วันที่ 15 มิถุนายน 2568
เหตุการณ์น้ำมันรั่วใกล้เกาะสีชัง สัญญาณเตือนระบบนิเวศที่ไม่ควรถูกมองข้าม แม้น้ำทะเลจะใส แต่มลพิษอาจซ่อนอยู่ลึกกว่าที่ตาเห็น แม้คราบน้ำมันจะหายไปจากผิวน้ำแล้วก็ตาม
• มิถุนายน 2568 เกิดเหตุน้ำมันรั่วในทะเลใกล้บริเวณเกาะสีชัง (นาที 1.55)
• แม้จะกำจัดคราบน้ำมันแล้ว แต่คำถามถือมันไม่หลงเหลืออะไรไว้ในทะเลจริงหรือ (นาที 5)
• มีการตรวจติดตามผลกระทบจากน้ำมันรั่วต่อระบบนิเวศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (นาที 8.05)
• น้ำมันรั่วกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสุขภาพ (นาที 11.10)
• ปะการังยังคงได้รับผลกระทบจากร่องรอยของน้ำมันรั่ว แม้จะไม่มีคราบน้ำมันเหลืออยู่แล้วก็ตาม (นาที 13.40)
• การตรวจติดตามระบบนิเวศและผลกระทบต่อสุขภาพหลังเกิดเหตุน้ำมันรั่ว สำคัญแค่ไหน (นาที 18.10)
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน เวลาประมาณเที่ยงคืน เกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ใกล้ศรีราชา ห่างจากเกาะสีชังประมาณ 9 กิโลเมตร และห่างจากชายฝั่งประมาณ 13 กิโลเมตร
• สาเหตุเกิดจากคลื่นลมแรง ทำให้เชือกผูกหัวเรือขาด ส่งผลให้ท่อขนส่งน้ำมันแตก และน้ำมันรั่วไหลเป็นเวลาประมาณ 30 นาที
• ปริมาณน้ำมันรั่วที่รายงานโดยบริษัทอยู่ที่ประมาณ 8,000 ลิตร อย่างไรก็ตามมีบางรายงานระบุว่าปริมาณอาจมากถึง 10,000–20,000 ลิตร (เทียบเท่าประมาณ 10–20 ตัน)
• มีการใช้บูม (Boom) ล้อมคราบน้ำมัน 2–3 ชั้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของคราบน้ำมันตามกระแสน้ำและกระแสลม
• ใช้สารเคมีประเภท dispersant ฉีดพ่นเพื่อช่วยให้น้ำมันแตกตัว และสามารถควบคุมให้อยู่ภายในแนวบูมได้
• ในช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่รายงานว่าไม่พบคราบน้ำมันหลงเหลือในพื้นที่เกาะสีชังและบริเวณใกล้เคียง จึงมีการประกาศปิดศูนย์อำนวยการฉุกเฉินในเวลา 17.00 น. ของวันเดียวกัน
แม้จะไม่พบคราบน้ำมันหลงเหลือ แต่ควรตั้งคำถามว่าคราบน้ำมันนั้นถูกกำจัดได้หมดจริงหรือ
• การประเมินจากการสังเกตเพียงผิวหน้าน้ำ อาจไม่สะท้อนผลกระทบในระดับระบบนิเวศอย่างแท้จริง
• น้ำที่ผ่านการปนเปื้อน แม้จะดูใส แต่ก็ไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์อีกต่อไป เปรียบได้กับการหยดสีลงในแก้วน้ำบริสุทธิ์ แม้จะตักส่วนที่เห็นสีออกแล้ว แต่สารเคมียังอาจเจือปนอยู่
จากประสบการณ์ในการติดตามผลกระทบน้ำมันรั่วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เช่น เหตุการณ์รั่วไหลที่จังหวัดระยอง ซึ่งมีปริมาณการรั่วหลายสิบตัน และไม่สามารถกำจัดคราบได้ภายในวันเดียว พบว่าแม้จะไม่มีคราบน้ำมันบนผิวน้ำ แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสามารถเกิดขึ้นได้ในระยะยาว
ต่อแนวปะการัง คราบน้ำมันขวางการส่องผ่านของแสง ทำให้ปะการังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ส่งผลให้ปะการังตาย หรือเกิดอาการปะการังฟอกขาวจากการที่สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งอาศัยอยู่ในปะการังหลุดออกจากตัวปะการัง
ต่อสัตว์ทะเล สารเคมีที่ใช้กำจัดคราบน้ำมัน รวมถึงสารประกอบในน้ำมันเอง เช่น โลหะหนัก อาจสะสมในเนื้อเยื่อของสัตว์ทะเล เช่น ปลา กุ้ง หอย ปู
จึงจำเป็นต้องมีการตรวจวิเคราะห์สารตกค้างในสัตว์น้ำเพื่อประเมินผลกระทบอย่างแท้จริง
รายการรอบตัวเรา วันอาทิตย์ 10.30 น. Chula Radio [15 มิ.ย.68]
ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย