อนาคตคาบสมุทรเกาหลี สิ้นสุดสงครามหรือสู่สันติภาพถาวร?
1,243 views
0
0
"ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความขัดแย้งบนความสมุทรเกาหลี"

ก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ 12 มิ.ย. 61 ที่ประเทศสิงคโปร์

-ย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ความขัดแย้งบนความสมุทรเกาหลี
เกิดอะไร! ในสมัยรัฐบาลจอร์จ บุช (พ่อ), บิล คลินตัน, จอร์จ บุช (ลูก) ที่เปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือจนถึงปัจจุบัน
-ทำไมสหรัฐเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี?
-การประชุมสุดยอดวันที่ 12 มิ.ย. ที่ดูเหมือนไม่เกิดประโยชน์ แล้วจะประชุมไปทำไม?
-เกาหลีเหนือจะยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้จริงหรือ?
-อนาคตที่ยังไม่เห็นอนาคต (?) บนคาบสมุทรเกาหลี

เส้นทางประวัติศาสตร์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี

นับตั้งแต่มีข้อตกลงหยุดยิงในสงครามเกาหลีปี 1953 ผ่านมาได้สี่ปี สหรัฐเป็นประเทศแรกที่ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงในคาบสมุทรเกาหลี โดยนำอาวุธนิวเคลียร์มาติดตั้งที่เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือจึงรู้สึกเหมือนถูกสหรัฐข่มขู่มาตลอดสามสิบกว่าปี

กระทั่งต้นศตวรรษ 1990 เกาหลีเหนือจึงคิดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในปี 1991 สหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีจอร์จ บุช (พ่อ) ประกาศถอนอาวุธนิวเคลียร์ออกจากเกาหลีใต้ ทำให้ปีถัดมา เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดออกจากคาบสมุทรเกาหลี (หมายถึง ไม่มีการผลิต ไม่มีการทดลอง ไม่ครอบครอง) เกาหลีเหนือเองก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ตอนนั้นทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ (สายพิราบ) กับทหารเกาหลีใต้เห็นตรงกันเรื่องการยกเลิกการซ้อมรบ (แม้ว่าก่อนหน้านั้นสหรัฐกับเกาหลีใต้ซ้อมรบกันอยู่แล้ว) เกาหลีเหนือก็พอใจ แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ดิก เชนีย์ (สายเหยี่ยว) กลับสั่งให้มีการซ้อมรบขึ้นมาใหม่ โดยสั่งตรงไม่ผ่านทูตสหรัฐ แน่นอนว่าคิมจองอิลไม่พอใจ และเริ่มคิดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจัง
ปี 1993-1994 จึงเกิดความตึงเครียด คิมจองอิลประกาศถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์

(สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบิล คลินตัน)
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จิมมี่ คาร์เตอร์ (สายพิราบ) เข้ามาไกล่เกลี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่สหรัฐกับเกาหลีเหนือตกลงกันได้ นั่นคือ เกาหลีเหนือพร้อมยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ แลกกับความช่วยเหลือของสหรัฐเรื่องปรมาณูเพื่อสันติ และจะดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ขณะที่สหรัฐให้หลักประกันว่าจะไม่คุกคามเกาหลีเหนือ ซึ่งก็เป็นไปด้วยดี

เมื่อเปลี่ยนประธานาธิบดีเป็น จอร์จ บุช (ลูก) กลายเป็นว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่แล้ว

ตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา เกือบจะมีสันติภาพเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว แต่ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้นตออยู่ที่สหรัฐ
ประธานาธิบดีบิล คลินตัน พยายามสานต่อและกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่ด้วยบริบททางการเมืองระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไปในปี 2000 จอร์จ บุช (ลูก) ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี รวมถึงการเกิดเหตุก่อการร้ายสากลปี 2001 ทำให้เกาหลีเหนือกลายเป็นหนึ่งใน Axis of evil หรือผู้ร้าย ทั้งที่มีการปูทางสันติภาพก่อนหน้าแล้ว

โอกาสของสันติภาพจะเกิดได้ ถ้ามี Commitment ระหว่างผู้นำที่จะทำอย่างแท้จริง

เพราะสิ่งที่เกาหลีเหนือต้องการคือ หลักประกันจากสหรัฐว่าจะไม่คุกคาม มีความสัมพันธ์ทางการทูตตามปกติเพื่อที่เกาหลีเหนือสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ โดยที่สหรัฐไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่เกาหลีเหนือจะไปกู้เงินสถาบันการเงินต่างๆ ที่สหรัฐมีอิทธิพลอยู่

การจะเข้าใจปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีว่าทำไมผันผวนหรือวนเวียนอยู่ปัญหาเดิม ดูที่พลวัตของความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสายพิราบกับสายเหยี่ยว (ผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดท่าทีของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือ)

เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามจริงหรือ

ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐเคยประเมินว่า การมีอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐจริงหรือไม่

คำตอบชัดเจน 1. เกาหลีเหนือมีไว้เพื่อป้องปราม/ป้องกันตัวเอง 2. เพื่อเกียรติภูมิ 3. เพื่อไว้เจรจาต่อรองทางการทูต
ไม่มีข้อไหนเลยที่ชี้ว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ

คำถามต่อมา (การที่สหรัฐป่าวประกาศต่อชาวโลกว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคาม) เกาหลีเหนือจะมีเป้าหมายคุกคามสหรัฐเพื่ออะไร
เกาหลีเหนือตั้งแต่ไหนแต่ไรเปรียบตัวเองเป็นกุ้งฝอยท่ามกลางวาฬ (ประเทศมหาอำนาจ) ถ้าสู้กัน กุ้งฝอยย่อมถูกขยี้แหลกลาญ ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือแค่คิดว่าจะทำยังไงให้อยู่รอด การจะไปไล่กัดวาฬเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ สหรัฐสามารถชักจูงให้ประชาคมโลกเห็นดีเห็นงามว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยต่อสันติภาพของโลกได้

ประเทศมหาอำนาจ

ไม่มีประเทศไหนในโลกต้องการเป็นศัตรูกับสหรัฐ เพราะรู้ดีว่าเป็นศัตรูสหรัฐ มันเหนื่อย ยากเย็นแสนเข็ญ ไม่ว่าจะชอบสหรัฐหรือไม่ ต้องยอมรับว่าสหรัฐมีอิทธิพลไม่เพียงแต่ทางทหาร แต่รวมถึงเศรษฐกิจและอิทธิพลในสถาบันการเงินระหว่างประเทศด้วย

ประเทศมหาอำนาจตั้งแต่ไหนแต่ไร ต้องการรักษาอิทธิพลและผลประโยชน์ของตัวเองในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ไม่ใช่แค่สหรัฐ แต่รวมถึงจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น พฤติกรรมไม่ต่างกัน
โลกไม่ได้เปลี่ยน มหาอำนาจไม่เคยเปลี่ยน ประเทศเล็กก็รับเคราะห์ไปตามที่มหาอำนาจต้องการสร้างระเบียบโลกของตัวเอง
.
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รัฐศาสตร์สู่สังคม