Bolero เพลงรัญจวนใจ
2,925 views
0
0
"จุลสาร Music of the Masters ฉบับนี้ตรงกับเดือนมีนาคม คล้ายเดือนเกิดของนักประพันธ์เพลงยอดเยี่ยม ชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่ง คือ มัวรีส ราแวล (Maurice Ravel) ท่านเกิดวันที่ 7 มีนาคม ปี 1875 รายการดนตรีคลาสสิก ขอร่วมเฉลิมฉลองและระลึกถึงท่านด้วยเพลงไพเราะในรายการพิเศษและบทความพิเศษในคราวนี้"

ฉบับนี้ขอแนะนำเพลงไพเราะ แปลกหู ของ ราแวล รับรองว่าใครฟังก็จะติดใจ แม้จะแต่งและนำออกบรรเลงแล้วเกือบร้อยปี ปัจจุบันก็ยังบรรเลงและฟังกันอยู่ เรียกว่าไม่เก่าเก็บ แต่เก่าลายคราม เพลงนั้นชื่อ โบเลโร (Bolero)

Bolero ของราแวล เป็นเพลงขนาดย่อมสำหรับบรรเลงด้วยวงดุริยางค์วงใหญ่ ออกสำเนียงสเปน ราแวลนั้นแต่งเพลงไว้มากมายหลากหลายประเภท ทั้งเพลงขับร้องและบรรเลง เพลงของท่านล้วนมีเอกลักษณ์ที่สีสันเสียงอันหลากหลาย โดยเฉพาะการเล่นสีสันของเสียงเครื่องดนตรีต่างๆในวงดุริยางค์ ท่านสามารถนำเสียงต่างๆมาคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยให้เสียงรวมๆที่หวาน สดใส เจิดจ้า หรือบางเพลงบางขณะก็ให้เสียงดิบดุดัน ท่านทำทุกอย่างได้ดังใจหมายเพราะเชี่ยวชาญเรื่องวงดุริยางค์มาก

นอกจากนี้ อีกอย่างหนึ่งที่ปรากฏอยู่เนืองๆในท่วงทำนอง และลีลาจังหวะของเพลงต่างๆของราแวล คือลีลาเพลงสำเนียงสเปน ที่ฟังดูลึกลับ ร้อนแรง ชวนรัญจวนใจ

สำหรับ Bolero นั้น เดิมคือจังหวะ ลีลาท่วงท่าและสเต็ปเพลงเต้นรำชนิดหนึ่งของสเปน ที่พัฒนาขึ้นมาในราวปี 1750-1770 และได้รับความนิยมมากในช่วงทศวรรษ 1780s ในแถบกรุง Madrid, La Mancha และ Andalucia เอกลักษณ์ของ ระบำ Bolero นั้นอยู่ที่เสียงจังหวะจากกรับสเปน (castanet) ซึ่งจะตีจังหวะอันเร้าใจไปตลอดทาง

ราแวล ก็เช่นเดียวกับนักประพันธ์เพลงหลายๆท่านที่ติดใจลักษณะอันเร้าใจ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพลงเต้นรำของชนชาติต่างๆ แล้วได้หยิบยืมลักษณะจังหวะและลีลาทำนองของเพลงเต้นรำเหล่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพลงเต้นรำพื้นบ้านมาก่อน มาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อขยายออกเป็นบทเพลงขนาดใหญ่ เป็นการยกระดับศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งแต่เดิมเป็นที่นิยมในวงแคบๆ ในระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ ขึ้นเป็นศิลปะระดับวิจิตร สามารถเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนในวงกว้าง จนกระทั่งกลายเป็นศิลปะสากลพ้นจากขอบเขตของวัฒนธรรมชาติใดชาติหนึ่ง, Bolero ของราแวล เป็นงานที่ประสบความสำเร็จมากและเป็นตัวอย่างอันดีของการแสวงหาในแนวทางนี้

Bolero บทนี้ เกิดขึ้นจากการที่ราแวลไปสัญญิงสัญากับ ไอดา รูบินสไตน (Ida Rubinstein) เพื่อนเก่าที่เป็นนักระบำบัลเลต์ผู้มีชื่อเสียง ว่าจะแต่งเพลงประกอบระบำบัลเลต์ให้เธอสำหรับการแสดงในปี ค.ศ. 1928 แต่จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ ราแวล เปลี่ยนใจไม่แต่งเพลงใหม่ให้ แต่จะเอาเพลง Iberia สำหรับเดี่ยวเปียโนของ อัลเบนิซ (Isaac Albeniz) มาเรียบเรียงเสียงให้วงดุริยางค์แทน

แต่ก็มีอุปสรรคอีก เพราะว่าลิขสิทธิ์ของเพลง Iberia ตอนนั้นเป็นของเอ็นริคเก อาร์โบส (Enrique Arbos) ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ซึ่งคิดๆอยู่ว่าจะนำเพลงนี้มาแต่งขยายเป็นเพลงประกอบบัลเลต์เช่นกัน, เมื่อรู้ข่าว ราแวลก็โมโหและวุ่นวายใจมาก แต่ก็จนใจเพราะกฎหมายลิขสิทธิ์บังคับอยู่ และกำหนดเวลาแสดงก็ใกล้เข้ามาทุกที

จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง หลังจากวุ่นวายใจอยู่พักใหญ่ ราแวลก็คิดทำนองเพลงได้ทำนองหนึ่ง ออกสำเนียงเพลงพื้นเมืองสเปนผสมเพลงแขกอาระเบีย ราแวลเล่นทำนองนี้กลับไปกลับมาบนเปียโน ยิ่งเล่นก็รู้สึกไพเราะติดหูและช่างมีสเน่ห์ชวนรัญจวนใจเสียเหลือเกิน

สามเดือนหลังจากนั้น บทประพันธ์ชิ้นใหม่ในชื่อ Bolero ที่มีท่วงทำนองติดหูดังกล่าวเป็นแนวทำนองหลัก ก็แล้วเสร็จทันเวลาฝึกซ้อมและพร้อมออกแสดงในเดือนพฤศจิกายน 1928

การแสดงครั้งนั้นมี ไอดา รูบินสไตน เป็นผู้ร่ายรำเดี่ยว เธอสวมวิญญาณสาวแสปนิชยิปซี ในชุดกรุยกรายร้อนแรงแบบเครื่องแต่งกายพื้นบ้านสเปน ร่ายรำตบเท้าเข้าจังหวะอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ในฉากโรงเตี๊ยม ที่คุกรุ่นอบอวลด้วยควันบุหรี่ ท่ามกลางแสงสลัววับๆแวมๆของคบไฟที่จุดอยู่เป็นระยะ

เธอร่ายรำปล่อยใจเปลือยอารมณ์ไปกับลีลาดนตรีที่ร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ด้วยสัญชาตญาณของศิลปิน ผู้สามารถผนึกลีลาการเคลื่อนไหวร่างกายและลีลาแห่งเสียงดนตรี เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติแห่งอารมณ์อันลี้ลับของมนุษย์

ขณะที่เสียงดนตรีดังโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักเต้นประกอบก็ค่อยๆปรากฏร่างอยู่เป็นเงาดำท่ามกลางความสลัวเลือนราง แล้วนางระบำสาวและเงาของร่างที่เต้นประกอบอยู่เบื้องหลัง ต่างก็ร่วมร่ายรำไปกับดนตรีที่อึกทึกกึกก้องขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาไปจนสุดครรลอง ทั้งในแง่ของดนตรี ลีลาการร่ายรำ และอารมณ์ของทั้งนักแสดงและผู้ชม แล้วทุกอย่างจึงกลับสู่ภาวะปกติ... สงบนิ่ง

เมื่อระบำบัลเลต์ชุดนี้ออกแสดงครั้งแรกในปลายปี 1928 ที่กรุงปารีส ก็ปรากฏว่าประสบความสำเร็จ เป็นที่ชื่นชมของชาวปารีสมาก ทั้งๆที่ลีลาการร่ายรำและดนตรีนับเป็นของแปลกใหม่อย่างมากในสมัยนั้น ทางด้านดนตรีนั้น เพลงนี้มีทำนองหลักเพียง 2 ทำนอง ซึ่งเสนอตั้งแต่แรก แล้วทำนองทั้งสองนี้ก็วนซ้ำไปมาไม่ไปไหนเลย แต่ราแวล ให้เครื่องดนตรีชนิดต่างๆผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันบรรเลง เป็นการเล่นกับสีสันของเครื่องดนตรีในวงดุริยางค์ ส่วนจังหวะนั้น ก็มีพวกเครื่องเคาะเครื่องตีต่างๆ ตีจังหวะ Bolero ไปตลอดทางนิ่งๆและมั่นคง เป็นหลักให้แนวทำนองและสีสันเสียงดนตรีลอยเหนือ สร้างความรัญจวนใจแก่ทั้งนักแสดงและผู้ชม

ต่อมาราแวล นำเพลงนี้ออกแสดงในรูปแบบ concert piece คือเป็นการบรรเลงของวงดุริยางค์ล้วนๆ ไม่มีการร่ายรำใดประกอบ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่ว่าใครต่อใครที่ได้ฟังเพลงนี้ต่างก็ถูกตรึงราวต้องมนต์

อ่านเบื้องหลังเพลงแล้ว ก็ขอเชิญฟัง Bolero ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม ที่เราจัดเฉลิมฉลองวาระคล้ายวันเกิดให้ มัวรีส ราแวล