เพลง Udein Jab Jab Zulfen Teri
เพลงประกอบภาพยนตร์ Naya Daur (ยุคใหม่) ฉายในปี 1957 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งกำกับและผลิตโดย B.R. Chopra ดารานำคือ Dilip Kumar และ Vyjayantimala เพลงนี้ขับร้องโดย Asha Bhosle และ Mohammad Rafi
เพลง Udein Jab Jab Zulfen Teri
เพลงประกอบภาพยนตร์ Naya Daur (ยุคใหม่) ฉายในปี 1957 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งกำกับและผลิตโดย B.R. Chopra ดารานำคือ Dilip Kumar และ Vyjayantimala เพลงนี้ขับร้องโดย Asha Bhosle และ Mohammad Rafi
วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ทิลิป กุมาร (Dilip Kumar) เสียชีวิต สิริอายุ 99 ปี เขาคือตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์อินเดีย
• ทิลิป กุมาร เกิดในเปชาวาร์ (Peshawar) เดือนธันวาคม ปี 1922 ปัจจุบันหลังจากการแบ่งแยกประเทศออกเป็นอินเดียกับปากีสถานในปี 1947 เปชาวาร์ตั้งอยู่ในพรมแดนปากีสถาน
• พ่อของทิลิป กุมาร ขายผลไม้ ตัวทิลิป กุมาร ไม่เคยได้รับการศึกษาหรือการฝึกฝนอย่างเป็นทางการในด้านการแสดง
• เทวิกา รานี สตรีผู้เป็นที่นับหน้าถือตามากที่สุดแห่งบอมเบย์ทอล์กกี้สตูดิโอ และเป็นนักแสดงผู้มีชื่อเสียงเองด้วย ได้พาทิลิป กุมาร เข้าสู่วงการ และตั้งชื่อในวงการแสดงให้เขา พร้อมกันนั้นก็ได้มอบบทบาทการแสดงให้เขาในภาพยนตร์เรื่อง Jwaar Bhata (1944)
นี่คือช่วงเวลาเดียวกันที่มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brondo) กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อก้าวสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด เด็กปาทานขี้อายจากเปชาวาร์ ชื่อยุซุฟ ข่าน (Yusuf Khan) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นทิลิป กุมาร ก็กำลังฝึกฝนศิลปะการแสดงด้วยเทคนิค Method Acting เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเองในวงการภาพยนตร์บอลลีวูด
[ เทคนิค Method Acting คือเทคนิคการฝึกซ้อมโดยสมมติตนเองเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เพื่อดึงอารมณ์เบื้องลึกออกมาได้สมจริงมากที่สุด เทคนิคนี้ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะการละครปาร์ซี ]
• บทบาทครั้งสำคัญของทิลิป กุมาร มาในภาพยนตร์เรื่องที่สามของเขาที่มีชื่อ Milan (1946) สร้างขึ้นจากนวนิยายเรื่อง Nauka Dubi ของรพินทรนาถ ฐากูร (Rabindranath Tagore) นักเขียนคนสำคัญระดับปูชนียบุคคลของอินเดีย
• ในช่วงเวลานี้เองที่ทิลิป กุมาร ได้รับอิทธิพลจากผู้ผลิตภาพยนตร์ชื่อนิติน โบส ผู้ซึ่งทิลิป กุมารได้บอกใครต่อใครว่าเป็นผู้สอนแก่นแห่งการแสดงให้แก่เขา นั่นคือ การสื่ออารมณ์ออกมาได้โดยปราศจากการพูดจา
