จุลสารฉบับนี้จึงขอเสนอเรื่องราวของอุปรากรเรื่อง “การลักพาจากฮาเร็ม” (Die Entfuhrung aus dem Serail) ซึ่งเป็นอุปรากรยอดฮิตที่สุดเรื่องหนึ่ง เป็นการร่วมระลึกถึงและคารวะนักอุปรากรเอกท่านนี้
อุปรากรเรื่อง “การลักพาจากฮาเร็ม” เป็นอุปรากรภาษาเยอรมัน (ขับร้อง ดำเนินเรื่องเป็นภาษาเยอรมัน) ประพันธ์ดนตรีโดย โมสาร์ท เขียนบทอุปรากรโดย Christoph Bretzner และ Johann Gottlieb Stephanie แต่งเสร็จและนำออกแสดงครั้งแรกที่กรุงเวียนนา เมื่อปี ค.ศ. 1872 ประสบความสำเร็จถล่มทลาย
อุปรากรเรื่องนี้เป็นอุปรากรเยอรมัน แบบที่เรียกกันในสมัยของโมสาร์ทว่า ‘ซิงชปีล’ (Singspiel) คือเป็นละครร้องแนวสนุกหรรษา ขับร้องกันเป็นภาษาเยอรมัน และมีบทพูด บทเจรจาเป็นตัวดำเนินเรื่องสลับกับบทร้อง เนื้อหามักผสมผสานเวทมนตร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ หรือเรื่องราวในดินแดนแปลกๆ ได้รับความนิยมและดูจะมีสถานะทางศิลปะเป็นรองละครอุปรากรอิตาเลียน ซึ่งมีเนื้อหาทางวรรณกรรมและทางดนตรีเข้มข้นจริงจังกว่ามากในสมัยของโมสาร์ท หรือราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18
ละครซิงชปีล มีอยู่ในวัฒนธรรมละครและดนตรีเยอรมันมาช้านาน เดิมจัดเป็นศิลปะระดับพื้นบ้าน จนกระทั่งราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อโมสาร์ทหันมาจับอุปรากรเยอรมัน หลังจากแต่งอุปรากรอิตาเลียนจนอยู่มือและได้รับความนิยมมากแล้ว และโมสาร์ทก็สามารถพัฒนา ซิงชปีลขึ้นมาจนมีศักดิ์ศรีและสถานะทางศิลปะเทียบเท่าอุปรากรอิตาเลียนในยุคเดียวกันได้ โมสาร์ทแต่งซิงชปีลชั้นเยี่ยมและประสบความสำเร็จมากไว้ 2 เรื่อง คือเรื่อง “ขลุ่ยวิเศษ” (Die Zauberflote) และเรื่อง “การลักพาจากฮาเร็ม” ที่จะเสนอในจุลสารฉบับนี้
เรื่องราวของอุปรากรเรื่องนี้เกิดขึ้นในฮาเร็มของท่านปาชาเซลิม (Pasha) ผู้ปกครองดินแดนแขกตุรกี ตัวละครสำคัญ ได้แก่
- เบลม็องเต (Belmonte) พระเอก เป็นขุนนางชาวสเปน
- คอนสตานเซ (Constanze) นางเอก เป็นคู่รักของเบลม็องเต เธอถูกโจรสลัดจับตัวไปและนำไปขายให้ปาชาแห่งตุรกี ตามท้องเรื่องเธอถูกกักขังไว้ในฮาเร็มของท่านปาชา
- บลอนเด (Blonde) สาวใช้ชาวอังกฤษของคอนสตานเซ ถูกจับตัวไปพร้อมนายสาว
- เปดริลโล (Pedrillo) คนรับใช้ของเบลม็องเต และเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับบลอนเด และถูกจับตัวไปอยู่ในตำหนักของปาชาพร้อมกับคอนสตานเซและบลอนเด เขาได้รับมอบหมายให้ไปเป็นข้ารับใช้ในตำหนัก
- ออสมิน (Osmin) ผู้ดูแลตำหนักและฮาเร็มของท่านปาชา เป็นแขกตุรกีตัวโต หน้าตาท่าทางอัปลักษณ์
