วันที่ 5 กันยายน 2562
1. การประกาศปิดสภา (Prorogation) ของบอริส จอห์นสัน กับผลกระทบต่อ Brexit
2. รากเหง้าปัญหาที่ฮ่องกง ศึกนอก-ศึกใน เรื่องท้าทายผู้นำจีน
3. ควันหลงการประชุม G7 สงครามการค้ายังคุกรุ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกจับได้คาหนังคาเขา
4. R2P (Responsibility to protect) หลักการที่ต้องทำมากกว่าลงนาม
5. เก็บตกประเด็น ASEAN Outlook on the Indo-Pacific ที่ประเทศอินโดนีเซีย
เป็นที่รู้กันว่าไม่ว่าเกิดอะไร อังกฤษซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ต้องออกจากสหภาพยุโรปให้ได้ (DO or DIE) ในวันที่ 31 ตุลาคม 2019
การประกาศปิดสภา (Prorogation) ของบอริส จอห์นสัน ส่งผลอะไรกับ Brexit
• การปิดสภา ตามกฎหมายทำได้ แต่เป็นแทคติกต่างหาก
เป็นการสกัดกั้นสมาชิกสภาไม่ให้ทำ 2 เรื่องคือ ไม่ให้ยื่นโหวตไม่ไว้วางใจ และไม่ให้ออกกฎหมายที่จะไม่ให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (ขณะนี้กันยายน 2019 ยังตกลงกันไม่ได้ว่าอังกฤษจะออกโดยมีข้อตกลงหรือไร้ข้อตกลง)
• มีเสียงไม่เห็นด้วยจากคนในพรรครัฐบาลที่จะออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง
• ในเมื่อ 3 ครั้งที่ผ่านมา การเจรจาออกจากสหภาพยุโรป (แบบมีข้อตกลง) ภายใต้เงื่อนไขที่อดีตนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์เสนอต่อสภายังทำไม่สำเร็จ ทำไมจึงคาดหวังครั้งนี้ (ก่อน 31 ตุลาคม) จะทำสำเร็จ
• กระแสคนเริ่มเปลี่ยนใจไม่อยากออกจากสหภาพยุโรป แต่ในเมื่อผลประชามติออกมาแล้วว่าออก ก็ต้องเดินหน้า
• การออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง จะทำให้อังกฤษวุ่นวายหลายเรื่อง
• บอริส จอห์นสันขู่ยุบสภา
• ทำไมไม่ลงประชามติหรือเลือกตั้งกันใหม่
• Brexit หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษที่คนแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง เป็นบททดสอบกระบวนการประชาธิปไตยระบบรัฐสภาของอังกฤษว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้หรือเปล่า

การประท้วงในฮ่องกงเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2019 จากข้อเรียกร้องเรื่องร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ขยายตัวสู่ข้อเรียกร้องอื่นๆ ตามมา ที่น่าสังเกตคือผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ (เกิดหลังปี 1997)
• เมื่อครั้งผู้นำจีน เติ้ง เสี่ยวผิง เจรจากับอังกฤษเพื่อขอคืนเกาะฮ่องกง
• หนึ่งประเทศ สองระบบ ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน
• ผู้นำจีนประเมินคนรุ่นใหม่ต่ำไปหรือเปล่า
• เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่คิดว่าฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ หรือไม่ใช่คนจีนในฮ่องกง แต่เป็นคนฮ่องกง
• ปี 2047 จะไม่มีหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบอีกต่อไป คนรุ่นใหม่ในฮ่องกงจะทำอย่างไร เมื่อเสรีภาพกำลังถูกลิดรอน
• ศึกนอก (สงครามการค้ากับสหรัฐ) กับศึกใน (การประท้วงในฮ่องกง) สิ่งท้าทายการตัดสินใจของผู้นำจีน
• รู้กันอยู่ จีนไม่มีทางยอมให้ฮ่องกงเป็นประชาธิปไตย ไม่ปล่อยให้ไต้หวันทำตามอำเภอใจ เพราะสั่นคลอนอำนาจการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ และเกิดผลต่อเนื่องตามมา
• คนในฮ่องกงเริ่มมีความคิดเห็นแตกแยก แม้เห็นด้วยกับการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถ้าเลยเถิดถึงขั้นแยกตัวจากจีน คนส่วนมากรู้อยู่แก่ใจ...เป็นไปไม่ได้แน่นอน

ควันหลงการประชุม G7 ที่ฝรั่งเศส (26 สิงหาคม 2019)
สงครามการค้ายังคุกรุ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกจับได้คาหนังคาเขา
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เขาอยากเห็นสันติภาพทางการค้ามากกว่าสงครามทางการค้า พร้อมแนะว่าหากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิจากประชาคมโลกว่าเป็นต้นตอ
วันต่อมา ประธานาธิบดีทรัมป์พูดเท็จต่อชาวโลกว่าทางการจีนติดต่อมาเพื่ออยากเจรจาการค้ากับสหรัฐ พอผู้สื่อข่าวไปถาม โฆษกการต่างประเทศของจีนบอกว่าไม่รู้เรื่อง แม้แต่ผู้ช่วยทำเนียบขาวยังออกมายอมรับว่าไม่มีการติดต่อใดๆ กับฝ่ายเจรจาการค้าสหรัฐ
เรื่องนี้จีนรู้อยู่แล้วว่าประธานาธิบดีทรัมป์อยากเจรจากับจีน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหา นักธุรกิจเริ่มออกมากดดันเพราะของแพง ผลสำรวจจากประชาชนก็เห็นด้วยว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบ ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ในเรื่องสงครามการค้า
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทำอย่างนี้ ส่วนหนึ่งเพราะอยากหาทางลง แต่การพูดไม่จริงแบบนี้ยิ่งทำให้จีนรู้ไต๋ประธานาธิบดีทรัมป์ จึงยิ่งไม่เจรจาตอนนี้หรืออาจมีจุดยืนที่แข็งขึ้นในการต่อรอง ทำให้การแก้ไขปัญหายิ่งยากขึ้น
สงครามการค้าไม่มีประโยชน์กับประเทศใดเลยทั้งจีน สหรัฐ และประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องก็โดนลูกหลงไปด้วย

เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2001 ผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมหลักการนี้และผลักดันให้เป็นหลักการสำคัญในอาเซียนคือ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
หัวใจสำคัญ ทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรม 4 ประเภท ได้แก่ อาชญากรรมต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม การชำระล้างเผ่าพันธุ์
ต้องบอกว่าการทำให้คนยอมรับหลักการนี้เป็นเรื่องง่าย แต่ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องของรัฐ ถ้าประเทศมหาอำนาจเป็นผู้ทำเสียเอง ใครจะจัดการหรือจะเอาตัวผู้นำประเทศมาลงโทษได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ชาวโลกต้องคิดหาทางกันต่อไป
หลายคนบอกว่านี่เป็นหลักการลอยๆ เป็นหลักการระหว่างประเทศที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ในความเป็นจริงมีกฎหมายรองรับหมดแล้ว เพียงแต่จะเอาไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่งการแก้กฎหมายภายในประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่ลงนามในหลักการเท่านั้น

Outlook on the Indo-Pacific ริเริ่มโดยประเทศอินโดนีเซีย แต่ออกเป็นเอกสารได้สำเร็จในการประชุมสุดยอดที่ประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2019
ประเด็นสำคัญ
1. ยุทธศาสตร์นี้จำเป็นสำหรับอาเซียน เพราะแสดงจุดยืนของอาเซียนในเวทีโลก ในฐานะที่อาเซียนอยากเป็นแกนกลางความร่วมมือ ถ้าปราศจากจุดยืน อาเซียนจะมีปัญหา อาจถูกมหาอำนาจลากไปลากมา
2. ยุทธศาสตร์นี้สำคัญกับอินโดนีเซีย เพราะต้องการให้อินโดนีเซียรื้อฟื้น Maritime power หรือมหาอำนาจทางทะเลอีกครั้ง ถ้าอินโดนีเซียไม่ทำก็ไม่มีใครทำ ทุกวันนี้การแข่งขันของมหาอำนาจในทะเลจีนใต้และ Asia-Pacific รุนแรงขึ้นทุกที
3. อาเซียนไม่ต้องการให้อนาคตของอาเซียนถูกกำหนดโดยโครงสร้างการแข่งขันของมหาอำนาจ อาเซียนจำเป็นต้องกำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเอง
รายการรัฐศาสตร์สู่สังคม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู และ ผศ.ดร.ปราณี ทิพย์รัตน์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย