- ความวุ่นวายในสภาที่เกิดขึ้น หรือความวุ่นวายในกรรมาธิการ เป็นเหตุการณ์ที่สื่อให้ความสำคัญ แต่ต้องย้อนมาคิดว่า ตั้งแต่สภาทำงานมาตั้งแต่เลือกตั้ง ได้ทำหน้าที่มากน้อยแต่ไหนอย่างไร
- จากกรณีที่กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตกับประพฤติมิชอบ ก็ยังคงวนเวียนในเรื่องของการต่อสู้ของฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ทั้งการเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจง ต่อเนื่องถึงนายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงด้วยตนเอง หรือการใช้อำนาจตามกฎหมายเรียกนายกรัฐมนตรีมาชี้แจง หรือการโต้แย้งกันภายในระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาล สะท้อนของความตกต่ำลงของการเมืองไทย โดยใช้การต่อสู้กันภายในกรรมาธิการ ทั้งการต่อสู้กันด้วยการปลดประธานกรรมาธิการ หรือการลาออกของกรรมาธิการ เพื่อนำบุคคลของพรรคร่วมรัฐบาลมาต่อสู้แทน รวมไปถึงการใช้วิวาทะให้แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย เพื่อให้มีพื้นที่ทางการเมือง
- สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากจิตสำนึกทางการเมือง ความรับผิดชอบทางการเมือง ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานกว่าบุคคลทั่วไป มีเพียงการทะเลาะกันทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำเพื่อป้องกันการทุจริต ซึ่งสิ่งที่ควรตำหนิครั้งนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด
- สิ่งเหล่านี้ควรจะรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง หากยังคงเกิดการต่อสู้ทางการเมืองแบบนี้ต่อไปประชาชนทั่วไป อาจจะเบื่อหน่ายที่จะเห็นความไม่ชอบมาพากลในการปฏิบัติงานเช่นนี้ เมื่อเกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้จะสะท้อนกลับไปยังตนเอง ต้องทราบถึงบทบาทของตนเองว่าเราทำอะไรอยู่
- ในอดีตยังเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เกิดการยึดอำนาจในเวลาถัดมา แม้จะมีการเลือกตั้งแล้วหรือมีรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่มีเสถียรภาพ ประชาชนพร้อมหันหลังให้กับสถาบันการเมืองเช่นกัน และที่ผ่านมายังพบว่ากรรมาธิการในสภามีถึง 35 ชุด ยังพบว่าบางอย่างยังมีความไม่คืบหน้าในการทำงานอย่างที่ควรจะเป็นมากนัก ซึ่งหากเริ่มทำสิ่งดีๆตามหน้าที่ของตนเองได้ก็จะเป็นผลดีต่อกรรมาธิการเอง
ติดตามรับฟังได้ที่รายการการเมืองเรื่องน่ารู้ กับ รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกวันเสาร์ เวลา 06.00-07.00 ทางสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย FM101.5 MHz
ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2562