เลฮาร์ แต่งจุลอุปรากร “ม่ายสาวพราวเสน่ห์” ( ชื่อภาษาเยอรมันต้นฉบับคือ Die lustige Witwe หรือเป็นที่รู้จักกันมากกว่าในชื่อภาษาอังกฤษ The Merry Widow) และนำออกแสดงรอบปฐมฤกษ์ เมื่อปี ค.ศ. 1905 ที่ Theatre an der Wien กรุงเวียนนา ประสบความสำเร็จถล่มทลาย จากนั้นก็ตระเวนไปแสดงตามเมืองต่างๆทั่วยุโรป
ละครเรื่องนี้เคยแสดงที่กรุงเทพด้วยเมื่อราว 30 ปีมาแล้ว โดยนักร้องนักแสดงชาวไทยและชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยในเมืองไทย แฟนเพลงรุ่นเก่าๆอาจยังจำกันได้
เลฮาร์ ประพันธ์ดนตรี และผู้เขียนบทละครคือ วิกเตอร์ ลีออง (Viktor Leon) และ เลโอ สไตน (Leo Stein) เรื่องราวเกิดขึ้นที่กรุงปารีส ตอนต้นศตวรรษ
ละครแบ่งออกเป็น 3 องก์ ตัวละครเอก ได้แก่ ฮันนา กลาวารี (Hann Glawari) ม่ายสาวพราวเสน่ห์นางเอกของเรื่อง, ท่านเคานท์ ดานิโล ดานิโลวิช (Count Danilo Danilovitch) เลขานุการเอกของสถานทูตแห่งนครรัฐพอนเทเวโดร (Pontevedro), ท่านบารอน เมอร์โค เซตา (Baron Mirko Zeta) เอกอัครราชทูตแห่งพอนเทเวโดร, บารอนเนส วาเลนเซียน (Valencienne) ภรรยาของท่านบารอน, ท่านเคานท์ กามิลล์ โรซีย็อง (Count Camille de Rosillon) อุปทูตฝรั่งเศสประจำสถานทูตพอนเทเวโดร
องก์แรก เปิดฉากขึ้นมาในงานเลี้ยงที่สถานทูตพอนเทเวโดร (Pontevedro) ในกรุงปารีส แขกเหรื่อล้วนเป็นเหล่าไฮโซของสังคมชั้นสูง แขกคนสำคัญของงานคือ ฮันนา กลาวารี ม่ายสาวพราวเสน่ห์ ที่เพิ่งได้รับมรดกหลายสิบล้านฟรังค์จากสามีเศรษฐีผู้เพิ่งจากไป
ท่านทูตนั้น หมายมั่นปั้นมือจะให้ฮันนาแต่งงานใหม่กับชายชาวพอนเทเวเดรียน เพื่อมิให้มรดกมหาศาลไปอยู่ในมือชาวต่างชาติ เพราะขณะนี้สถานะทางเศรษฐกิจของนครรัฐพอนเทเวโดรโดยรวมกำลังยอบแยบ ท่านบารอนหมายตาจะจับคู่ท่านเคานท์ ดานิโล เลขานุการเอกของท่านเองกับฮันนา
เมื่อดานิโลพบฮันนา เขาก็จำได้ว่าเธอคือคู่รักเก่า ทั้งคู่เคยรักกัน แต่ถูกกีดกันโดยลุงของดานิโล เพราะแต่ก่อนฮันนาเป็นเพียงหญิงสาวโนเนม พบกันใหม่คราวนี้ ลึกๆก็ยังมีใจกันอยู่ แต่ดานิโลปฏิเสธท่านบารอนเสียงแข็ง ถ้าเขาต้องแต่งงานกับเธอเพื่อทรัพย์สินเงินทอง ฝ่ายฮันนาก็สบถสาบานว่า เป็นตายก็ไม่แต่ง หากเขาไม่เอ่ยปากกับเธอว่า “I love you”
ระหว่างเรื่องราวหลักดำเนินไปนั้น พล็อตเรื่องรองก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้นด้วย คือ บารอนเนส วาเลนเซียน ภรรยาของท่านบารอน ก็มามีเรื่องกุ๊กกิ๊กกับ ท่านเคานท์ กามิลล์ เขานั้นหลงรักเธอหัวปักหัวปำ ถึงกับเขียน “I love you” ลงบนพัดของเธอ แต่วาเลนเซียก็ยังยืนยันว่าเธอนั้น “เป็นภรรยาที่ดีของสามี” อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างลืมวางพัดเจ้ากรรมทิ้งเอาไว้ จนท่านโครมอฟ ที่ปรึกษาสถานทูต เก็บได้และนำไปมอบไว้ให้ท่านบารอนเซตา ฝ่ายท่านบารอนก็เกิดจำพัดของภรรยาตัวเองไม่ได้ และจะให้คนไปสืบหาเจ้าของพัด
ฝ่ายดานิโล นั้นหลังจากปฏิเสธข้อเสนอแกมบังคับของท่านบารอน ก็พยายามบ่ายเบี่ยงโดยบอกท่านบารอนว่า เดี๋ยวจะหาทางกีดกันไม่ให้ชายชาวต่างชาติรายใดมาจีบฮันนา
แล้วก็ถึงเพลงที่สาวๆจะเลือกชายหนุ่มที่จะเต้นรำด้วย วาเลนเซียนเกิดความคิดว่า จะพยายามผลักดันให้กามิลล์แต่งงานกับฮันนา ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะถลำลึกไปกว่านี้ และเสนอให้กามิลล์เป็นคู่เต้นของฮันนา ฝ่ายดานิโลก็พยายามจูงใจให้สาวๆเต้นรำกับชายหนุ่มต่างชาติ จะได้ไม่มาวอแวกับฮันนา
ฮันนากลับเลือกดานิโลเป็นคู่เต้นรำ แต่ดานิโลทำบ่ายเบี่ยง แต่ก็ยินดี ‘ขายโอกาส’ ของเขาที่จะได้เต้นรำกับฮันนา ให้หนุ่มที่บริจาค 10,000 ฟรังค์เพื่อเข้าการกุศล ปรากฏว่าหนุ่มทั้งหลายถอยฉากไปตามๆกัน เมื่อเห็นว่าหนุ่มๆไปกันหมดแล้ว ดานิโลจึงขอเต้นรำกับฮันนา แต่เธอปฏิเสธเพราะเจ็บใจท่าทีลีลาของดานิโล เขาจึงทำทีเต้นรำคนเดียวกับตัวเอง แต่ในที่สุดฮันนาก็ใจอ่อน เข้าสู่อ้อมแขนดานิโลในที่สุด
องก์ที่สอง เปิดฉากขึ้นมาในงานปาร์ตี้ที่คฤหาสน์ของฮันนา ธีมของงานคือปาร์ตี้สไตลพอนเทเวเดรียน เธอแต่งกายประจำชาติและขับร้องเพลงพื้นเมือง
ฝ่ายท่านบารอนก็ยังจำพัดของภรรยาตัวเองไม่ได้ จึงให้ดานิโลไปสืบ และนัดหมายดานิโลและลูกน้องคู่ใจ ให้มาปรึกษาหารือกัน เวลาสองทุ่ม ที่ศาลาฤดูร้อนในสวนสวยของคฤหาสน์ ฝ่ายฮันนานั้นเมื่อเห็นพัดก็ไปเข้าใจว่าดานิโลเป็นคนเขียนสารภาพรัก แต่ดานิโลปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หลังจากเที่ยวสืบหาเจ้าของพัดแล้วเขาก็ลืมพัดทิ้งไว้ในสวน โดยยังไม่รู้ว่าเป็นพัดของใคร
ตกค่ำ กามิลล์นัดหมายวาเลนเซียนให้มาพบกันในสวน ฝ่ายวาเลนเซียนยืนยันหนักแน่นว่าความสัมพันธ์นี้ต้องจบและไม่พบเจอกันแล้ว กามิลล์พบพัดที่ดานิโลลืมทิ้งไว้ จึงขอเก็บพัดของเธอไว้เป็นที่ระลึก วาเลนเซียนก็ยินยอม โดยขอเขียนข้อความต่อเติมคำสารภาพรักว่า “ฉันเป็นภรรยาที่ดี” แล้วกามิลล์ก็อ้อนวอนให้วาเลนเซียนเข้าไปในศาลาเพื่อบอกลากันสองต่อสอง พร้อมๆกับที่ทั้งคู่เข้าไปในศาลา ลูกน้องท่านบารอนมาถึงตามนัดหมาย และเห็นทั้งคู่อยู่ข้างในจึงล็อกประตูศาลา ฝ่ายท่านบารอนเปิดประตูไม่ออกจึงส่องดูที่รูกุญแจ เห็นคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นภรรยาของตน แต่ลูกน้องคู่ใจก็สามารถสลับตัววาเลนเซียนกับฮันนาได้ทันการ กามิลล์กับฮันนาเดินออกมาจากศาลาด้วยกัน แล้วฮันนาก็ประกาศแต่งงานกับกามิลล์ ทำเอาท่านบารอนเสียใจมากเพราะเสียฮันนาให้ชายชาวต่างชาติ (กามิลล์เป็นฝรั่งเศส) ฝ่ายดานิโลก็โมโหปึงปังออกจากงานเลี้ยงไปพักใจที่คลับมักซิมส์ (Maxim’s) ฮันนาเห็นดังนั้นก็ตระหนักชัดว่าดานิโลยังรักตน
องก์สุดท้าย กลับมาที่ห้องจัดเลี้ยงในคฤหาสน์ของฮันนา เธอตกแต่งประดับประดาห้องและจัดบรรยากาศให้คล้ายกับคลับมักซิมส์ที่เธอรู้ว่าดานิโลชอบไปหย่อนใจ เมื่อดานิโลเข้าห้องมาและพบฮันนา เขาก็ขอให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับกามิลล์เพื่อชาติ ฝ่ายฮันนาก็บอกว่า เธอไม่เคยคิดแต่งงานกับกามิลล์หรอก เธอเพียงแต่รับสมอ้างเพื่อช่วยปกป้องศักดิ์ศรีของวาเลนเซียน ดานิโลดีใจมากเกือบสารภาพรักกับเธอแล้ว แต่ชะงักขึ้นมาเมื่อนึกถึงสมบัติมหาศาลของเธอ เขาไม่อยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร
ขณะเดียวกันลูกน้องคู่ใจท่านบารอนก็พรวดเข้ามาพร้อมพัดเจ้าปัญหา คราวนี้ท่านบารอนเกิดจำพัดของภรรยาตัวเองได้ ก็โกรธปึงปัง จะขอหย่าวาเลนเซียน แล้วแต่งงานกับฮันนาเสียเอง ฝ่ายฮันนาจึงหลอกว่า เธอจะสูญเสียมรดกถ้าแต่งงานใหม่ เมื่อดานิโลได้ยินดังนั้น ก็สารภาพรักและขอเธอแต่งงานทันที เพราะเขาไม่ต้องเป็นหนูแล้ว พร้อมกันนั้นวาเลนเซียนก็ให้ท่านบารอนดูข้อความที่เธอเขียนต่อท้ายคำสารภาพรักของกามิลล์ ว่าเธอยังซื่อสัตย์มั่นคงต่อท่านดี
เมื่อดานิโลสารภาพรักต่อฮันนาสมใจเธอแล้ว เธอก็เฉลยว่า เธอจะสูญมรดกเพราะมันจะกลายเป็นของผู้ที่เธอจะแต่งงานด้วยนะซี
เรื่องราวก็จบลงด้วยดีแฮปปี้เอนดิ้ง ตามแบบฉบับละครจุลอุปรากรชวนหัว ขอเชิญติดตามฟังเพลงไพเราะจากจุลอุปรากรเรื่องนี้ คืนวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคมที่จะถึงนี้