เปิดช่องทางโลจิสติกส์ใหม่ “ระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศใหม่” ช่วยลดต้นทุนส่งออกทุเรียนไทยสู่จีน

- ข่าวต้นชั่วโมง


สำนักข่าวซินหัว รายงาน เส้นทางส่งออกทุเรียนไทยสู่ตลาดจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากช่องทางโลจิสติกส์ใหม่อย่าง “ระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศใหม่” ที่เริ่มต้นดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2017 ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ของจีน โดยมีเทศบาลนครฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางการดำเนินงาน บรรดามณฑลและเขตปกครองตนเองทางตะวันตกของจีน ซึ่งมีประชากรราว 400 ล้านคน ถือเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของระเบียงฯ ที่บูรณาการวิธีการขนส่งทางราง เรือ รถ และอื่นๆ

สมัยก่อนทุเรียนไทยถูกขนส่งทางเรือสู่หลายเมืองทางตะวันออกของจีนเป็นลำดับแรก และค่อยขนส่งต่อสู่ภูมิภาคตะวันตก ซึ่งใช้เวลาขนส่งนานเกินไปจนส่งผลกระทบต่อความสดใหม่ของทุเรียนซึ่งระเบียงฯ ช่วยลดระยะเวลาขนส่งทุเรียนไทยสู่ภูมิภาคตะวันตกของจีนเหลือราว 6 วัน และประหยัดต้นทุนราว 2,000 หยวน (ราว 10,060 บาท) ต่อตู้คอนเทนเนอร์

ทุเรียนไทยจึงสามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้บุกเบิกตลาดในภูมิภาคตะวันตกของจีน และไขว่คว้าโอกาสใหม่ของการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางธุรกิจจากตลาดจีน ความนิยมทุเรียนไทยของตลาดจีนยังส่งผลประโยชน์ต่อบริษัทจีนด้วย โดยเติ้งหงจิ่ว ประธานบริษัทฯ เปิดเผยว่าอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้นของรายได้จากการดำเนินงาน ระยะ 3 ปี สูงถึงร้อยละ 122
ด้านหลิวเหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติงานและโลจิสติกส์ระเบียงฯ ระบุว่ามีการขยายเส้นทางขนส่งระหว่างฉงชิ่ง กุ้ยโจว หนิงเซี่ย กานซู่ หูหนาน และภูมิภาคอื่นๆ กับลาว เวียดนาม เมียนมา และประเทศอื่นๆ ในปีนี้ โดยระเบียงฯ ดำเนินงานครอบคลุมด่านบกและท่าเรือ 338 แห่งใน 113 ประเทศและภูมิภาคแล้ว

จากข้อมูลของศูนย์ฯ ระบุว่าฉงชิ่งขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต (TEU) ผ่านระเบียงฯ ช่วงสามไตรมาสแรก จำนวน 105,000 ตู้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมูลค่าสินค้าสูงแตะ 1.91 หมื่นล้านหยวน (ราว 9.6 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ แก้วมังกรไทย เมล็ดกาแฟและปลาเผาะอินโดนีเซีย ยังสามารถเข้าสู่ตลาดจีนผ่านระเบียงฯ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมสร้างโอกาสการพัฒนาแก่ประเทศและภูมิภาคตามแนวเส้นทางขนส่ง

ด้านนายภาณุมาศ พลับยินดี วัย 45 ปี เจ้าของสวนผลไม้ที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี วุ่นอยู่กับการจัดสรรคนงานออกเก็บเกี่ยว “ราชาแห่งผลไม้” ก่อนขนย้ายเข้าโรงงานแปรรูป ทุเรียนหมอนทองจากสวนของภาณุมาศส่วนใหญ่ถูกส่งออกสู่จีน โดยเขาเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ของบริษัท ผลไม้ฉงชิ่ง หงจิ่ว จำกัด (Chongqing Hongjiu Fruit) ผู้จัดจำหน่ายผลไม้รายใหญ่ที่สุดของจีน ทุเรียนไทยจากสวนผลไม้ในไทยขนส่งผ่านด่านมิตรภาพของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน
ก่อนกระจายสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตตามเมืองใหญ่อย่าง เช่น “ฉงชิ่ง” ทำให้ภาณุมาศ เป็นหนึ่งในผู้รับผลประโยชน์จากความนิยมทุเรียนไทยของตลาดจีน ทำให้มีสวนผลไม้เพิ่มขึ้นจาก 3 เป็น 7 แห่ง ปริมาณผลผลิตรายปีเพิ่มขึ้นจาก 1,500 เป็น 3,750 ตัน และรายได้เพิ่มขึ้นราว 290 ล้านบาท
สำหรับ ไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนจีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของไทย โดยปริมาณการส่งออกรายปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลสถิติจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่ามูลค่าการส่งออกทุเรียนสดในปี 2021 สูงถึง 3.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.24 แสนล้านบาท) โดยเกือบร้อยละ 90 ของทุเรียนไทยถูกส่งขายตลาดจีน

(Live) รายการ โลกใหม่กับวิจัยสังคม