เทพออร์เฟโอ
2,887 views
0
0
"บทความฉบับนี้ขอเสนอเรื่องราวสนุกสนานอมโศกของเทวดาฝรั่ง ‘เทพออร์เฟโอ’ ผลงานประพันธ์ดนตรีของ เคลาดิโอ มอนเตแวร์ดี (Claudio Monteverdi; ค.ศ. 1567-1643) คีตกวีชาวอิตาเลียน จากต้นสมัยบาโรก ท่านมีวาระครบรอบคล้ายวันเกิดวันที่ 15 เดือนพฤษภาคมนี้ จุลสาร Music of the Masters และรายการดนตรีคลาสสิก วิทยุจุฬาฯ ขอบูชาครูด้วยเรื่องราวของบทประพันธ์เพลงเอกของท่าน คือละครอุปรากรเรื่อง ‘เทพออร์เฟโอ’ (Orfeo)"

มอนเตแวร์ดี แต่งอุปรากรเรื่อง ‘เทพออร์เฟโอ’ แล้วนำออกแสดงที่ราชสำนักแมนทัว (Court of Mantua) ในปี ค.ศ. 1607 ต่อมาได้รับการยกย่องกันว่าเป็นอุปรากรที่สมบูรณ์ และเป็นเรื่องเก่าแก่ที่สุดที่เรามีโน้ตต้นฉบับอยู่ครบถ้วน สามารถนำมาแสดงกันได้จนทุกวันนี้ อุปรากรเรื่องนี้ มอนเตแวร์ดีประพันธ์ดนตรี และกวี อเลสซานโดร สตริจโจ (Alessandro Striggio; ค.ศ. 1573-1630) เขียนบทอุปรากร โดยอิงจากตำนานเทพปกรณัมของกรีก

ตามตำนานนั้น เทพออร์เฟโอ (ภาษาอังกฤษและเยอรมันออกนามว่า Orpheus, ภาษาอิตาเลียนมาแปลงเป็น Orfeo และภาษาฝรั่งเศสแปลงเป็น Orphee) เป็นโอรสของมหาเทพอปอลโล (Apollo; เทพแห่งแสงสว่าง, การดนตรีและกวีนิพนธ์) กับเทพีแคลิโอเพ (Calliope; เทพีแห่งกาพย์กลอน) นับว่าสืบเชื้อสายเทพศิลปินมาอย่างเข้มข้น ออร์เฟโอจึงเป็นศิลปินตัวจริงในสายเลือด ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘เทพแห่งการดนตรี’ มี ‘พิณ’ (lyre) เป็นเครื่องดนตรีเอก ร้องเพลงก็เก่ง เล่ากันว่าเทพออร์เฟโอร้องเพลงบรรเลงพิณได้ไพเราะมาก สามารถขับกล่อมจิตใจมนุษย์หรือสิงสาราสัตว์ที่ว่าโหดร้ายให้อ่อนไหวราวต้องมนต์ แม้แต่ต้นไม้ยังถอนรากและก้อนหินก็ยังขยับเขยื้อนเคลื่อนเข้าใกล้ เพื่อฟังเสียงเพลงไพเราะราวมนต์วิเศษของท่าน เมื่อเติบใหญ่ ออร์เฟโอลาจากพระบิดามารดาลงมาอยู่อาณาจักรเทรซ (Thrace) บนพื้นพิภพ เพื่อนำความบันเทิงใจมาสู่มวลมนุษย์

อุปรากรเรื่อง ‘เทพออร์เฟโอ’ ของมอนเตแวร์ดีและสตริจโจ จับบทตอนที่เทพออร์เฟโอพบรักและเข้าพิธีสยุมพรกับเจ้าหญิงยูริดิเช (Euridice) เรื่องราวแบ่งออกเป็น 5 องก์ ตัวละครเอกที่มีบทขับร้องเดี่ยว ได้แก่ เทพออร์เฟโอ, เจ้าหญิงยูริดิเช, ชารอน [Charon; ผู้กรรเชียงเรือนำวิญญาณข้ามแม่น้ำสติกซ์ (Styx; แม่น้ำสีดำมืดส่งกลิ่นเหม็น ไหลอยู่รอบๆยมโลก)] ไปส่งฝั่งยมโลกหรือเมืองบาดาล [หรืออาณาจักรเฮเดส (Hades)], เทพพลูโต (Pluto หรือเทพเฮเดสแห่งยมโลก) และเทพีเพอร์ซิโฟเน (Persephone; ราชินีแห่งยมโลก)

อุปรากรเริ่มด้วยเพลงโหมโรงสั้นๆ ตามด้วยการเบิกโรงของเทพธิดาดนตรี (La Musica) กล่าวแนะนำเทพออร์เฟโอและพลังแห่งเสียงดนตรี

องก์แรกและองก์ที่สอง บรรยากาศแจ่มใสด้วยพิธีสยุมพรของเทพออร์เฟโอและเจ้าหญิงยูริดิเช เหล่านางไม้ เทพบุตรเทพธิดาและนางอัปสราทั้งหลายมาร่วมร้องรำทำเพลงแสดงความยินดีแด่คู่บ่าวสาวที่กำลังชื่นมื่นมีความสุข ทว่าแม้แต่เทพเจ้าหรือเจ้าหญิงเจ้าชายก็ยังไม่วายมีโชคร้ายมาเยือน เพราะในตอนท้ายองก์ที่สอง นางสนองคนสนิทของเจ้าหญิง ก็นำสารมาส่งข่าวเทพออร์เฟโอว่า เจ้าหญิงยูริดิเชที่แยกองก์ออกไปเก็บดอกไม้ในป่าเพื่อนำมามุ่นเกล้ามวยผม ถูกอสรพิษกัดเข้าที่ข้อพระบาท พิษร้ายแล่นไปทั่วร่างจนเกินเยียวยาและถึงชีพิตักษัยลงแล้วอย่างฉับพลัน เทพออร์เฟโอได้รับข่าวก็โศกเศร้าเสียพระทัย ขับร้องเพลงคร่ำครวญพรรณนาราวหัวใจจะขาดตามไปด้วย

เรื่องราวระทึกใจเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่ในสององก์ถัดมา เมื่อออร์เฟโอตัดสินพระทัยลงไปตามดวงวิญญาณของเจ้าหญิงยูริดิเชในยมโลก ในองก์ที่สาม เขาออกเดินทางรอนแรมมากับเทพธิดาแห่งความหวัง (Goddess of Hope) จนบรรลุถึงฝั่งแม่น้ำสีดำทมึนที่ขวางกั้นพื้นพิภพกับยมโลก เทพธิดาแห่งความหวังส่งออร์เฟโอได้เพียงฝรั่งแม่น้ำนี้ เธอกล่าวว่าดินแดนข้างหน้าเป็นเขตต้องห้ามสำหรับเธอ เพราะดินแดนแห่งความตายเบื้องหน้าเป็นอาณาจักรแห่งความสิ้นหวัง เธอผู้ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความหวัง มิบังอาจฝ่าฝืนข้ามไปได้ หากออร์เฟโอมุ่งมั่นจะไปตามเมียรักกลับมาก็ต้องไปแต่ลำพัง ว่าแล้วเธอก็ลาจากไป ทิ้งให้ออร์เฟโอยืนอยู่ริมฝั่งน้ำอย่างงงๆด้วยความว้าวุ่นใจ

ไม่ช้าไม่นาน เทพออร์เฟโอก็พบกับชารอน ผู้กรรเชียงเรือข้ามฝาก ชารอนกล่าวห้ามเทพออร์เฟโอว่า แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำต้องห้ามสำหรับผู้ยังมีวิญญาณครองอยู่ และเขาไม่มีวันปล่อยให้ผ่านไปได้ อย่ามาอ้อนวอนเสียให้ยาก เขาเคยโดนหลอกจนเข็ดหลาบมาแล้ว

ฝ่ายออร์เฟโอก็มุ่งมั่นจะข้ามให้ได้ จึงเริ่มใช้มนต์วิเศษแห่งเสียงเพลง ขับกล่อมและอ้อนวอนให้ชารอนผู้เป็นใหญ่เห็นใจว่า เขาดูเหมือนยังไม่ตาย แต่อันที่จริงดวงใจของเขาก็ถูกพรากจากไปแล้ว ร่างที่เหลืออยู่ก็มิอาจเรียกได้ว่ามีชีวิต และตอนนี้ก็มีแต่ชารอนเท่านั้นที่จะเมตตาให้ความช่วยเหลือได้ ฝ่ายชารอนฟังเพลงคร่ำครวญอันน่าสงสาร ก็เอ่ยปากว่าไพเราะจับใจเหลือเกิน แต่ก็ซอรี่ไม่อาจช่วยเหลือได้ เพราะผิดกฎจักรวาล ยอมไม่ได้ ทว่าด้วยฤทธิ์ของมนต์เพลงวิเศษ ไม่ช้าไม่นานเขาก็หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา เทพออร์เฟโอเห็นดังนั้นก็มิรอช้า ลงเรือแจวหนีข้ามฟากและหาทางเข้าสู่ยมโลกสำเร็จสมใจ

ในองก์ที่สี่ เทพออร์เฟโอได้ไปร่ายมนต์ขับกล่อมเพลงไพเราะให้เทพพลูโตและราชินีเพอร์ซิโฟเนฟัง จนราชินีใจอ่อน ช่วยอ้อนวอนให้พลูโตคืนวิญญาณเจ้าหญิงยูริดิเช เทพพลูโตทรงยอมรับในพลังอำนาจแห่งเสียงเพลงของเทพออร์เฟโอ จึงยอมตามคำอ้อนวอนของราชินี แต่มีข้อแม้สำคัญว่า ระหว่างการเดินทางกลับพื้นพิภพนั้น ห้ามออร์เฟโอหันกลับมามองเจ้าหญิงที่จะทรงให้ดำเนินตามไปเบื้องหลัง

ระหว่างทางกลับบ้านนั้น แม้ว่าจะดีใจจนท่วมท้น แต่หัวใจของออร์เฟโอก็ระคนอยู่ด้วยความสงสัยไม่แน่ใจตลอดทางว่า เมียรักคืนกลับมาด้วยจริงหรือ แล้วจู่ๆเมื่อเกิดเสียงดังสนั่นด้วยสาเหตุใดไม่แจ้ง ออร์เฟโอก็ตกใจมากจนจินตนาการไปใหญ่โตว่าอาจเกิดเหตุร้ายกับเจ้าหญิง จึงหันกลับไปดู ก็เห็นเจ้าหญิงยูริดิเชตามมาจริงๆ ทว่าดวงวิญญาณของนางกำลังค่อยๆเลือนหายจากออร์เฟโอไป เพราะผิดสัจจะที่เคยให้ไว้กับเทพพลูโต ทั้งคู่เศร้าพระทัยเหลือจะกล่าวที่ต้องสูญเสียกันและกันไปอีกครั้ง!

องก์สุดท้าย เทพออร์เฟโอกลับมายังพื้นพิภพ ได้แต่คร่ำครวญด้วยเสียงเพลงอันโศกเศร้าดังสะท้อนกลับไปกลับมาไม่รู้จบ ร้อนถึงเทพอปอลโล พระบิดาผู้สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์ ต้องเสด็จลงมาปลอบโยนสั่งสอนชี้ให้เห็นถึงความสุขและความทุกข์บนโลกมนุษย์ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่เคยคงทน เมื่อออร์เฟโอตัดสินใจลงมาอยู่กับมนุษย์ก็ต้องยอมรับสัจธรรมข้อนี้ และหากไม่อยากประสบความไม่แน่นอนเหล่านี้ ก็ให้กลับขึ้นไปสถิตอยู่บนสวรรค์ที่ละจากมากับพระบิดา แล้วเทพพ่อลูกทั้งสององค์ก็ชะลอกันกลับสู่สรวงสวรรค์เบื้องบน ณ ที่ซึ่งมีแต่ความสงบสุขสันติ

อ่านเรื่องราวของ ‘เทพออร์เฟโอ’ แล้วก็ขอเชิญชวนฟังเพลงจากอุปรากรเรื่องนี้ จากฝีมือประพันธ์ขั้นเทพของมอนเตแวร์ดี คืนวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้