- ท่านบาสซา เซลิม (Bassa Selim) ปาชาแห่งตุรกี
ความเดิมก่อนเริ่มเรื่องนั้น เบลม็องเตรักอยู่กับคอนสตานเซ ส่วนเปดริลโลเป็นคู่หมั้น คู่หมายของบลอนเด ทั้งสี่คนนั่งเรือจะไปไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าเรือถูกโจรสลัดปล้น มีเบลม็องเตคนเดียวที่รอดจากการจับกุม ที่เหลือถูกจับตัวและนำไปขายให้ปาชาเซลิม
ท่านปาชานั้น แม้ว่าจะมีนางสนมสาวสวยมากมาย แต่ก็มาหลงรักคอนสตานเซหัวปักหัวปำ และเฝ้าแต่รอให้เธอรักตอบ ฝ่ายคอนสตานเซก็ได้แต่ผัดผ่อนขอเวลา เพราะหัวใจเธอมีเจ้าของมั่นคงแล้ว ส่วนบลอนเดนั้น ท่านปาชายกให้เป็นภรรยาของออสมิน
ฝ่ายเบลม็องเตนั้น นำเรือดั้นด้นตามหาคู่รักและบ่าวรับใช้คนสนิทจนมาขึ้นฝั่งที่ดินแดนตุรกี สืบถามได้ความเลาๆว่าทั้งหมดถูกขายและกักขังอยู่ในตำหนักท่านปาชาเซลิม
องก์แรก: เมื่อเปิดฉากแรก เบลม็องเตดั้นด้นมาถึงตำหนักท่านปาชาสำเร็จ เมื่อมาถึงสวนของตำหนักก็พบออสมิน ผู้ดูแลตำหนักและฮาเร็ม เขาสอบถามออสมินให้แน่ใจว่าที่นี่คือตำหนักของท่านปาชา ออสมินก็รับรองว่าใช่ ขณะเดียวกันเขาก็พยายามสอดส่ายสายตาหาร่องรอยของคนรัก แต่เมื่อเอ่ยปากถามถึงเปดริลโลที่เขาได้ข่าวว่ามาเป็นคนสวนที่นี่ ออสมินก็เกรี้ยวกราดปึงปังขึ้นมาด้วยความเกลียดชังเปดริลโล ฝ่ายเบลม็องเตก็ได้แต่เดินจากมาด้วยความชิงชังออสมิน
หลังจากออสมินปึงปังออกจากสวนไปไม่นาน เบลม็องเตก็ได้พบกับเปดริลโล ทั้งคู่ดีใจมากที่ได้พบกัน จากนั้นจึงเตรียมวางแผนช่วยเหลือทั้งสองสาวออกจากฮาเร็มให้ได้ เปดริลโลออกแผนว่าจะหาทางให้เบลม็องเตสามารถเข้านอกออกในตำหนักและจะพาเข้าพบท่านปาชา โดยเขาจะแนะนำกับท่านปาชาว่า เบลม็องเตเป็นสถาปนิกฝีมือดีที่จะมาช่วยปรับปรุงตำหนัก แล้วเปดริลโลก็พาเบลม็องเตไปเฝ้าเจ้านาย ซึ่งท่านปาชาก็ต้อนรับเบลม็องเตเป็นอย่างดี แต่ออสมินนั้นชิงชังรังเกียจทั้งคู่อย่างออกนอกหน้า
องก์สอง: เปิดฉากขึ้นในสวนของตำหนัก บลอนเดและออสมินกำลังทุ่มเถียงกันเพราะบลอนเดรังเกียจออสมิน ซึ่งเธอว่ารูปก็ชั่วตัวก็ดำแถมกิริยาอาการก็กักขฬะหยาบคาย เสียเหลือเกิน แล้วขู่เขาว่าถ้ามาทำอำนาจบาตรใหญ่กับเธอ เดี๋ยวก็จะจิกให้ลูกตาพลัด เธอนั้นเป็นสาวชาวอังกฤษมีศักดิ์มีศรีและมีอิสระเสรี จะมาบังคับกันราวกับทาสนั้นหาได้ไม่
ในฉากต่อมา คอนสตานเซได้แต่รำพึงถึงคนรักและชะตากรรมอันโหดร้ายของตัวเองด้วยอารมณ์เศร้าสลด ฝ่ายท่านปาชาก็เข้ามาปลอบประโลมและทวงถามถึงหัวใจรักของเธอ คอนสตานเซก็ได้แต่ขอเวลา เพราะเธอมีรักมั่นคงและยังต้องการเวลาทำใจ ท่านปาชาเกือบหมดความอดทนแล้ว แต่ก็ให้เวลาเธออีกวันหนึ่ง แถมขู่ว่าหากไม่ยินยอมโดยดีก็จะต้องใช้กำลังกันหล่ะ!
