ทำไม Trump-Kim Summit ครั้งที่ 2 ไร้ข้อตกลง | คำให้การของ ไมเคิล โคเฮน สั่นสะเทือนอนาคตทางการเมืองของทรัมป์
1,119 views
0
0

*จับตาการเลือกตั้งครั้งสำคัญของอินโดนีเซียที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2019
ประเด็นภายในประเทศที่น่าจับตาและอาจกระทบกับไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
1. การนำประเทศเข้าสู่อิสลามสายเคร่งครัดและรุนแรงขึ้น (Conservative and Extremist)
2. การออกนอกเส้นทางประชาธิปไตยของอินโดนีเซีย

*ทำไม Trump-Kim Summit ครั้งที่ 2 จึงล้มเหลว ไร้ข้อตกลง [นาที 18.00]
ความคาดหวังในการประชุมครั้งนี้คือ การเกิดข้อตกลงกันระดับหนึ่งที่ให้เกาหลีเหนือลดละเลิกการผลิตอาวุธนิวเคลียร์บางจุด แลกกับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ผลปรากฏว่าไม่มีการตกลงใดๆ เกิดขึ้น

ขณะนี้สหรัฐเสียเปรียบไปแล้ว สหรัฐหยุดซ้อมรบกับเกาหลีใต้โดยไม่ได้อะไรจากเกาหลีเหนือกลับมา

โอกาสเกิดการประชุม Trump-Kim Summit ครั้งที่ 3 ยังมีไหม

*การให้ปากคำของ ไมเคิล โคเฮน (อดีตทนายของประธานาธิบดีทรัมป์) ต่อสภา กำลังสร้างความสั่นสะเทือนต่ออนาคตทางการเมืองของทรัมป์ [นาที 48.00]
สามารถทำให้ทรัมป์ถูกส่งเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีอาญาและต่อเนื่องถึงการถอดถอน (impeachment) ได้

สังเกตการณ์เลือกตั้งอินโดนีเซีย

จับตาการเลือกตั้งครั้งสำคัญของอินโดนีเซียที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2019
การเลือกตั้ง National Election ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 หลังจากอินโดนีเซียเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1998
เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างประธานาธิบดีโจโกวี และ ปราโบโว ผู้ท้าชิงคนเดิม ซึ่งแพ้อย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งเมื่อห้าปีที่แล้ว

ประเด็นภายในประเทศที่น่าจับตาและอาจกระทบกับไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

1. สิ่งที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียขณะนี้คือ มีความพยายามในการนำประเทศเข้าสู่อิสลามสายเคร่งครัดและรุนแรงขึ้น (Conservative and Extremist) แม้อินโดนีเซียจะเป็นประเทศมุสลิม แต่ค่อนข้างสายกลางเมื่อเทียบกับประเทศมุสลิมอื่น

ประเด็นนี้จึงสำคัญสำหรับประธานาธิบดีโจโกวีต่อโอกาสการได้รับเลือกตั้งกลับมาหรือไม่ ดังนั้นโจโกวีจึงพยายามเลือกรองประธานาธิบดีซึ่งค่อนข้างเอียงไปทางมุสลิม

2. อินโดนีเซีย 5 ปีผ่านมาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโกวี ดูเหมือนกำลังเดินออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย คือเป็น Authoritarian มากขึ้น มีการออกมาตรการบังคับใช้กฎหมายโดยทหารมากขึ้น

การศึกษาการเมืองเปรียบเทียบ

ประเด็นและปัจจัยทางศาสนาและวัฒนธรรมต้องระมัดระวัง อย่าด่วนสรุปว่าประเทศที่ไม่ได้มีรากฐานคล้ายตะวันตกไม่สามารถเป็นประชาธิปไตยได้ เพราะประชาธิปไตยเป็นเรื่องสากล เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการเสรีภาพในการกำหนดอนาคตของประเทศ

ทำไม Trump-Kim Summit ครั้งที่ 2 จึงล้มเหลว ไร้ข้อตกลง

ความคาดหวังในการประชุมสุดยอดครั้งนี้คือ การเกิดข้อตกลงกันระดับหนึ่งที่ให้เกาหลีเหนือลดละเลิกการผลิตอาวุธนิวเคลียร์บางจุด แลกกับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ผลปรากฏว่าไม่มีการตกลงใดๆ เกิดขึ้น

กลับบ้านมือเปล่า

ประธานาธิบดีทรัมป์ควรตระหนักได้ว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่คิดว่าแค่พูดจาโน้มน้าว คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือด้วยศิลปะการเจรจา (ที่คิดว่าโดดเด่นของตัวเอง) แล้วจะได้ข้อตกลง

การเจรจาเรื่องสำคัญโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับภูมิรัฐศาสตร์ ก่อนที่ผู้นำจะเจรจากัน ต้องเริ่มต้นจากเจ้าหน้าระดับหัวหน้าปฏิบัติการ เมื่อตกลงกันได้ระดับหนึ่ง ผู้นำถึงค่อยประกาศความสำเร็จ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับใช้วิธีการเจรจาจากระดับสูงลงมา ทั้งที่การเจรจาสำคัญต้องเริ่มจาก Bottom-up Negotiation

การที่ประธานาธิบดีทรัมป์อวดอ้างความสำเร็จเรื่องข้อตกลงตั้งแต่การประชุมสุดยอดครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ ต้องบอกว่าไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่เคยทำมาแล้วในปี 1994 และอาจดีกว่าที่ทรัมป์ทำด้วยซ้ำไป เนื่องจากปี 1994 เป็นข้อตกลงที่เกือบสมบูรณ์ เพียงแต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติ ที่ยังตกลงกันไม่ได้ มีแค่การนำข้อที่เคยตกลงกันได้แล้วไปสู่การปฏิบัติเท่านั้น

