วัวกับวิถีชีวิตชาวอินเดีย
12,260 views
0
0

เพลง Sabse Achhi Maa
ประพันธ์ดนตรีโดย Laxmikant-Pyarelal เนื้อร้องโดย Anand Bakshi ขับร้องโดย Lata Mangeshkar จากภาพยนตร์เรื่อง Gaai Aur Gori (1973) กำกับโดย M.A. Thirumugam รีเมคจากภาพยนตร์ทมิฬเรื่อง Komatha En Kulamatha เวอร์ชั่นภาษาฮินดีนำแสดงโดย Shatrughan Sinha และ Jaya Bhaduri Bachchan

วัวกับวิถีชีวิตชาวอินเดีย

พ.ศ. 2564 ตรงกับฉลูนักษัตร มีสัญลักษณ์เป็นวัว จึงขอถือโอกาสหยิบยกเรื่องวัวในวิถีชีวิตของชาวอินเดียขึ้นมาพูด เพราะหลายคนคงเคยได้ยินว่าในอินเดีย วัวเป็นสัตว์ที่มีสถานะสูง นับถือกันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชาวฮินดู

คำว่า วัว ในภาษาไทยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โค มาจากภาษาบาลีสันสกฤต ออกเสียงว่า go หรือ gau เป็นคำที่มีรากร่วมกับคำว่า cow ในภาษาอังกฤษด้วย

วัวเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตชาวฮินดูมาก ทั้งนี้เพราะเป็นสัตว์ที่ใช้ทำไร่ไถนา แล้วยังให้น้ำนมมาเพื่อบริโภคในรูปแบบต่างๆ มากมาย จึงเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่พระแม่ปฤถิวีหรือเทพีแห่งผืนแผ่นดินก็ยังเชื่อกันว่ามีรูปลักษณ์เป็นแม่โค

โคกามเธนุกับตำนานกวนเกษียรสมุทร

แม่โคสำคัญที่สุดตัวหนึ่งในตำนานปกรณัมฮินดูมีชื่อว่า กามเธนุ หรือ สุรภี กำเนิดของโคกามเธนุมีหลายตำนาน แต่ที่โด่งดังที่สุดคือเรื่องกวนเกษียรสมุทร

ตำนานกวนเกษียรสมุทร เริ่มขึ้นจากพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์เกิดผิดใจกับฤษีทุรวาส ฤษีจึงสาปแช่งให้พระอินทร์และเทวดาทั้งปวงเสื่อมเสียกำลังฤทธิ์ ตั้งแต่นั้นมาเทวดาก็รบแพ้อสูรตลอด พระอินทร์เดือดร้อนมาก จึงไปเฝ้าพระวิษณุเพื่อกราบทูลขอความช่วยเหลือ

พระวิษณุจึงโปรดให้ตั้งพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤต โดยให้เทวดาไปเจรจากับอสูร ทำทีว่าจะแบ่งน้ำอมฤตให้ดื่ม (จริงๆ คือไม่ให้ดื่ม) ส่วนตัวพระองค์อวตารเป็นเต่าชื่อกูรมะลงไปอยู่ใต้เกษียรสมุทรหรือทะเลน้ำนม เทินเขามันถระไว้บนกระดองแทนไม้กวน นำพญานาคชื่อวาสุกรีจากพระศอของพระศิวะมาพันรอบเขาไว้เพื่อแทนเชือกสำหรับชัก ให้เทวดาชักหางและอสูรชักหัว ฉากกวนเกษียรสมุทรนี้หลายคนคงจะคุ้นเคยดีเพราะมีรูปประติมากรรมอยู่ตามหน้าบันปราสาทแบบเขมรหลายแห่ง และแม้แต่อยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิด้วย

ผลการกวนเกษียรสมุทร ทำให้เกิดของวิเศษผุดขึ้นมาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือแม่โควิเศษชื่อว่ากามเธนุหรือสุรภี กล่าวกันว่าเป็นแม่โคสารพัดนึกที่สามารถให้ผลผลิตได้ไม่หมดสิ้นตามแต่ใจปรารถนา พระพรหมได้ประทานโคนี้ให้แก่เหล่าฤษี เพื่อใช้นมทำน้ำมันเนย (ฆี) มาประกอบพิธีบูชาไฟ

วัว พระศิวะ พระกฤษณะ

วัวสำคัญอีกตัวหนึ่งได้แก่ นนทิ หรือ Nandi ซึ่งเป็นวัวตัวผู้ มีสีขาว วัวตัวนี้เป็นพาหนะของ พระศิวะ ผู้เป็นเทพสูงสุดองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู ที่คนไทยเรียกกันว่าพระอิศวร เราจะเห็นได้ว่าภาพวาดหรือเทวรูปของพระศิวะมักจะปรากฏวัวสีขาวตัวนี้อยู่ด้วยเสมอ และถ้าเราไปที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า เราจะสังเกตเห็นว่าบนหน้าบันของเทวาลัยพระอิศวรจะมีรูปวัวตัวหนึ่งซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งก็คือนนทินี่เอง

นอกจากนี้ เทพอีกองค์หนึ่งที่ผูกพันกับวัวคือ พระกฤษณะ สมัยที่พระองค์อยู่ในวัยแรกรุ่นก็เคยเลี้ยงวัวและใช้ชีวิตท่ามกลางฝูงวัว จึงมีพระนามว่า โควินทะ แปลว่า เป็นที่ชื่นชมของวัว และ โคปาละ แปลว่า ผู้ดูแลวัว ภาษาไทยใช้ว่า โคบาล ซึ่งเป็นคำแปลที่ดีมากของคำว่า cowboy ในภาษาอังกฤษด้วย

อาหารจากน้ำนมวัว

ปัจจุบัน ประมาณคร่าวๆ ว่าชาวอินเดียเลี้ยงวัวควายรวมกันไม่ต่ำกว่า 300 ล้านตัว ในจำนวนนี้เป็นวัวประมาณ 200 ล้านตัว (ข้อมูลปี 2019 จาก National Dairy Development Board) ชาวอินเดียที่เป็นฮินดูส่วนใหญ่ น้อยมากที่จะบริโภคเนื้อวัว แม้แต่พวกที่ไม่กินมังสวิรัติก็ตาม ทว่าอาหารมังสวิรัติแบบฮินดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางอินเดียเหนือ จะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากน้ำนม เช่น

ดูธ หรือนมสด นอกจากใช้ดื่มแล้ว ยังใช้นำไปหุงต้มประกอบอาหารด้วย เช่น ทำเป็นคีร์ หรือที่ไทยเรียกว่า ข้าวมธุปายาส หรือต้มกับใบชาใส่เครื่องเทศ เรียกว่า มาซาล่าจาย

ดาหิ หรือเคิร์ด เกิดจากการนำเชื้อนมเปรี้ยวใส่ลงไปในหม้อนมและหมักไว้จนจับตัวเป็นก้อน สามารถนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มได้อีกหลายชนิดรวมทั้งไรตาและลาสซี

ปะนีร์ หรือชีส ได้จากการนำนมมาต้มกับน้ำมะนาวจนส่วนโปรตีนแยกชั้นออกจับเป็นก้อน กรองเอาน้ำออกจะได้ชีสที่มีลักษณะคล้ายเต้าหู้ เป็นวัตถุดิบทำอาหารที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ทำได้สารพัดเมนู

มะลัย หรือครีมสด เกิดจากการนำนมที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์มาต้มแล้วทิ้งไว้ให้เย็นจนเกิดชั้นมันเนยผสมนมเนยจับบนผิวหน้า ซึ่งจะถูกแยกออกมานำไปทำอาหารหรือขนมหลายชนิด เช่น มะลัยคอฟต้า รัสมะลัย

มะขัน หรือเนย ได้จากการนำมะลัยมากวนจนกระทั่งมันเนยกับนมเนยแยกชั้นกัน กลายเป็นเนยสีขาว นำมาใส่ในอาหารหลายอย่าง เช่น ดาลมะขนี บัตเตอร์ชิกเก้น หรือทาบนแผ่นนาน

ฆี หรือน้ำมันเนย ได้จากการนำมะขันมาตั้งไฟอ่อนให้ละลายจนตกตะกอนและแยกตะกอนออกไป เหลือแต่ส่วนไขมันบริสุทธิ์ ซึ่งจะนำมาเป็นน้ำมันปรุงอาหารและขนมได้นับไม่ถ้วน

การเมืองเรื่องเนื้อวัว

วิถีชีวิตที่ผูกพันกับผลิตภัณฑ์จากวัว ทำให้วัวในอินเดียได้รับการยกย่องอย่างสูง เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หลายมลรัฐในอินเดียห้ามการฆ่าวัวอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะในรัฐบาลโมดีได้เข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้นอีก แต่นั่นก็ทำให้เกิดปัญหาด้วยเช่นกัน เพราะเหตุที่ห้ามฆ่าวัว เกษตรกรเลี้ยงวัวจึงจงใจปล่อยวัวที่ไม่สามารถให้ผลิตผลได้แล้ว ทำให้มีวัวจรจัดอยู่ทั่วอินเดียมากมายมหาศาลนับล้านตัว

วันนี้การเมืองเรื่องเนื้อวัวหรือ beef politics ก็เป็นประเด็นสำคัญ เพราะกลุ่มฮินดูสุดโต่งไม่เห็นด้วยที่จะมีการบริโภคเนื้อวัว บางกลุ่มก็ใช้ความรุนแรงกับคนกินเนื้อวัว ทั้งที่ชาวทลิต คริสต์ มุสลิมก็กินเนื้อวัวมาตลอด แท้จริงแล้ว ในอดีตศาสนาฮินดูก็มิได้ต้องห้ามการกินเนื้อวัว คัมภีร์บางเล่มให้เสิร์ฟเนื้อวัวได้โดยเฉพาะเมื่อมีแขกมาเยือน

ความเชื่อในศาสนาฮินดูที่แพร่กระจายในอนุทวีปอินเดียได้ทำให้ศาสนาฮินดูมีความหลากหลายมาก และไม่ง่ายต่อการเหมารวมเลย ตัวอย่างสำคัญคงหนีไม่พ้นการบริโภคเนื้อวัวของชาวเกรฬะ (Kerala) ในบางพื้นที่ของมลรัฐนี้ ชาวฮินดู มุสลิม หรือคริสต์อาจจะนั่งโต๊ะเดียวกันทานผัดเนื้อวัวตามร้านข้างถนน

รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย