วันที่ 14 มิถุนายน 2568
เพลง Sabse Sundar Hai Yeh Khel
เพลงนี้ที่จริงแล้วมีความยาวมากพอสมควรและประกอบการแสดงภรตนาฏยัมด้วย ชื่อของเพลงคือ “Sabse Sundar Hai Yeh Khel” แปลเป็นภาษาไทยว่า “การละเล่นที่สวยงามที่สุด” ในที่นี้ผู้แต่งเพลงต้องการสื่อถึงหมากรุก หรือที่ภาษาฮินดีเรียกว่า ชาตรันญ์ (Shatranj) ซึ่งมาจากภาษาเปอร์เซียที่กลายเสียงมาจากภาษาสันสกฤตอีกทอดหนึ่ง จากคำดั้งเดิมในภาษาสันสกฤตว่า จตุรังคะ (Chaturanga) และภาษาอังกฤษเรียกว่า Chess
เพลงดังกล่าวได้แสดงบนเวทีของงาน Judit Polgár's Global Chess Festival 2019 ซึ่งชื่องานดังกล่าวมีที่มาจากชื่อนักหมากรุกหญิงคนสำคัญคนหนึ่งคือ ยูดิท โปลการ์ (Judit Polgár) ชาวฮังกาเรียน เธอมีฝีมือระดับเจ้าแม่ในวงการเลยทีเดียว เคยเล่นชนะระดับแชมป์โลกที่เป็นผู้ชายมาได้หลายต่อหลายคนแล้ว เธอเป็นน้องคนเล็กในพี่น้องหญิงโปลการ์ทั้งสามคน ได้แก่ ซูซาน โซเฟีย ยูดิท และครอบครัวของเธอก็มีความพิเศษประการหนึ่งคือทั้งสามคน “ถูกเลี้ยงดู” ให้เติบโตมาเป็นนักหมากรุกหญิงมืออาชีพ
เรื่องนี้เป็นความจงใจของพ่อที่ชื่อ ลาชโล โปลการ์ (László Polgár) ผู้ตั้งสมมติฐานไว้ว่า “อัจฉริยะเกิดจากการฝึกฝน มิใช่เป็นมาแต่กำเนิด (Geniuses are made, not born)” เขาสอนลูกสาวทั้งสามแบบโฮมสคูล และเน้นการฝึกหมากรุกแต่เด็ก จนทั้งสามโตขึ้นมาเป็นนักหมากรุกที่เก่งกาจ อย่างไรก็ตาม ยูดิท น้องคนเล็กนับว่าประสบความสำเร็จสูงที่สุดในสามคน ซูซานพี่คนโตก็ไม่เป็นรองกันมากนัก ส่วนโซเฟียพี่คนรองเป็นที่รู้จักน้อยที่สุดในวงการ เพราะเธอไปสนุกกับการทำงานศิลปะมากกว่า
ย้อนกลับมาอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเพลงกันสักหน่อย เพลงที่เปิดไปประพันธ์เนื้อร้องโดยนิเกลศ เชน (Niklesh Jain) ผู้บริหารซอฟต์แวร์หมากรุก ChessBase India ภาคภาษาฮินดี ขับร้องโดย อรุณา เอชเอ็ม (Aruna HM) ประกอบการแสดงภรตนาฏยัมโดยลูกสาวของเธอเองชื่อ อัญชนา อัศวิน (Anjana Ashwin) เนื้อหาของเพลงกล่าวถึงการละเล่นจตุรงค์ซึ่งมีที่มาจากอินเดีย คิดค้นโดยฤษีสมัยก่อนเพื่อใช้ลับสมองและสมานมิตรภาพแทนที่จะก่อสงครามฆ่าฟันกัน และอธิบายชื่อตัวหมากรุกแต่ละชนิดที่ตั้งบนกระดานซึ่งมีตาทั้งหมด 64 ตา รวมถึงวิธีเดินแต่ละตัว ในตอนท้ายก็กล่าวถึงคุณประโยชน์ของการเล่นหมากรุกคือช่วยฝึกวิธีคิดและพัฒนาความจำ
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราย้อนกลับมากล่าวถึงวงการหมากรุกของอินเดีย เราเคยพูดถึงหมากรุกไปแล้วสองตอน
