ละครเพลงเรื่อง The West Side Story เป็นละครเพลง หรือ musical เรื่องที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่ง เป็นผลงานร่วมกันของศิลปินอเมริกัน 3 ท่าน คือ Arthur Laurents เขียนเนื้อเรื่อง, Stephen Sondheim เขียนร้องของเพลง, Jerome Robbins ออกแบบท่าระบำ และ Leonard Bernstein ประพันธ์ดนตรี

ละครเรื่องนี้ลงโรงแสดงที่โรงละครบรอดเวย์ นครนิวยอร์ก ปี 1957 ประสบความสำเร็จมาก และต่อมามีการนำมาสร้างเป็นภาพยนต์เพลงในปี 1961 ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก โดยได้กวาดรางวัลตุ๊กตาทองออสการ์มาถึง 9 รางวัล จากการเข้าชิง 10 สาขา

เรื่องราวของละครดัดแปลงมาจากละครรักโศกนาฏกรรมอมตะเรื่อง “Romeo & Juliet” ของจินตกวีเอก เชคสเปียร์ โดยดัดแปลงฉากและเรื่องราวจากดินแดนอิตาลี ในสมัยศตวรรษที่ 16 มาเป็นที่มหานครนิวยอร์ก ในศตวรรษที่ 20 ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ซึ่งในขณะนั้นมีเรื่องราว การต่อสู้และความบาดหมาง ของกลุ่มแก๊งวัยรุ่น ต่างภาษาต่างสีผิวในนครนิวยอร์กอยู่ทั่วไป
ละคร West Side Story แบ่งออกเป็น 2 องก์ ความเดิมก่อนเริ่มเรื่อง คือ กลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเจ็ทส์ (Jets) และกลุ่มชาร์กส (Sharks) เป็นศัตรูคู่แค้นกันอยู่ เพราะแย่งกันเป็นเจ้าถิ่น; กลุ่มเจ๊ทส์ เป็นกลุ่มวัยรุ่นผิวขาว มีริฟ (Riff) เป็นหัวหน้ากลุ่ม ส่วนชาร์กส์ เป็นกลุ่มวัยรุ่นชาว เปอโตริกันที่อพยพมาอยู่นิวยอร์ก มีแบร์นาโด (Bernardo) เป็นหัวหน้า

พระเอกของเรื่องคือ โทนี่ (Tony) เป็นเพื่อนรักกับริฟและเคยอยู่กลุ่มเจ็ทส์ แต่ตอนนี้เขาโตขึ้นและหันหลังให้กิจกรรมกลุ่มแล้ว หันมาทำงานเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว ส่วนนางเอกคือ มาเรีย (Maria) เป็นน้องสาวของแบร์นาโด เธอทำงานอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้าเจ้าสาวกับ อนิตา (Anita) เพื่อนซึ่งเป็นคู่รักของแบร์นาโด

องก์แรก: เปิดฉากขึ้นมา กลุ่มวัยรุ่นทั้งสองกำลังห้ำหั่นท้าทายกันเพื่อความเป็นเจ้าถิ่น แต่แล้วตำรวจก็มาห้ามปราม แยกทั้งคู่และไล่กลุ่มชาร์กส์ไป กลุ่มเจ็ทส์ต่างก็ปรึกษากันว่าจะรักษา ‘ความเป็นเจ้าถิ่นอย่างไรดี’ ริฟนั้นเสนอว่า ควรจัดการต่อสู้ประลองกำลังกับพวกชาร์กส์ให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลยดีกว่า และเขาจะไปท้าเจ้าแบร์นาโดเองที่งานเต้นรำคืนนี้ แล้วว่าจะไปชวน โทนี่เพื่อนรัก สมาชิกเดิมของเจ็ทส์ด้วย เมื่อริฟไปชวนโทนี่ที่ร้านขายยาที่เขาทำงานอยู่ โทนี่ก็ยอม ไปงานด้วย แต่ไม่ขอเป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มเจ็ทส์อีกต่อไป

เมื่องานเต้นรำมาถึง กลุ่มเจ็ทส์และชาร์คส์ ต่างเต้นรำท้าทายกัน ส่วนที่อีกฝากหนึ่งของห้อง โทนี่กับมาเรียมีโอกาสประสานสายตากันเงียบๆ ทั้งคู่เต้นรำกันแล้วก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แต่เมื่อแบร์นาโดหันมาเห็น ก็โมโหและดึงตัวน้องสาวออกมาจากโทนี่และส่งเธอกลับบ้านทันที

จากนั้นไม่นาน โทนี่ซึ่งกำลังมีความสุขล้นเหลือ ก็ออกจากงานเต้นรำและตามหาบ้านของมาเรียจนเจอ เขาไปยืนร้องเพลงใต้หน้าต่างบ้าน ร้องเรียกให้เธอออกมาพบ แล้วทั้งคู่ก็พร่ำพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ก่อนจะจากกันด้วยความสุขเปี่ยมล้น ระคนความตื่นเต้นจากรักหลบๆซ่อนๆนี้

ศัตรูคู่แค้นทั้งสองกลุ่ม นัดหมายมาเจอกันเพื่อตกลงเรื่องวิธีการที่จะใช้ประลองกำลังกัน ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะชกกันให้รู้แพ้ชนะในเชิงหมัดๆมวยๆ ส่วนสถานที่ประลองกำลังก็คือ ใต้ถนนไฮเวย์ ลับตาผู้คนในตอนกลางคืน

ฝ่ายโทนี่ซึ่งกำลังมีความรักและฝันถึงอนาคตอันสดใส ก็เล่าถึงเรื่องราวและความฝันให้เจ้านายของเขาฟัง ฝ่ายเจ้านายซึ่งคือเจ้าของร้านขายยาที่โทนี่ทำงานอยู่ด้วย ก็ออกจะเป็นห่วงและเตือนให้ระวังตัวดีๆ

เมื่อค่ำคืนประลองกำลังตามนัดหมายมาถึง แบร์นาโดหัวหน้ากลุ่มชาร์กส์ก็เริ่มต้นประลองกำลังกันกับหนุ่มเจ็ทส์ที่ชื่อ ‘ดีเซล’ เมื่อโทนี่มาถึงก็พยายามพูดให้ทั้งสองฝ่ายล้มเลิกการชกต่อย แต่แบร์นาโดซึ่งหมั่นไส้โทนี่อยู่แล้ว ก็พูดจาถากถางในการพยายาม ‘รักษาสันติภาพ’ ของโทนี่ ผู้ซึ่งพยายามอดทนไม่ตอบโต้ แม้จะถูกอีกฝ่ายผลักอก จนกระทั่งริฟ ทนเห็นเพื่อนถูกหยามไม่ได้ จะเข้ามาปกป้องโทนี่ แล้วทั้งคู่ก็ชักมีดขึ้นมาสู้กัน ปรากฏว่าริฟถูกแบร์นาโดแทงถึงแก่ชีวิต ทำให้โทนี่โกรธมากเพราะเพื่อนรักถูกทำร้าย โทนี่จึงใช้มีดจ้วงแทงแบร์นาโดตายตกไปตามกัน

จากนั้นสมาชิกของทั้งสองกลุ่มก็เข้าตะลุมบอนกันอย่างไร้รูปแบบ

จนเสียงไซเรนส์ของตำรวจดังมาแต่ไกล เพื่อนๆก็เตือนให้โทนี่หลบหนี แล้วสมาชิกทุกคนต่างก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง ทิ้งร่างของทั้งริฟและแบร์นาโดนอนอยู่อย่างไร้วิญญาณ

องก์สอง : เปิดฉากขึ้นมาที่บ้านของมาเรีย ขณะนั้นเธอยังไม่รู้ข่าวร้ายและกำลังร่าเริงมีความสุขมาก และร้องเพลงฝันถึงอนาคตกับโทนี่ให้เพื่อนๆฟัง แต่แล้วไม่นาน ‘ชีโน่’ (Chino) คู่หมั้นคู่หมายตัวจริงของมาเรียตามความต้องการของครอบครัว ก็มาแจ้งข่าวร้ายว่าแบร์นาโดถูกโทนี่แทงตายเสียแล้ว และเมื่อโทนี่หนีตำรวจมาที่บ้านของมาเรีย เธอก็โกรธเขามาก แต่โทนี่ ก็พยายามปลอบเธอจนสงบและวางแผนหลบหนีไปด้วยกัน