เปดริลโลลอบเข้ามาพบบลอนเดและส่งข่าวว่า เบลม็องเตตามมาจนพบพวกเราแล้ว ท่านมีเรือจอดรออยู่ที่ปากอ่าว ขณะนี้กำลังหาทางช่วยทั้งหมดออกจากฮาเร็ม ทำให้บลอนเด ดีใจมาก แผนการขั้นต่อไปก็คือ เปดริลโลออกอุบายมอมเหล้าออสมินจนเมาหลับพับไป แล้วคู่รักทั้งสองคือ เบลม็องเตกับคอนสตานเซ และเปดริลโลกับบลอนเด ก็พบกันด้วยความยินดี ทั้งนัดแนะให้สองสาวเตรียมตัวหนีตอนเที่ยงคืน ให้คอยฟังสัญญาณให้ดี
องก์สุดท้าย: เปิดฉากขึ้นมาในสวนตอนกลางคืน เบลม็องเตและเปดริลโลสามารถพาสองสาวออกมาได้ตามที่นัดแนะกันไว้ แต่ไปไม่รอด เพราะปรากฏว่าออสมินฟื้นตื่นขึ้นมาและส่งเสียงโวยวายลั่นตำหนัก เขาดีใจมาก ร้องเพลงลั่นๆอยู่ว่าชัยชนะใกล้เข้ามาแล้ว และนำตัวทั้งสี่คนไปให้ท่านปาชาพิพากษาโทษ
เบลม็องเตอ้อนวอนท่านปาชาให้ปล่อยตัวพวกเขาไป และบอกว่าบิดาของเขาคือ ท่านลอสตาโดส (Lostados) เป็นผู้ครองนครโอรัน (Oran) คงยินดีจ่ายค่าไถ่ตามที่ท่านปาชาเรียกร้องเป็นแน่แท้ ท่านปาชารู้เข้าดังนั้น ก็ประหลาดใจแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะปรากฏว่าท่านมาพบเข้ากับลูกชายของศัตรูคู่แค้นเก่า แล้วท่านก็เล่าแจ้งแถลงไขให้เบลม็องเตฟังว่า บิดาของเขาเคยทำให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจนัก ทั้งริบทรัพย์สินบ้านช่องห้องหอรวมทั้งคนรักของท่านไปหมด ท่านจึงต้องระเห็จจากบ้านเกิดมาอยู่แดนไกล ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ท่านแสนจะยินดีนักที่โชคชะตานำบุตรชายของศัตรูเก่ามาให้ชำระแค้นถึงในบ้าน แล้วท่านก็ทิ้งให้เบลม็องเตกับคอนสตานเซร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเตรียมตัวตายด้วยกันทั้งหมด
หลังจากคู่รักพร่ำรำพันกันครั้งสุดท้ายและทั้งหมดถูกทหารควบคุมตัวมาอยู่ต่อหน้าท่านปาชาในฉากสุดท้าย ท่านปาชาก็เกิดเปลี่ยนใจยกโทษให้ลูกชายศัตรูเก่าและผู้ติดตามทั้งหมด ท่านกล่าวว่า สิ่งที่ท่านเคยถูกกระทำมาแต่หนหลังนั้นเป็นสิ่งผิด หากท่านดำเนินรอยตามสิ่งที่ผิดที่ลอสตาโดสทำ ก็กลับจะเป็นการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไป ดังนั้นท่านคิดตกแล้ว ก็ขอให้เบลม็องเตรับคู่รักคืน ดูแลเธอให้ดีและรีบออกไปจากดินแดนของท่านเสียโดยไว
เชลยทั้งหมดแปลกใจในโชคชะตาและความเมตตาของท่านปาชายิ่งนัก แล้วทั้งหมดก็ขับร้องเพลงสรรเสริญในจิตใจอันงดงามด้วยเมตตาธรรมของท่านปาชาเซลิม มีเพียงออสมินเท่านั้นที่บ่นกระปอดกระแปด เจ็บใจที่ไม่ได้แก้แค้นศัตรูแล้วยังเสียบลอนเดเมียรักไปด้วย
ขอเชิญฟังเพลงไพเราะจากอุปรากรเรื่องนี้ในคืนวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคมที่จะถึงนี้