รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการการเมืองเรื่องน่ารู้ว่า ตั้งแต่มีพรรคการเมืองในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2476 จะพบการผลักดันให้มีพรรคการเมือง 2 พรรค คือการเปลี่ยนแปลงจากคณะราษฎร์ได้เปลี่ยนเป็นพรรคการเมือง กับอีกฝ่ายหนึ่งคือคณะชาติที่เป็นการขับเคลื่อนในขณะนั้น ซึ่งมีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอดจนถึงปี 2489 พัฒนาการของพรรคการเมืองก็หยุดลงเนื่องจากมีการรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง และหลายครั้ง ซึ่งหลายๆครั้งมีความพยายามจำกัดความเป็นพรรคการเมืองผ่านกฎหมายในรูปแบบต่างๆ แม้จะมีการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม
สิ่งที่น่าคิดคือกฎหมายที่มี อยู่ไม่ได้เอื้อทำให้เกิดพรรคการเมืองเลย จนทำให้เกิดการแอบลักลอบสนับสนุนทางการเมือง แต่หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงทางการเมืองในปี 2516 ที่ระบอบประชาธิปไตยเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งหลังจากปี 2516 แล้วก็พบว่ามีอดีต ส.ส. ของพรรคสหประชาไท ได้ออกมาแยกสาขาไปอยู่ตามพรรคการเมืองต่างๆ จนกระทั่งมีนักวิขาการรวมตัวกันในการตัดตั้งพรรคการเมืองพรรคพลังใหม่ โดยนายแพทย์ กระแส ชนะวงศ์ ซึ่งเป็นแนวคิดหัวก้าวหน้า
และยังมีพรรคการเมืองอีกสองพรรคที่มีความคิดสังคมนิยมเล็กน้อยแต่ก็มาต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยคือ พรรคสังคมนิยมแก่งประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้รับความนิยม อีกหนึ่งพรรคคือพรรคแนวร่วมสังคมนิยม ซึ่งได้ ส.ส.รวมกัน 37 ที่นั่ง ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยว่าพรรคการเมืองมีรายได้จากแหล่งไหนบ้าง โดยเมื่อสมัยก่อนพรรคการเมืองต้องช่วยเหลือตนเองพอสมควร ซึ่งส่วนตัวได้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองมาพอบ้าง โดยพบว่ามีค่ากิจกรรมอยู่พอสมควรเช่นกัน บางครั้งก็ไม่พอ จนทำให้ไม่สามารถเข้ามาสู่สภาได้
ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นมาโดยตลอดคือกลุ่มผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้พรรคการเมืองได้มีบทบาทมากขึ้น จนผ่านพ้นเรื่องสงครามเย็นไปแล้วยังมีเรื่องของพรรคการเมืองที่ได้หันมาสู่ในรูปแบบของธุรกิจและกลุ่มทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น
ติดตามรับฟังได้ที่รายการการเมืองเรื่องน่ารู้ กับ รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกวันเสาร์ เวลา 06.00-07.00 ทางสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย FM101.5 MHz
ออกอากาศเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563