ฝ่ายกลุ่มเจ็ทส์นั้นกำลังพยายามทำใจต่อการจากไปของริฟ ก่อนจะรู้ข่าวว่า ชีโน่ กำลังล่าตัวโทนี่เพื่อแก้แค้นให้กลุ่มชาร์คส์ พวกเจ็ทส์จึงกระจายกำลังกันออกหาตัวโทนี่เพื่อปกป้อง
ฉากตัดกลับมาที่บ้านของมาเรีย อนิตาคู่รักของแบร์นาโด มาถึงและทันเห็นโทนี่กำลังนัดหมายว่าจะหนีไปกับมาเร็ย อนิตาเห็นเข้าก็ต่อว่ามาเรียว่า รักเขาเข้าไปได้อย่างไร ผู้ชายที่เพิ่งฆ่าพี่ชายตัวเองตาย มาเรียก็ตอบกลับอย่างมีอารมณ์ว่า ‘ก็เพราะว่า ความรัก น่ะซิ’ ฝ่ายอนิตา ฟังแล้วก็เกิดห็นใจ เพราะเธอก็เคยมีความรักกับแบร์นาโดมาก่อน จึงเข้าใจดี แล้วอนิตาก็บอกกับมาเรียว่า ชีโน่มีปืนและกำลังตามล่าหาตัวโทนี่อยู่

ไม่นานตำรวจก็มาถึงบ้านมาเรียและกักตัวเธอเอาไว้สอบสวน ฝ่ายอนิตาแอบหลบออกไปที่ ร้านขายยา ที่ทำงานของโทนี่ เพื่อหวังจะบอกให้เขารอมาเรีย แต่โทนี่ยังมาไม่ถึงร้าน และปรากฏว่าอนิตาถูกพวกสมาชิกเจ็ทส์คนอื่นๆซึ่งอยู่ที่นั่นพูดจาเยาะเย้ยถากถางและลวนลามเธอ ทำให้อนิตาโกรธมาก จึงพูดออกไปด้วยอารมณ์ว่า ‘ชีโน่ยิงมาเรียตายซะแล้วเพราะความหึงหวง’ แล้วเธอก็ผลุนผลันออกไป

เมื่อโทนี่มาถึงร้านที่เขาทำงานอยู่ตามที่นัดหมายกับมาเรีย ก็มีคนบอกว่า มาเรียถูกชีโน่ยิ่งตายเสียแล้ว (ทั้งที่ไม่เป็นความจริง) โทนี่ตกใจเหลือที่จะกล่าว วิ่งกระเซอะกระเซิงออกไป เพื่อหวังจะให้ชีโน่ฆ่าเขาให้ตายตามมาเรียไปด้วย

ทว่าในช่วงนาทีที่มาเรียปรากฏตัวขึ้น ชีโนก็ตามมาถึงพอดี แล้วก็ยิงโทนี่ตามที่ตั้งใจเอาไว้ ทำให้มาเรียตกตะลึง แล้วก็ทรุดตัวลงอุ้มชายผู้เป็นที่รักของเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่เขาจะค่อยๆหมดลมหายใจ

สมาชิกของทั้งสองแก๊งค์ ต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปเกินความคาดหมาย มาเรียนั้นเกิดอารมณ์รุนแรงทั้งตะลึงงัน เศร้าโศก และเต็มไปด้วยโทสะ เธอหันมากล่าวก้องกับทุกคนรอบตัวว่า ‘ความเกลียดชัง’ ในหัวใจของทุกคน เป็นตัวการแท้จริงที่ฆ่าทุกคนรวมทั้งโทนี่ และตอนนี้เธอเองก็มีความเกลียดชังเต็มหัวใจและพร้อมจะฆ่าเช่นกัน เธอคว้าเอาปืนของชีโนมาหมายจะยิงให้สะใจสะอารมณ์ แต่แล้วเธอก็เหนี่ยวไกไม่ลง ได้แต่ทรุดตัวลงร้องไห้อย่างรันทดใจถึงที่สุด

ในฉากสุดท้ายนั้น ทั้งกลุ่มเจ็ทส์และชาร์คส์ต่างก็เสียใจและได้คิด พวกเขามายืนห้อมล้อมร่าง ไร้วิญญาณของโทนี่ แล้วก็พร้อมใจกันแบกร่างของโทนี่เดินออกจากเหตุการณ์อย่างสงบ... มาเรียนั้น ตระหนักแน่แก่ใจแล้วว่า...โทนี่ได้จากเธอไปแล้วจริงๆ

ขอเชิญมาร่วมเฉลิมฉลองในวาระคล้ายวันเกิดในเดือนสิงหาคมนี้ให้ Leonard Bernstein และฟังเพลงไพเราะจากละครเพลง The West Side Story ในคืนวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม ที่จะถึงนี้