เตรียมตัวไม่ดี

ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ศึกษาประเด็นให้ถ่องแท้ ถ้าการเจรจาง่ายขนาดนั้นคงสำเร็จตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโอบามาหรือก่อนหน้านั้นแล้ว เรื่องนี้สลับซับซ้อน จึงไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนไหนเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือตัวต่อตัวโดยตรง เพราะต้องเจรจาต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียเปรียบในข้อตกลง แต่ขณะนี้สหรัฐเสียเปรียบไปแล้ว สหรัฐหยุดซ้อมรบกับเกาหลีใต้โดยไม่ได้อะไรจากเกาหลีเหนือกลับมา

ประเด็นนี้มีคนเตือนทรัมป์แล้วว่า หากตกลงในสิ่งที่ทำให้สหรัฐเสียเปรียบ จะยิ่งทำให้อำนาจต่อรองของเกาหลีเหนือมีมากขึ้น ซึ่งการประชุมสุดยอดครั้งนี้ทรัมป์ก็ยอมทั้งที่สหรัฐยังไม่เห็นความคืบหน้าเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือชัดเจน

อย่าลืมว่าในปี 1994 เกาหลีเหนือยังไม่เริ่มทดลองอาวุธนิวเคลียร์ อำนาจต่อรองน้อยกว่าตอนนี้ ยังตกลงกันไม่ได้ ตอนนี้ยิ่งยากกว่าเดิม เพราะเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์แล้ว 6 ลูก และมีการประเมินกันว่ามีหัวรบนิวเคลียร์ไม่ต่ำกว่าร้อยลูก จึงเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าทำไมเกาหลีเหนือจะต้องยอมยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ในสิ่งลงทุนลงแรงไปเยอะแล้ว

การเกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างแท้จริง

สิ่งที่ทำได้เลย
1. ประกาศยุติสงครามอย่างเป็นทางการ และเจรจาทำสนธิสัญญาสันติภาพ
2. สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

ถ้ามีความสัมพันธ์ตามปกติ คิดหรือว่าเกาหลีเหนืออยากจะยิงถล่มสหรัฐ เกาหลีเหนือไม่ได้มีความพยายามทำตัวทัดเทียมประเทศมหาอำนาจ ต่อให้มีความคิดนี้ก็ไม่สามารถทำได้ง่าย แค่ให้อยู่รอดบนคาบสมุทรเกาหลีก็ดีแล้ว

ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีต้องรู้ปัญหารากเหง้าในอดีต เพื่อเห็นแนวทางในอนาคต
เราไม่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่มองอดีตและไม่ศึกษาบทเรียนใดๆ

การให้ปากคำของ ไมเคิล โคเฮน สร้างความสั่นสะเทือนต่ออนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์

ไมเคิล โคเฮน (อดีตทนายและคนดูแลด้านกฎหมายให้ทรัมป์ ถูกกล่าวว่าว่าให้การเท็จเพื่อปกป้องทรัมป์หลายคดี) เข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการตรวจสอบและปฏิรูป สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ทำไมสำคัญ
การให้การครั้งนี้ของ ไมเคิล โคเฮน สามารถทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกส่งเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีอาญาและต่อเนื่องถึงการถอดถอน (impeachment) ได้

ทำไมต้องสนใจการเมืองอเมริกันประเด็นนี้
นี่เป็นระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่แสดงให้เห็นว่า รัฐสภาแยกอำนาจเด็ดขาดจากประธานาธิบดี
รัฐสภาสามารถตรวจสอบ ถ่วงดุล และต้องทำหน้าที่ด้วย

จากคำเปิดแถลงที่ ไมเคิล โคเฮน ออกมาให้การต่อคณะกรรมาธิการฯ

วันนี้เขามาภายใต้คำสาบานที่อยากแก้ไขสิ่งที่เคยพูดไม่จริงในสภาแห่งนี้ และต้องการตอบคำถามต่อหน้าคณะกรรมการชุดนี้อย่างตรงไปตรงมา เป็นความจริง และต้องการให้คนอเมริกันรู้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนอย่างไร คณะกรรมการบางท่านอาจสงสัยและโจมตีเขาเรื่องความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอาหลักฐานมาสนับสนุนสิ่งที่เขากำลังกล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์ เขารู้สึกละอายความล้มเหลวของตัวเอง และต้องการรับผิดชอบต่อความล้มเหลวโดยการสารภาพผิดในศาล เขาละอายที่เคยให้ความภักดี เคยพยายามปกป้อง ส่งเสริมและสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ เขาละอายที่เลือกปิดบังการกระทำไม่ถูกต้องของประธานาธิบดีทรัมป์ มากกว่าที่จะฟังมโนสำนึกของตัวเขาเอง
ทรัมป์เป็นคนเหยียดผิว หลอกลวง คดโกง

ข้อดีของระบบการเมืองสหรัฐ

ระบบการเมืองสหรัฐเป็นระบบเปิด ทำให้คนทั่วโลกเห็นความเป็นไปในระบบการเมืองสหรัฐ แต่ข้อเสียคือ กรณีการให้ปากคำของไมเคิล โคเฮน ถ้าประชาชนได้ดู ผู้นำประเทศอื่นก็ได้ดูเช่นกัน ไม่ว่าคำกล่าวหาจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของประธานาธิบดีทรัมป์
.
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รัฐศาสตร์สู่สังคม