อัมเบดการ์: ผู้แสวงหาเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพในอินเดีย (ตอนที่ 10)
309 views
0
0
"อัมเบดการ์ ตอนที่ 10"

เพลง Kabhi Khushi Kabhie Gham (สุขบ้างทุกข์บ้าง)
เพลงประกอบภาพยนตร์ Kabhi Khushi Kabhie Gham ฉายในปี 2001 เขียนและกำกับโดย Karan Johar ผลิตโดย Yash Johar ดารานำคือ Amitabh Bachchan, Jaya Bachchan, Shah Rukh Khan, Kajol, Hrithik Roshan และ Kareena Kapoor

อัมเบดการ์: ผู้แสวงหาเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพในอินเดีย (ตอนที่ 10)
ประสบการณ์และการศึกษาของอัมเบดการ์ที่ลอนดอน

• แม้ข้อความที่ฟอกซ์เวลเขียนถึงเลขาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ จะเป็นไปเพื่อมิให้รับอัมเบดการ์เข้าเรียน แต่อัมเบดการ์ก็เข้าเรียนจนได้ ไม่ทราบว่าอัมเบดการ์ใช้วิธีใด ทั้งนี้วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ ได้เผยว่า ในเดือนเมษายน ปี 1921 เมื่ออัมเบดการ์ได้ส่งฟอร์มการสอบล่าช้า มิสซิสมายร์ เลขานุการวิทยาลัยฯ ได้เขียนจดหมายถึงนายทะเบียนมหาวิทยาลอนดอน ซึ่งขณะนั้นวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ สังกัดอยู่ภายใต้ เพื่อขอผ่อนผันให้อัมเบดการ์ส่งฟอร์มช้าได้ จึงอาจเป็นไปได้ว่า มิสซิสมายร์น่าจะเป็นคนช่วยอัมเบดการ์ในเรื่องการเข้าเรียนที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ

• เอกสารของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ ยังบอกเรื่องสำคัญอีก 2 เรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์อัมเบดการ์ ณ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ เรื่องแรกเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนวิชาต่าง ๆ ของอัมเบดการ์ในปี 1916 ซึ่งอัมเบดการ์อยู่ในลอนดอนได้เพียงหนึ่งปีก่อนจะกลับอินเดียเพื่อไปใช้ทุนในรัฐบโรดา เรื่องที่สองว่าด้วยการศึกษาของอัมเบดการ์ในครั้งที่สอง สำหรับครั้งแรกนั้น อัมเบดการ์เคยลงเรียนวิชาภูมิศาสตร์กับฮาลเฟิร์ด แมกคินเดอร์ วิชาความคิดทางการเมืองกับโกลด์สเวอร์ธี โลเวส ดิกคินสัน และวิชาวิวัฒนาการสังคมและทฤษฎีสังคมกับเล็นเนิร์ด ทรีลอว์นี ฮอบเฮาส์ จะเห็นได้อีกครั้งว่า แม้อัมเบดการ์จะเรียนเอกด้านเศรษฐศาสตร์ แต่เขาก็ใฝ่รู้ในศาสตร์อื่น ๆ ด้วย ดังที่เขาเคยทำ ณ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในขณะเดียวกันอาจสันนิษฐานได้ด้วยว่า อัมเบดการ์น่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความคิดทางการเมือง การเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะฐานคิดเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง และความคิดเรื่องลัทธิเสรีนิยมจากนักวิชาการที่มีชื่อเสียงเหล่านี้

• สำหรับการศึกษาครั้งที่สองที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ อัมเบดการ์เรียนเศรษฐศาสตร์กับฟ็อกซ์เวลและเอ็ดวิน แคนเนิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ความคิดเศรษฐศาสตร์ ที่มีผลงานโด่งดังในการชำแหละเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก นักวิชาการทั้งสองคนสอนอยู่ที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ ตั้งแต่วิทยาลัยแห่งนี้สถาปนาขึ้นในปี 1895 เอกสารของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ เผยด้วยว่า อัมเบดการ์น่าจะได้เจอธีโอดอร์ เกรกอรี ผู้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ด้านการค้าระหว่างประเทศในปี 1920 ซึ่งในภายหลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอังกฤษในอินเดียระหว่างปี 1938-1946

• ในช่วงแรกประมาณเมษายน ปี 1921 อัมเบดการ์ได้ส่งวิทยานิพนธ์ การกระจายการเงินของจักรวรรดิอังกฤษในอินเดียสู่ระดับแคว้น เพื่อขอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ซึ่งอัมเบดการ์สำเร็จการศึกษาระดับมหาบัณฑิตในเดือนมิถุนายน ปี 1921 ในเดือนมีนาคม ปี 1923 อัมเบดการ์ส่งดุษฎีนิพนธ์ ประเด็นปัญหาเงินรูปี เพื่อขอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก โดยขั้นตอนแล้ว อัมเบดการ์จะต้องรอสักพักเพื่อทราบผลของคณะกรรมการดุษฎีนิพนธ์ ฉะนั้นแล้ว เขาจึงใช้เวลาว่างศึกษาภาษาเยอรมันและฝรั่งเศสเพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบอนน์ ที่ตอบรับให้เขาเข้าเรียน และเขาก็เดินทางไปเยอรมนี อยู่เยอรมนีได้พักเดียว แคนเนินก็เรียกอัมเบดการ์กลับลอนดอน เพราะคณะกรรมการดุษฎีนิพนธ์ที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ มีมติไม่ผ่านดุษฎีนิพนธ์ของเขา อัมเบดการ์ยอมปรับเปลี่ยนบางส่วนของดุษฎีนิพนธ์ เขาเดินทางกลับบอมเบย์เดือนเมษายน ปี 1923 และส่งดุษฎีนิพนธ์ฉบับแก้ไขในเดือนพฤศจิกายน ปี 1923 อีกไม่นานนักเขาจะได้รับแจ้งทางโทรเลขว่าเขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ แล้ว

• ในเวลาต่อมา ดุษฎีนิพนธ์เล่มนี้ได้รับตีพิมพ์เป็นหนังสือโดยสำนักพิมพ์ พี. เอส. คิง แอนด์ ซัน จำกัด อัมเบดการ์อุทิศหนังสือเล่มนี้ให้บิดามารดาของตน ขอบพระคุณสำหรับ “การเสียสละที่ทั้งสองได้กระทำ และการให้ความสว่างทางปัญญาที่ทั้งสองได้แสดงในเรื่องการศึกษา” ของตน หากรามยีและภิมาไบบิดามารดาของอัมเบดการ์ยังมีชีวิตอยู่คงจะภูมิใจไม่น้อยเลยที่ลูกคนสุดท้องที่ทั้งสองลงทุนลงแรงในด้านการศึกษา บัดนี้ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกใบที่สองจากสถาบันอันมีชื่อเสียงโด่งดังของโลกแล้ว ทั้งสองคงจะนึกถึงคำทำนายของลุงของรามยีคนหนึ่งที่ว่า ครอบครัวของรามยีจะผลิตบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ผู้จะฝากรอยประทับในประวัติศาสตร์โดยปลดแอกประชาชนผู้ถูกกดขี่ด้วย

ดุษฎีนิพนธ์วิพากษ์นโยบายจักรวรรดิอังกฤษ และออกนอกกรอบหลักเศรษฐศาสตร์

• วกกลับมาเรื่องดุษฎีนิพนธ์ของอัมเบดการ์อีกครั้ง เพราะเหตุใดคณะกรรมการดุษฎีนิพนธ์จึงไม่ให้อัมเบดการ์สอบผ่านในครั้งแรก ทั้งกีร์และออมเว็ดท์ให้เหตุผลว่า สารัตถะของดุษฎีนิพนธ์มีความเป็นการเมืองมาก มุ่งวิพากษ์นโยบายจักรวรรดิอังกฤษ และออกนอกกรอบหลักเศรษฐศาสตร์ ดังที่อัมเบดการ์ได้แสดงให้เห็นในดุษฎีนิพนธ์นี้ว่า ข้อตกลงในประเด็นปัญหาสกุลเงินนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเงินรูปีและเงินปอนด์เป็นไปเพื่อประโยชน์ของอังกฤษบนความทุกข์ยากของประชาชนชาวอินเดียทั้งหมด ทว่าในปี 2016 วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และยกความผิดพลาดทางวิชาการของอัมเบดการ์เป็นเหตุผลหลัก ดังที่อัมเบดการ์เขียนใน ‘คำนำ’ หนังสือของตนในส่วนหนึ่งว่า

“ข้าพเจ้ามิอาจจบคำนำนี้ได้โดยไม่สำแดงความสำนึกบุญคุณอย่างลึกซึ้งต่อครูของข้าพเจ้า ศ. เอ็ดวิน แคนเนิน ... ความกรุณาที่ท่านมีต่อข้าพเจ้าและความใฝ่ใจต่องานที่ข้าพเจ้าเพียรเขียนขึ้นนั้น เป็นหนี้ที่มิอาจชดใช้ได้หมด ข้าพเจ้าสุขใจที่พูดได้ว่างานชิ้นนี้ท่านเป็นผู้ตรวจอย่างละเอียดด้วยมือของท่านเอง และแม้ว่าท่านจะมิได้มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ต่อทรรศนะที่ข้าพเจ้าได้แสดงไว้เลย กล่าวได้ว่าการตรวจสอบข้ออภิปรายทางทฤษฎีของข้าพเจ้าอย่างกวดขันนั้นทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากข้อผิดพลาดไปหลายประการ”

• น่าสังเกตด้วยว่า ‘คำนำ’ ในหนังสือทั้งฉบับที่หนึ่ง (ปี 1923) และฉบับที่สอง (ปี 1947) อัมเบดการ์มิได้แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับมติกรรมการอ่านดุษฎีนิพนธ์ครั้งแรก ดังนั้นแล้ว ในปี 2016 วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ จึงเขียนด้วยว่า “แคนเนินตอบแทนคำสรรเสริญนี้โดยเขียนคำนิยมให้แก่หนังสือ ...” ส่วนหนึ่งของ ‘คำนิยม’ โดยแคนเนินระบุว่า

“ดีใจที่คุณอัมเบดการ์ให้โอกาสข้าพเจ้าพูดเรื่องหนังสือที่เขาเขียนสักหน่อย อย่างที่เขาทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้อวิพากษ์ของเขาหลายเรื่อง ข้าพเจ้ามิได้ร่วมโจมตีระบบนั้นกับคุณอัมเบดการ์ และมิได้ยอมรับข้ออภิปรายส่วนใหญ่ของเขาต่อระบบและผู้สนับสนุนระบบ แต่เขาย้ำหัวตะปูได้อย่างหนักแน่นมาก และแม้แต่เมื่อข้าพเจ้ามองว่าเขาผิด ข้าพเจ้าก็ยังมองเห็นความสดใหม่ที่ช่วยกระตุ้นความคิดอยู่ในทรรศนะและเหตุผลของเขา ครูแก่ ๆ อย่างข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะมีขันติธรรมต่อความแหวกแนวที่ผันแปรมากมาย แม้แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นแข็งขืนต่อ “การตรวจสอบอย่างกวดขัน” อย่างที่คุณอัมเบดการ์พูดไว้ ในข้อสรุปทางปฏิบัติของเขา ข้าพเจ้าอยู่ข้างจะเชื่อว่าเขาถูก”

• ในทางตรงกันข้าม ‘คำนิยม’ ของแคนเนินกลับกล่าวถึงความเห็นที่ไม่ลงรอยระหว่างเขากับอัมเบดการ์ ยกเว้นส่วนสรุป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง 2 ข้อต่อไปนี้ด้วย อาจจะกล่าวได้ว่า เหตุผลของกีร์และออมเว็ดท์ก็ดูสมเหตุสมผลไม่น้อยเลยทีเดียว

1. ในกิจกรรมของสโมสรนักศึกษาที่อัมเบดการ์เคยอ่านเรียงความของตน และนำไปสู่การโต้วาทีที่ดุเดือดจนทำให้ลาสกีเข้ามาแทรกแซงเพื่อยุติการโต้วาทีนั้น บ่งบอกได้ไม่น้อยเลยว่า อัมเบดการ์มีความคิดเชิงวิพากษ์ต่อระบบที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการปกครองของอังกฤษและขบวนการชาตินิยมอินเดียที่ไม่สนใจการปลดแอกทลิต ดุษฎีนิพนธ์ที่อัมเบดการ์เขียนเพื่อขอสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียก็เช่นกัน แม้จะมีเนื้อหาต่างกับดุษฎีนิพนธ์ที่เขาเขียนส่งเพื่อขอสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฯ แต่ทั้งสองฉบับก็วิพากษ์การบริหารจัดการอินเดียโดยจักรวรรดิอังกฤษอย่างชัดเจน เพียงแต่อัมเบดการ์ไม่ประสบปัญหาใด ๆ ณ โคลัมเบีย เพราะในสหรัฐฯ แทบจะไม่มีใครสนใจการโจมตีจักรวรรดิอังกฤษมากนัก ทั้งหมดที่กล่าวมาย่อมบ่งบอกความต่อเนื่องทางความคิดเชิงวิพากษ์ต่อจักรวรรดิอังกฤษของอัมเบดการ์

2. ชีวประวัติอัมเบดการ์ที่เขียนโดยกีร์นั้นตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1954 หนึ่งปีก่อนอัมเบดการ์จะถึงแก่อสัญกรรม หน้าปกหนังสือเล่มนี้ระบุด้วยว่า หนังสือเล่มนี้เป็น “ชีวประวัติแท้จริงฉบับเดียวที่ ดร. อัมเบดการ์อ่านและรับรองเอง” อัมเบดการ์ผู้ซึ่งชอบอ่านหนังสือและน่าจะให้ความสำคัญแก่ชีวประวัติของตนคงได้อ่านประโยคที่กีร์เขียนไว้ว่า “… ดุษฎีนิพนธ์ของเขา [อัมเบดการ์] ได้สร้างความขัดเคืองแก่กรรมการสอบที่เป็นฝ่ายจักรวรรดินิยมอังกฤษ …” แต่ปรากฏว่ามิได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรในส่วนนี้ นี่ย่อมหมายความว่า การโจมตีจักรวรรดิอังกฤษน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งเบื้องหลังมติกรรมการอ่านดุษฎีนิพนธ์ของอัมเบดการ์

• โดยสรุปแล้ว คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่า เหตุผลเบื้องหลังมติแรกคณะกรรมการดุษฎีนิพนธ์มีทั้งเรื่องของความผิดพลาดทางทฤษฎี และความรู้สึกไม่พอใจที่เนื้อหาของดุษฎีนิพนธ์ต่อต้านจักรวรรดิอังกฤษ กล่าวอีกนัยคือ ดุษฎีนิพนธ์เล่มนี้น่าจะเป็นความประนีประนอมระหว่างอัมเบดการ์กับแคนเนิน ผู้ซึ่งนอกจากจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์แล้ว ยังน่าจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนสื่อสารไกล่เกลี่ยกับกรรมการดุษฎีนิพนธ์คนอื่นๆ ด้วย
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย