"ฉบับนี้ช่วงเดือนตุลาคม เป็นเดือนครบรอบคล้ายวันเกิดของ ฟรันซ์ ลิสท์ (Franz Liszt) นักประพันธ์เพลงและนักเปียโนเอกชาวฮังการี จึงขอเสนอบทความเกี่ยวกับเพลงสำคัญที่สุดบทหนึ่งของท่าน เพื่อเป็นการระลึกถึงในวาระครบรอบเดือนเกิดปีนี้ ลิสท์ เกิดวันที่ 22 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1811 และถึงแก่กรรมวันที่ 31 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1886"
ในช่วงต้นถึงวัยกลางคนของชีวิต ลิสท์ใช้ชีวิตเป็นนักเปียโนอาชีพ ฝีมือนั้นระบือลือลั่นทั่วดินแดนยุโรป ได้รับการยกย่องเป็นนักเปียโนฝีมือเลิศขั้นเทพ (piano virtuoso ) ประสบความสำเร็จ ท่วมท้นทั้งในแง่ของชื่อเสียง เงินทอง และบารมีในวงการศิลปะ ทั้งยังเล่าขานกันว่าเป็นผู้มีใจบุญ บริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆศิลปินและกิจการงานกุศลเสมอๆ ต่อมาเมื่อชีวิตการเป็นนักเปียโนตระเวนแสดงทัวร์อิ่มตัว เมื่ออายุราว 35 ปี ท่านก็มาปักหลักอยู่ที่นครไวมาร์ (Weimar) ดินแดนเยอรมนี ทำงานด้านการอำนวยเพลงให้ราชสำนัก ต่างๆ รวมทั้งสอนเปียโน และประพันธ์เพลง
ช่วงเวลาที่ไวมาร์นี้เอง ที่ลิสท์ประพันธ์เพลงขนาดใหญ่บทสำคัญหลายบท ที่ต่อมาเรียกกันว่าเป็นเพลงประเภท ซิมโฟนิคโพเอ็ม หรือ โทนโพเอ็ม ก็เรียก (symphonic poem/ tone poem) หรือดนตรีพรรณนาสำหรับวงดุริยางค์ ซึ่งหมายถึง เพลงบรรเลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวี ภาพ หรือตำนานต่างๆ เป็นเพลงบรรเลงล้วนๆ ไม่มีคำร้องใดๆ แต่มุ่งใช้เสียงดนตรีบรรยายให้ผู้บรรเลงและผู้ฟัง เล่นและฟังแล้วสามารถจินตนาการเห็นภาพหรือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังเสียงเพลง หรือบางบทอาจไม่เห็นภาพชัดเจน เพียงคลุมๆเครือๆ แต่กลับมีพลังปลุกเร้าอารมณ์ต่างๆ ไปได้ตามท้องเรื่องจนสุดจินตนาการ ยกย่องกันว่าลิสท์นี่เองที่เป็นผู้คิดค้นเทคนิควิธีการประพันธ์เพลงประเภทนี้จนสมบูรณ์ เป็นต้นแบบให้นักประพันธ์เพลงรุ่นเดียวกันและรุ่นหลังสืบทอดต่อมาตราบทุกวันนี้
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเพลงประเภทนี้มาได้จนสมบูรณ์ ก็เพราะลิสท์ นั้น ชอบอ่านบทกวีและวรรณคดีต่างๆ มาก และในฐานะนักประพันธ์เพลงก็อยากผสมผสานศิลปะทั้งสองสาขา (วรรณกรรมและดนตรี) เข้าด้วยกัน ดังที่ลิสท์กล่าวถึง “การชุบชีวิตให้ดนตรี โดยฟื้นฟูสายสัมพันธ์ภายในอันลึกซึ้งของดนตรีและบทกวี” (The renewal of music through its inner connection with poetry.) ประกอบกับในช่วงชีวิตของลิสท์เองนั้น เครื่องดนตรีและ วงดุริยางค์พัฒนามาสูง สามารถใช้บรรยายภาพหรือเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมีสีสัน เปรียบได้กับว่าจิตรกรมีพู่กันและสีดีๆที่มีคุณภาพ ในการรังสรรค์จิตรกรรมได้อย่างมีมิติมากขึ้น
บทเพลงที่ใคร่นำเสนอในบทความครั้งนี้ เพื่อบูชาครูในวาระครบรอบเดือนเกิด คือ บทเพลงพรรณนาชื่อ “Les Preludes” หรือ “บทนำสู่.....”
ลิสท์ประพันธ์เพลงบทนี้โดยได้แรงบันดาลใจจากบทกวีของ อัลฟองซ์ เดอ ลามาร์คทีน (Alphonse de Lamartine) นักเขียนและกวีชาวฝรั่งเศส กำหนดให้บรรเลงด้วยวงดุริยางค์ขนาดใหญ่ ประพันธ์เสร็จและนำออกแสดงรอบปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1854 ที่นครไวมาร์ โดยลิสท์เป็นผู้อำนวยเพลงเอง
ลิสท์สรุปเรื่องราวเบื้องหลังเสียงเพลงไว้ด้วย กำกับไว้ชัดเจนที่สกอร์โน้ต โดยท่านสรุปเนื้อหาจากบทกวีของลามาร์คทีนว่า
“ชีวิตคืออะไรล่ะ ถ้ามิใช่บทนำ (prelude) บทต่างๆที่นำไปสู่บทเพลงปริศนาที่โน้ตแรกสื่อถึง ‘ความตาย’
บทนำบทแรกซึ่งเป็นอรุณรุ่งอันงดงามของชีวิตก็คือ ‘ความรัก’ แต่แล้วไม่นานนัก บทนำแห่งความรักอันหอมหวาน ก็ไม่แคล้วต้องพานพบกับ ‘พายุร้าย’ บทนำอีกบทที่แผ่บดบังความสุขและความสวยงามแห่งความรักอันเป็นเพียงมายา แล้วชีวิตก็ต้องต่อสู้ฟาดฟันกับ พายุร้ายซึ่งเปรียบเสมือนอุปสรรคต่างๆของชีวิต หลังจากฟาดฟันกันอยู่พักใหญ่ พายุร้ายก็คลี่คลายเพื่อให้ทุกชีวิตได้ผ่อนพัก
แต่แล้วมนุษย์เราก็ไม่สามารถผ่อนพักกายใจได้นานนัก พอเสียงปี่เสียงกลองแห่งสนามรบของชีวิตเวียนมาอีกคำรบหนึ่ง เราก็รวบรวมกำลังกายกำลังใจเข้าสู้ศึกของชีวิตอีกครั้ง เพราะสนามรบแห่งพายุร้ายบทต่างๆ เหล่านี้ เป็นที่ที่ทำให้เราสามารถตระหนักได้ถึงศักยภาพของตนเอง”
คำอธิบายซึ่งผู้ประพันธ์เพลงกำกับไว้นี้ คงจะพอเป็นแนวทางคร่าวๆ ให้ผู้บรรเลงและผู้ฟังเข้าถึงและติดตามเพลงไพเราะบทนี้ได้อรรถรสและมีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขอเชิญติดตามฟังได้ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ในรายการพิเศษประจำสัปดาห์ ที่จัดขึ้นเป็นเครื่องบูชาครูท่านนี้