ซิมโฟนีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
1,469 views
0
0
"ฉบับนี้ขอนำเสนอบทเพลงคลาสสิกร่วมสมัยบทใหม่ของ ศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ธรรมบุตร นักประพันธ์เพลงชั้นแนวหน้าของวงการดนตรีคลาสสิกของไทยที่คอเพลงคลาสสิกรู้จักกันดี บทเพลงนี้คือ 'ซิมโฟนีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์'"

บทเพลงขนาดใหญ่สำหรับวงดุริยางค์บทนี้ เป็นผลงานรังสรรค์ที่ผสมผสานแนวคิดและเทคนิควิธีการดนตรีขั้นสูงของศิลปะดนตรีคลาสสิกตะวันตกกับมรดกดนตรีไทยได้อย่างกลมกลืนลงตัว

บทเพลงประเภทซิมโฟนีนั้น เป็นคีตลักษณ์ของดนตรีคลาสสิกฝรั่งที่พัฒนาโดยบรมครูหลากหลายท่านมาเป็นเวลานาน จนมีแบบแผนและสุ้มเสียงมั่นคงลงตัวในราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 กล่าวคือหมายถึง บทเพลงขนาดใหญ่สำหรับวงดุริยางค์ แต่ละบทประกอบด้วยกระบวนย่อย 4 กระบวน ความไพเราะและสุนทรียรสของบทเพลงประเภทนี้ อยู่ที่ความผสมกลมกลืนของเสียงเครื่องดนตรีต่างๆในวงที่บรรเลงสอดประสาน ให้ความเต็มอิ่มทั้งในเรื่องแนวทำนอง เสียงประสาน สีสันเสียง การวางจังหวะจะโคนดนตรี รวมทั้งการคลี่คลายเนื้อหาดนตรีที่สะท้อนถึงความคิดอันละเอียดประณีตลึกซึ้งของผู้ประพันธ์

บทเพลงประเภทซิมโฟนี เป็นบทเพลงขนาดใหญ่ที่ท้าทายความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประพันธ์มาทุกยุคสมัย ซิมโฟนีเปรียบเสมือนเป็นเวทีขนาดใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ประพันธ์และนักดนตรีผู้บรรเลง ได้โลดแล่นแสดงความคิดความสร้างสรรค์ อารมณ์ความรู้สึกและฝีมือดนตรีอย่างกว้างไกล

มาจนถึงยุคสมัยปัจจุบันที่แนวความคิดและเทคนิควิธีการต่างๆทางศิลปะของวัฒนธรรมดนตรีตะวันตก ได้กลายเป็นของสากลและมีอิทธิพลข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่วัฒนธรรมและความคิดของศิลปินตะวันออก

อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ เป็นนักประพันธ์เพลงท่านหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญในศาสตร์และศิลป์ของการรังสรรค์บทเพลงคลาสสิกตะวันตก อีกทั้งยังได้กลับมาค้นคว้าหารากเหง้าของดนตรีไทยที่บรรพบุรุษของเราได้รังสรรค์ขึ้นไว้เป็นมรดกดนตรีที่งดงามสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของชาติเรา

สำหรับในซิมโฟนีบทนี้ อาจารย์ได้หวนกลับมาหาบทเพลงและแนวทำนองเพลงที่เป็นบทพระราชนิพนธ์และบทพระนิพนธ์ อันไพเราะ 4 บท มาเป็นพื้นฐานในการคลี่คลายออกเป็นบทเพลงซิมโฟนีขนาดใหญ่ ตามกรอบความคิดของคีตลักษณ์แบบฝรั่งดังที่กล่าวมา

บทเพลงทั้ง 4 บท ได้แก่ บทพระราชนิพนธ์ 'ราตรีประดับดาว' และ 'เขมรละออองค์' ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7, บทพระราชนิพนธ์ 'บุหลันลอยเลื่อน' ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และบทพระนิพนธ์ 'แขกมอญบางขุนพรหม' ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

บทเพลงพระราชนิพนธ์และบทพระนิพนธ์ทั้ง 4 บทนี้เป็นบทเพลงชั้นเลิศของกรุบทเพลงไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนไพเราะและเป็นที่รู้จักกันดีมานับสิบนับร้อยปี ทั้งผู้ประพันธ์ยังเห็นว่า แนวทำนองล้วนมีศักยภาพในเชิงดนตรี ที่เหมาะจะนำมาคลี่คลายขยายออกไปตามเทคนิคและกลวิธีการประพันธ์แบบดนตรีคลาสสิกตะวันตก จึงเป็นที่มาของชื่อ บทเพลง 'ซิมโฟนีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์'

บทเพลงนี้ประกอบด้วยกระบวนหรือบทย่อย 4 บทตามมาตรฐานของซิมโฟนีฝรั่งที่พัฒนามาสมบูรณ์ กำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ขนาดใหญ่ ให้สุ้มเสียงที่อลังการเต็มอิ่ม โดยอิงเนื้อหาดนตรีจากบทเพลงพระราชนิพนธ์และบทพระนิพนธ์ 4 บทดังกล่าว

กระบวนแรก ชื่อ 'ราตรีประดับดาว' อยู่ในลีลาจังหวะเร็ว เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันรุนแรงลึกซึ้ง (allegro passionato) เนื้อหาดนตรีของทั้งกระบวนอิงอยู่กับทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ราตรีประดับดาว ซึ่งบางครั้งมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน บางช่วงบางตอนก็ซ่อนเร้น มาเป็นห้วงๆด้วยกลวิธีการแตกทำนอง ตามแบบกลวิธีการประพันธ์เพลงแบบฝรั่ง ปิดท้ายกระบวนในลีลาเร็วมาก เปรียบได้กับ 'ลูกหมด' ของแบบแผนประเพณีดนตรีไทย

กระบวนที่สอง ชื่อ 'บุหลันลอยเลื่อน' มีลีลาจังหวะค่อนข้างช้า (andante) ตามแบบกระบวนที่สองของซิมโฟนีมาตรฐาน เนื้อหาดนตรีอิงอยู่กับเพลงพระราชนิพนธ์บุหลันลอยเลื่อน ให้อารมณ์และบรรยากาศอ่อนหวาน ท่วงทำนองไพเราะลึกซึ้งกินใจ

กระบวนที่สาม ชื่อ 'เขมรละออองค์' มีลีลาที่พอเหมาะ ไม่ช้าไม่เร็ว (andantino) สละสลวยงดงาม บรรเลงและฟังแล้วทำให้จินตนาการไปได้ถึงลีลาเพลงเต้นรำ ซึ่งเป็นมาตรฐานของกระบวนที่สามของซิมโฟนีแบบฝรั่ง การเรียบเรียงเสียงลดขนาดวงให้ใช้กลุ่มเครื่องดนตรีกลุ่มเล็กแบบกลุ่มเชมเบอร์ ทำให้ฟังดูน่ารักบอบบาง

กระบวนส่งท้าย ชื่อ 'แขกมอญบางขุนพรหม' ส่งท้ายกันด้วยกระบวนยิ่งใหญ่ยืดยาวถึงเกือบ 20 นาที ผู้ประพันธ์ ใช้คีตลักษณ์และกลวิธีการประพันธ์แบบ ทำนองแปร (variations) ของดนตรีคลาสสิกฝรั่ง ซึ่งคล้ายคลึงกับเพลงแขกมอญบางขุนพรหม เถา ของเดิม นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นมากในเรื่องการเรียบเรียงเสียงวงดุริยางค์ มีสีสันและความหลากหลายมากในทุกกลุ่มเครื่องดนตรี

ขอเชิญฟัง 'ซิมโฟนีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์' ฉบับเต็มดังที่พรรณนามา ในคืนวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม ที่จะถึงนี้