รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการการเมืองเรื่องน่ารู้ว่า ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคการเมืองหรือวิปพรรคร่วมถือเป็นผลพวงของรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน โดยในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสมาชิกสนับสนุนให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบมาตรา 44 นั้น ก็ถือเป็นการแสดงจุดยืนในการแก้ไขคำสั่งคสช. ส่วนพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ถือเป็นการมาใจเอนเอียงมาฝั่งรัฐบาลเช่นกัน
แต่หากมีพรรคการเมืองถูกยุบ การย้ายสังกัดจะทำได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีผลออกมาอย่างไร แต่หากเกิดการยุบพรรคจริง จะทำให้มีผู้ที่เข้ากับฝั่งของรัฐบาล สิ่งที่น่าสนใจคือรัฐธรรมนูญในปี 2560 นั้นกลับมีความย้อนแย้งในตนเอง ที่ให้อิสระแก่ ส.ส. และพร้อมจะหาพรรคใหม่หากถูกขับออกจากพรรค แต่สิ่งที่ย้อนแย้งคือมีความพยายามบัญญัติทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง โดยการลงคะแนนสวนทางมติของพรรคและวิปรัฐบาล และบั่นทอนความเข้มแข็งของรัฐธรรมนูญ พร้อมมองว่าระบอบประชาธิปไตยจะอยู่ได้หรือจะล้มลง ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของประชาชน ซึ่งหากต้องการปฏิรูปทางการเมืองของไทย คือต้องปฏิรูปตนเองก่อน สร้างความเชื่อมั่นด้วยการทำงานอย่างเต็มที่ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สะท้อนเรื่องที่ประชาชนยังมีความลำบากนำไปพิจารณาในสภาให้ได้
ติดตามรับฟังได้ที่รายการการเมืองเรื่องน่ารู้ กับ รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกวันเสาร์ เวลา 06.00-07.00 ทางสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย FM101.5 MHz
ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พุทธศักราช 2562