ประการที่สามจุดเด่นรัฐบาลยุคนี้คือ อำนาจ 3 ป. คือท่านพลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตร พลเอกอนุพงษ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่พูดต่อกันมาว่าอำนาจทางการเมืองอยู่ภายใต้กลุ่ม 3 ป. เป็นสายใยแห่งความสัมพันธ์ทางกองทัพทหาร ทางตัวบุคคล อำนาจเหล่านี้สามารถที่จะกำหนดสั่งการกระบวนการและกลไกของรัฐทุกระบบ สิ่งนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่อยู่ภายใต้การบริหารซึ่งเป็นความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่ในความแข็งแกร่งนี้ก็ไม่อาจอยู่ได้ยั่งยืนคงทนหรือทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพได้ตลอดไป

- ประการที่สี่ มีนักการเมืองที่มีความเป็นมืออาชีพเข้าไปช่วยงานมากขึ้น ในงานสังคม เศรษฐกิจ รัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาล ประสบการณ์ที่นักการเมืองเหล่านี้มีนั้นอาจจะจริง แต่ถามว่ามีความเป็นมืออาชีพและเชี่ยวชาญในการที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้นมีหรือไม่ ผลงานในอดีตของรัฐมนตรีเก่าๆเหล่านี้นั้นมีผลงานที่เคยแก้ไขปัญหาจัดการปัญหาที่เป็นวิกฤตได้จริงหรือไม่ เพราะมีเส้นแบ่งระหว่างผลประโยชน์ทางการเมืองในการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะผลต่อการเมือง

- ประการสุดท้าย ในสภาวะที่นักการเมืองอื่นและพรรคการเมืองอื่น บนพื้นฐานของการเป็นผู้นำทางการเมืองนั้นเป็นรองพลเอกประยุทธ์ทั้งหมด ทำให้พลเอกประยุทธ์เด่นขึ้นมาบนสภาวะที่บุคคลอื่นด้อย แต่เมื่อใดก็ตามถ้าเกิดพรรคการเมืองอื่น เกิดสร้างผู้นำทางการเมืองขึ้นมา และสร้างความคาดหวังให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนได้ บวกกับการที่เคยคาดหวังกับทางรัฐมนตรีว่าจะทำอะไรได้ดีมากขึ้นต่อไปอีก 4 ปี แล้ว ความนิยมของพลเอกประยุทธ์อาจจะตกลง อาจเกิดจากการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเกิดมีผู้นำอื่นประกาศตัวเข้ามามีการสร้างความเป็นผู้นำที่ดีพอกับพลเอกประยุทธ์ได้ จุดเด่นตรงนี้จะหายไปทันที

ติดตามฟังได้ในรายการ "การเมืองเรื่องน่ารู้" โดยรองศาสตราจารย์ ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 13 กรกฎาคม 2562