ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ภายใต้การนำพาประเทศฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆของประเทศ ทึ่เกิดวิกฤตการณ์ทั้งในและต่างประเทศ
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมปี 2519 ที่เกิดการปฏิวัติ และแต่งตั้งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแผ่นดิน
ซึ่งในช่วงดังกล่าวมีการบริหารราชการแผ่นดินที่มีความเข้มงวด ยกเลิกการแสดงชั้นยศต่างๆ ประกอบกับการร่างแผนปฏิรูปรัฐธรรมนูญ มีการวางลำดับขั้นตอน 12 ปี ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการอยู่ในอำนาจเป็นเวลา 12 ปี เกิดความอึดอัดในการบริหารราชการ
นอกจากนี้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและต่างประเทศ ที่เลือกจะประหยัดงบประมาณและโดดเดี่ยวตนเองจากประชาคมโลก
ส่งผลให้ในวันที่ 26 มีนาคม ปี 2520 ทำให้เกิดนายทหารกลุ่มหนึ่งต้องการปฏิวัติ แต่ก็ล้มเหลว
แม้การปฏิวัติจะล้มเหลว แต่การบริหารราชการแผ่นดินก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ ข้าราชการเกิดความแตกแยก จนทำให้กลุ่มนายทหารยังเติร์ก ที่มีอิทธิพลทางการเมือง ก่อการปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลของนายธานินทร์ ไกรวิเชียรในเวลาถัดมาคือในวันที่ 20 ตุลาคมปี 2520
พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้เข้ามาบริหารประเทศเป็นคนต่อมา มีการบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่มีการบัญญัติข้อยกเว้นหลายประการจนเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ และให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นฐานรองรับอำนาจของรัฐบาล
จนเมื่อปี 2522 มีการเลือกตั้งและเลือกพลเอกเกรียงศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยังเติร์ก
แต่เมื่อปี 2523 รัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ประสบกับความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินเช่นกัน ประกอบกลุ่มยังเติร์กไม่พอใจ กดดันให้พลเอกเกรียงศักดิ์ลาออกจากตำแหน่ง จากนั้นผลักดันให้พลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี
รายการการเมืองเรื่องน่ารู้
โดย รศ.ตระกูล มีชัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย