เดือนตุลาคม เป็นเดือนแห่งความทรงจำรำลึกของปวงชนชาวไทยหลายยุคสมัย เพราะเป็นเดือนที่สังคมไทยประสบกับเหตุการณ์มหาวิปโยคแห่งการเสด็จจากไปของมหาราช 2 พระองค์ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระองค์แรก คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 และ พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
จุลสารฉบับนี้ขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับบทเพลงสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเพลงที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกัน คือ เพลง ‘ขบวนแห่พระบรมศพ’ (La Procession) ประพันธ์โดย ยูจีน จินดา กราสซี (Eugene Cinda Grassi; ค.ศ. 1881-1941)
กราสซี เป็นนักประพันธ์เพลงชาวฝรั่งเศส เกิดในเมืองไทยเมื่อปีค.ศ. 1881 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 เพราะบิดาซึ่งเป็นสถาปนิกมาทำงานที่เมืองไทยหรือสยามในสมัยนั้น ต่อมาเมื่อกราสซีเข้าวัยรุ่นก็กลับไปประเทศฝรั่งเศส และได้เรียนดนตรีกับ แว็งซอง แด็งดี (Vincent d’Indy; 1851-1931) นักประพันธ์เพลงและครูดนตรีมีชื่อท่านหนึ่งของฝรั่งเศสในสมัยนั้น
กราสซีกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งหนึ่งในช่วงปี ค.ศ. 1910-1913 เพื่อศึกษาและเก็บรวบรวมเพลงของชาวสยามที่นิยมกันในสมัยนั้น บทเพลงไทยเหล่านี้และประสบการณ์ต่างๆที่พบเจอในเมืองไทย ก็เป็นวัตถุดิบดนตรี และเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านนำกลับไปสร้างสรรค์งานดนตรีมากมายในกาลต่อมา หลังจากนั้น กราสซีก็กลับไปอยู่ปารีส ในปีค.ศ. 1913 จนตลอดอายุขัย ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1941
ท่านทำงานในแวดวงดนตรีและมีบทประพันธ์เพลงได้รับการตีพิมพ์มากมายหลายบท ส่วนใหญ่มีกลิ่นอายดนตรีตะวันออก ผสมผสานดนตรีฝรั่งเศสในสไตล์อิมเพรสชั่นนิสต์ซึ่งได้รับความนิยมในยุโรปในขณะนั้น
บทเพลง ‘ขบวนแห่พระบรมศพ’ (La Procession) เป็นเพลงบทที่สองในชุด ‘Trois Poemes Bouddhiques’ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ที่กรุงปารีส 2 ฉบับด้วยกัน คือฉบับสำหรับคณะนักร้องประสานเสียงและวงดุริยางค์ และฉบับสำหรับขับร้องเดี่ยวและวงดนตรีขนาดย่อม มีเนื้อร้องทั้งภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส เนื้อร้องไทย แต่งโดย นายทิม (เปรียญ) อยู่ในฉันทลักษณ์แบบกลอน ๘ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ตีพิมพ์ที่กรุงปารีส ในปี ค.ศ. 1921 และออกแสดงที่โรงละครแห่งชาติ (Theatre national de l’Opera) ในปีนั้นเอง
เพื่อให้ชาวตะวันตกเข้าใจ ผู้ประพันธ์ได้เขียนคำอธิบายกำกับไว้ที่สกอร์โน้ตฉบับตีพิมพ์ เกี่ยวกับพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ในประเทศสยาม ความว่า
“ในประเทศสยาม เมื่อพระเจ้าแผ่นดินสวรรคต จะอัญเชิญพระบรมศพบรรจุลงในพระบรมโกศ เพื่อประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลชั่วระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นจะเคลื่อนพระบรมโกศไปประดิษฐานที่พระเมรุมาศ ซึ่งสร้างขึ้นเฉพาะกาล เพื่อพระราชพิธีถวายพระเพลิงต่อไป
ในระหว่างพระราชพิธีทั้งในพระบรมหาราชวังและที่พระเมรุมาศ จะมีดนตรีประโคม ซึ่งเครื่องประโคมประกอบด้วยปี่ไฉน กลองชนะ มีเสียงร้องเพลงที่ฟังแล้วเหมือนเสียงร้องไห้ บาดลึก จับใจผู้ที่ได้ยินได้ฟัง....”
(แปลจากภาษาฝรั่งเศสโดย รศ.ดร. เริงรัชนี นิ่มนวล)
คำอธิบายที่ผู้ประพันธ์เขียนกำกับไว้นี้ รวมทั้งเนื้อความของบทร้อง ทำให้สันนิษฐานได้ว่า กราสซีประพันธ์เพลงนี้ขึ้นจากความทรงจำ ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ในปี ค.ศ. 1910 ( พ.ศ. 2453) ซึ่งเป็นปีที่กราสซีกลับมาเยือนเมืองไทย