าอะไรก็เฮโลตามกันหมด ตกเหวก็ตกเหวกันไปหมด ประชาชนไม่มีทางเลือก ไม่มีการถ่วงดุลกัน

เพียงแต่ความเห็นต่าง ความขัดแย้ง ต้องอยู่ในกรอบที่เป็นอารยะ สามารถอยู่ร่วมกันได้ เรามัวแต่เข้าใจว่า ต้องสมานฉันท์กันให้ได้ เดี๋ยวความขัดแย้งก็หมดไป ไม่มีหรอกที่ความขัดแย้งจะหมดไป เพียงแต่ทำอย่างไรให้ความขัดแย้งเป็นไปในทางสร้างสรรค์ ไม่จงเกลียดจงชังกัน อยู่ภายใต้กรอบกติกา

ประชาธิปไตยไม่ใช่ยาสารพัดนึกที่จะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด

แล้วก็ไม่มีประชาธิปไตยประเทศไหนในโลกที่สมบูรณ์แบบ แต่การจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้ ต้องมีเงื่อนไขขั้นต่ำอะไรบ้าง ส่วนเมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้วจะมีคุณภาพหรือไม่ นั่นอีกเรื่อง

แม้ประชาธิปไตยจะมีข้อจำกัด แต่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกก็แสวงหาประชาธิปไตย เพราะที่สุดแล้ว ประชาธิปไตยตอบสนองธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ได้ ขณะที่ระบอบการเมืองอื่นให้ไม่ได้

แต่ก็ใช่ว่าพอเป็นประชาธิปไตยแล้วแปลว่าสิ้นสุด จะต้องพัฒนาต่อเนื่องไม่หยุดยั้งเพื่อให้มีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันประชาธิปไตยก็ถดถอยได้ สำคัญคือต้องปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เพราะประชาธิปไตยมีกระบวนการในตัวของมัน สามารถปรับปรุงตัวของมันเองได้

สิ่งที่เราต้องเข้าใจมากกว่าคือ ข้อจำกัดของประชาธิปไตย และอะไรบ้างที่แตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับระบอบอื่น แม้ประชาธิปไตยจะมีข้อบกพร่อง แต่ความสมบูรณ์ของระบอบอื่นยังไม่เท่ากับประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์

สุดท้ายแล้ว ไม่มีหรอกประชาธิปไตยแบบไทย ประชาธิปไตยแบบเขมร ประชาธิปไตยคือประชาธิปไตย ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยคือไม่เป็นประชาธิปไตย

รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รัฐศาสตร์สู่สังคม