ครั้งแรกคือ 30 มกราคม พ.ศ. 2564 เล่าเรื่องกำเนิดของหมากรุกซึ่งมาจากอินเดียโบราณและมีอิทธิพลเผยแพร่ไปทั่วโลก
ครั้งที่สองคือ 29 เมษายน พ.ศ. 2566 เล่าเรื่องอินเดียจัดมหกรรมหมากรุกโลก
ท่านใดไม่เคยฟังตอนก่อน ๆ ก็สามารถย้อนฟังบนเว็บไซต์ได้เสมอ มาคราวนี้ก็ปรากฏว่ามีเหตุการณ์สำคัญเป็นเกิดขึ้นอีกเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เป็นที่ฮือฮาทั้งในและนอกวงการ ก็เห็นจะต้องย้อนกลับมาพูดเรื่องหมากรุกกันอีกทีโดยเฉพาะในประเด็นดังกล่าว เหตุการณ์ที่ว่าก็เป็นไปตามชื่อตอนเลยครับ ที่เราว่าศึกหมากรุกแห่งศักดิ์ศรี คุเกศ-คาร์ลเซ่น
คือการแข่งขันหมากรุกระหว่าง ดอมมาราจู คุเกศ (Dommaraju Gukesh) หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่าคุเกศ นักหมากรุกหนุ่มวัย 19 ชาวทมิฬนาฑู ที่กำลังโด่งดังสุดขีดในอินเดีย เพราะเพิ่งได้แชมป์โลกเมื่อปลายปี 2024 กับมักนุส คาร์ลเซ่น (Magnus Karlsen) มืออันดับหนึ่งของโลกชาวนอร์เวย์ ที่เกิดขึ้นในรายการนอร์เวย์เชส 2025 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนนี้เอง
"แชมป์โลก" คือตำแหน่งผู้ชนะในรายการเวิร์ลด์เชสแชมเปี้ยนชิป (World Chess Championship) ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งสำคัญที่สุดของสมาพันธ์หมากรุกโลก (FIDE)
"มืออันดับหนึ่งของโลก" คือผู้ที่มีเรตติ้งสะสมมากที่สุดในเวลานั้น โดยมากมักจะเป็นคนเดียวกับแชมป์โลกแต่ก็ไม่เสมอไป
ในกรณีนี้แชมป์โลกคือคุเกศ แต่มืออันดับหนึ่งของโลกคือคาร์ลเซ่น ซึ่งครองตำแหน่งนี้มาหลายปีเต็มที
นั่นเพราะมีภาพคลิปสั้นที่แชร์กันอย่างแพร่หลาย เป็นตอนที่มักนุส คาร์ลเซ่น ออกอาการโมโหทุบโต๊ะอย่างแรง ซึ่งนับว่าเป็นกิริยาที่ไม่ค่อยสุภาพและน่าตกใจมากสำหรับการแข่งขันในระดับนั้น และจริง ๆ เหตุผลที่ทุบโต๊ะก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย คือแกเล่นแพ้ ถึงกระนั้นก็ตามคาร์ลเซ่นก็รีบกล่าวขอโทษ แล้วลุกออกไปอย่างฉุนเฉียว
ส่วนคุเกศเองก็ตกใจมาก ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่และสีหน้าออกอาการเสียขวัญ หลังจากนั้นไม่นานมีนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์ เขาก็บอกว่ายังตกใจอยู่
ตรงนี้หลายคนที่ติดตามวงการหมากรุกมาตลอดรวมถึงผมเองด้วยไม่ค่อยประหลาดใจกับอาการน็อตหลุดของคาร์ลเซ่นสักเท่าไหร่ เพราะต่างรู้ดีว่า คาร์ลเซ่นเป็นคนที่คุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือมักจะออกอาการหงุดหงิดบ่อย ๆ เวลาเกิดปัญหาใดขึ้นในระหว่างเล่น แต่ถ้าให้พูดถึงฝีมือหมากรุกก็ต้องบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
มักนุส คาร์ลเซ่น เกิดในปี ค.ศ. 1990 ในกรุงออสโล นอร์เวย์ ถ้านับถึงปัจจุบันก็มีอายุ 34 ปี พ่อของเขาเป็นวิศวกรเคมีที่เล่นหมากรุกเป็นงานอดิเรก และสอนหมากรุกให้ลูกชายเมื่ออายุ 5 ขวบ ตอนนั้นเด็กชายมักนุสไม่ได้สนใจหมากรุกสักเท่าไรนัก แต่พอเล่นไปเล่นมากับพี่สาว 3 คน เขาก็แค่อยากจะเอาชนะพี่สาวให้ได้ นี่คือสิ่งที่มักนุสเปิดเผยจากปากตัวเอง
เท่าที่ดูประวัติของมักนุส คาร์ลเซ่น เขาส่อแววอัจฉริยะตั้งแต่ยังเด็ก คือเป็นคนมีความจำดีมาก อายุเพียง 5 ขวบก็สามารถจดจำพิกัดบนแผนที่โลก เมืองหลวง จำนวนประชากร และธงชาติของทุกประเทศทั่วโลกได้อย่างแม่นยำ
เรื่องหมากรุก ในสมัยเด็กเขาก็เล่นกับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และข้อได้เปรียบเกี่ยวกับความจำอันแม่นยำของเขาก็ช่วยเขาในการจดจำตำแหน่งตัวหมากและวิธีการเปิดเกมต่าง ๆ ที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างมากมายมหาศาล
มักนุส คาร์ลเซ่น ได้รับตำแหน่งแกรนด์มาสเตอร์ในปี ค.ศ. 2004 ขณะที่อายุยังไม่ครบ 14 ปี และในปี ค.ศ. 2013 เขาก็เข้าชิงตำแหน่งแชมป์โลกกับวิศวนาถัน อานันท์ (Viswanathan Anand) ที่เมืองเชนไน อินเดีย
เมื่อพูดถึง วิศวนาถัน อานันท์ แน่นอนว่าหลายคนคงรู้จักเขาในฐานะนักหมากรุกที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดียสมัยใหม่ และเป็นวีรบุรุษแห่งวงการหมากรุกของอินเดียมาจนปัจจุบัน
ในการชิงแชมป์ครั้งนั้นคาร์ลเซ่นเอาชนะอานันท์ไปได้ 6 ½ ต่อ 3 ½ โดยที่แต้มทั้งหมดของอานันท์ได้จากการยันเสมอ เอาชนะคาร์ลเซ่นไม่ได้แม้แต่กระดานเดียว และคาร์ลเซ่นก็ได้แชมป์โลกสมัยแรก จากนั้นเขาก็ครองแชมป์โลกไปอีกสิบปีติดต่อกัน จนกระทั่งสละแชมป์เองในปี ค.ศ. 2023 สาเหตุเพราะ "ขี้เกียจป้องกันตำแหน่ง"
ในปีที่คาร์ลเซ่นไม่ยอมป้องกันตำแหน่งแชมป์ ส่งผลให้เอียน เนปอมเนียตชี่ (Ian Nepomniachtchi) จากรัสเซียได้เข้าชิงเข็มขัดกับติงลี่เหริน (Ding Liren) จากจีน และติงเป็นฝ่ายชนะ ทำให้เขาเป็นคนจีนคนแรกที่ครองแชมป์หมากรุกโลก อย่างไรก็ตาม ความภาคภูมิใจของจีนอยู่ได้เพียงปีเดียว ในการแข่งขันชิงแชมป์หมากรุกโลกปี 2024 ที่สิงคโปร์ ดอมมาราจู คุเกศ ผู้ท้าชิงจากอินเดียก็เอาชนะติงลี่เหรินและกลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น เท่ากับว่าตำแหน่งแชมป์โลกกลับมาอยู่กับอินเดียอีกครั้งหลังจาก 11 ปีนับตั้งแต่อานันท์เสียแชมป์ให้คาร์ลเซ่นในปี ค.ศ. 2013
การปะทะกันระหว่างคุเกศกับคาร์ลเซ่นที่นอร์เวย์เมื่อไม่กี่วันมานี้จึงพอนับได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
คาร์ลเซ่น เป็นผู้ช่วงชิงตำแหน่งแชมป์โลกมาจากอานันท์ของอินเดีย ซึ่งขณะนั้นกำลังผงาดด้วยสถิติแชมป์โลก 5 สมัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007-2013 จนกระทั่งได้ครองแชมป์ติดต่อกัน 10 ปีตั้งแต่ ค.ศ. 2013-2023
ส่วน คุเกศ เป็นเด็กหนุ่มจากบ้านเดียวกับอานันท์ที่กำลังครองตำแหน่งแชมป์โลกคนใหม่ ถึงแม้ว่าการแข่งขันที่นอร์เวย์จะไม่ใช่การชิงแชมป์โลก แต่การพบกันของทั้งคู่ก็เป็นที่จับตามองจากทั้งวงการ
มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 6 คน ซึ่ง 2 ใน 6 คนเป็นผู้เล่นจากอินเดีย คือ ดอมมาราจู คุเกศ และเอริไคสี อรชุน กุมาร (Erigaisi Arjun Kumar) จากมลรัฐเตลังคานะ
การแข่งขันกินเวลา 10 วัน ตั้งแต่ 26 พฤษภาคม ถึง 6 มิถุนายน รวม 10 รอบ ซึ่งผู้เล่นทุกคนจะพบกัน 2 ครั้ง การจับเวลาจะเป็นแบบคลาสสิก คือใน 1 กระดานแข่งภายในเวลารวม 120 นาที แบ่งเป็นคนละ 60 นาที
รอบที่ 1 คุเกศได้พบกับคาร์ลเซ่น ซึ่งเป็นเกมคลาสสิกกระดานแรกของทั้งคู่นับตั้งแต่เชสเวิร์ลด์คัพ 2023 ที่คาร์ลเซ่นได้เป็นแชมป์ คุเกศได้เล่นหมากฝ่ายดำ เกมดำเนินไปอย่างสลับซับซ้อนมากในช่วงกลางกระดาน อย่างไรก็ตามคุเกศก็เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาสามารถเซ่นหมากนำตัวเองตีตื้นขึ้นมาได้ในสถานการณ์เป็นรอง
จนกระทั่งช่วงปลายกระดานทั้งคาร์ลเซ่นและคุเกศได้เลื่อนตำแหน่งเบี้ยเป็นควีนกันทั้งคู่ แต่เวลาเดินที่เหลือเพียง 30 วินาทีบีบให้คุเกศเดินพลาดในตาที่ 46 และทำให้คาร์ลเซ่นพาคิงเข้าสู่ที่ปลอดภัยได้ แล้วตีโต้กลับจนกระทั่งคุเกศไม่มีทางแก้ไข ต้องพ่ายแพ้ให้คาร์ลเซ่นไปในรอบแรก
ทั้งสองโคจรกันมาพบอีกครั้งในรอบที่ 6 โดยคุเกศเล่นเป็นหมากขาว หลังจากทั้งคู่จับมือกันก็เปิดเกมด้วยดับเบิ้ลคิงพอว์นโอเพนนิ่ง (Double King-Pawn Opening) ครั้นแล้วคุเกศจึงเริ่มต้นโจมตีด้วยรูปเปิดหมาก รุย โลเปซ (Ruy Lopez) ซึ่งจัดว่าเป็นหมากที่มีสาขาแตกออกไปมากที่สุดรูปหนึ่ง และรูปเกมก็ดำเนินไปโดยที่ส่วนใหญ่แล้ว คาร์ลเซ่นเป็นฝ่ายคุมเกมและคุเกศตกเป็นรอง คาร์ลเซ่นโหมบุกหนักในขณะที่คุเกศได้แต่ป้องกันเอาตัวรอด แต่เขาก็ทำได้อย่างเหนียวแน่น
คาร์ลเซ่นผู้มีเบี้ยคู่กลางกระดานเกิดความคิดขึ้นมาว่า เขาจะต้องนำม้าไปเซ่นออกเพื่อเปิดทางให้เบี้ยคู่นั้นเข้าไปเป็นควีนได้ การตัดสินใจของเขาครั้งนี้พลาดถึงแพ้ เพราะว่าคุเกศยังเหลือม้าหนึ่งตัวขณะที่คาร์ลเซ่นไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากคิงกับเบี้ยคู่นั้น คุเกศนำม้าที่อยู่ห่างไกลกลับมาป้องกันจุดที่เบี้ยจะเลื่อนตำแหน่งเป็นควีนได้ทันท่วงที และเมื่อเขาเดินคิงบีบล้อมเข้าไป ภาพก็ออกมาอย่างที่เห็น คือคาร์ลเซ่นใช้กำปั้นทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโหและยอมแพ้ในทันที
การที่คุเกศตกใจการระเบิดอารมณ์ของคาร์ลเซ่นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคาร์ลเซ่นทุบโต๊ะแรงจนนาฬิกาเด้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุเกศคงจะไม่คาดฝันว่าคาร์ลเซ่นจะเล่นพลาดอันเป็นผลให้เขาชนะได้ทั้ง ๆ ที่รูปหมากเป็นรองมาเกือบตลอดกระดาน
คุเกศให้สัมภาษณ์ด้วยความถ่อมตัวว่า เขาเองก็ยังตัวสั่นอยู่เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้คงเป็นวันโชคดีของเขา ฝ่ายคาร์ลเซ่นนั้นอารมณ์เสียหนักมาก วิ่งออกมาจากตึกอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมมองหน้าหรือพูดกับใครทั้งนั้น ซึ่งตามปกติเขาต้องหยุดรอให้สัมภาษณ์ก่อน
เพราะความสู้ไม่ถอยของเขาจนกระทั่งพลิกชนะได้ ทั้งที่เป็นรองทั้งฝีมือทั้งประสบการณ์ สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมคอยสังเกตมาตลอดคือ ก่อนหน้านี้ที่คุเกศพบกับคาร์ลเซ่น เขาพ่ายแพ้ แต่เขาก็ถามความเห็นคู่ต่อสู้เกี่ยวกับข้อผิดพลาดของเขา และเขาก็รับฟังความเห็นจากคาร์ลเซ่นด้วยอาการสงบ เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงตนเอง ซึ่งนับว่าเป็นทัศนคติที่ดี คุเกศจึงนับเป็นนักหมากรุกรุ่นใหม่ของอินเดียที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
สำหรับคาร์ลเซ่น หลายคนมองว่าเขาแสดงอารมณ์โมโหออกมาแบบนี้เรียกว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา แต่ที่จริงเขาไม่ได้โกรธคู่ต่อสู้ เขาโกรธตัวเองมากกว่า คุเกศเองก็ตอบประเด็นนี้ไว้ว่าเขาเองก็เคยตบโต๊ะมาไม่น้อยเหมือนกัน แค่ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ตบออกกล้อง ไม่แน่ใจว่าเป็นการพูดแก้เกี้ยวให้คาร์ลเซ่นหรือเปล่า แต่ก็เป็นคำตอบที่น่ารักดี และมีความเป็นมนุษย์อย่างยิ่ง
•
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio [14 มิ.ย.68]
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