• แม้ทิลิป กุมารจะเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักแสดงสไตล์ Method Actor ทว่าเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนจากสำนักหรือโรงเรียนใดๆ อย่างเป็นทางการ เขาหลอมตัวตนของเขาลงไปในทุกบทบาทที่เขาแสดงเลยทีเดียว
• เขาเปิดตัวครั้งแรกในปี 1944 ภาพยนตร์เรื่อง Jwaar Bhata แต่ที่ทำให้เขาโด่งดังคือ ภาพยนตร์เรื่อง Andaz ฉายในปี 1949
• หลังจากนั้นอีกหลายเรื่องที่เขาแสดงกลายเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังมาก เช่น Mughal-e-Azam (1960), Ganga Jamna (1961), Devdas (1955) และ Naya Daur ที่ช่วงต้นรายการเราเปิดเพลงท่อนแรกให้ผู้ฟังได้ลิ้มรสดนตรีอันไพเราะจับใจ
บางคนพูดว่า ทิลิป กุมาร คือ 1 ใน 5 นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย บ้างกล่าวว่า มีนักแสดงที่โด่งดังมากมาย แต่ไม่มีใครเป็นนักแสดงได้ดีกว่าทิลิป กุมาร หนึ่งในบุคคลที่กล่าวเช่นนั้นคือ ลอร์ด เมฆนาถ เดสาอี (Lord Meghnad Desai) ผู้ทำวิจัยเรื่อง Nehru’s Hero: Dilip Kumar in the Life of India ตีพิมพ์ในปี 2005
• ทิลิป กุมารมีความสามารถรอบด้าน ทั้งเชิงกว้าง เชิงลึก และเชิงบูรณาการ จนเทียบได้กับดาราฮอลลีวูดผู้ยิ่งใหญ่อย่าง มาร์ลอน แบรนโด ดาราญี่ปุ่นอย่าง มิฟุเนะ โทะชิโร่ (Mifune Toshiro) หรือดาราอิตาเลียนผู้เป็นตำนานอย่าง มาร์เซลโล มาสโตรยานนี (Marcello Mastroianni)
• ทิลิป กุมารไม่เป็นที่รู้จักมากนักในต่างประเทศ เพราะเขาไม่เคยแสดงภาพยนตร์ที่พูดภาษาอังกฤษ แต่เขาเป็นที่ยอมรับอย่างไร้ข้อโต้แย้งในฐานะนักแสดงผู้สร้างแบบอย่างให้ดาราภาพยนตร์รุ่นต่อๆ มา หลายคนยังเจริญรอยตามเขาตราบจนทุกวันนี้
• หลังจากช่วงแรกๆ ที่เขารับบทโศกติดต่อกัน ซึ่งนิยมกันมากในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ทิลิป กุมารก็มีอาการหดหู่ซึมเศร้ารุนแรง ถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์ในลอนดอน จิตแพทย์ผู้นั้นแนะนำให้เขาทำตัวร่าเริงขึ้น และเลือกรับบทที่มีความสุขกว่านั้นเสียบ้าง
ราช กาปูร์ (Raj Kapoor) และเทพ อานันท์ (Dev Anand) เพื่อนร่วมอาชีพและนักแสดงผู้เป็นมากกว่าคู่แข่งร่วมสมัย เคยให้ความเห็นว่าทิลิป กุมาร ได้สะท้อนวิวัฒนาการทางการเมืองและสังคมอินเดียผ่านภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ของเขา
บทบาทของทิลิป กุมารได้เล่าเรื่องราวของอินเดียที่ดำเนินไปเป็นลำดับ พร้อมกับการเจริญเติบโตหลังจากอินเดียได้รับเอกราช ไปสู่ความมั่งคั่ง การประสบความยากลำบาก และเผชิญความท้าทายต่างๆ นานา
• บทบาทชาวนาในเรื่อง Mela (1948) ของเขานั้นน่าอนาถา และตกเป็นฝ่ายรับแรงกดดันต่าง ๆ ภายนอก ขณะที่ปี 1957 Naya Daur ก็สะท้อนเรื่องชนบทอินเดียอย่างสำคัญ แต่ภาพยนตร์หลายเรื่องก็บ่งบอกและให้แรงบันดาลใจหนุ่มสาว ว่าพวกเขาสามารถออกไปเผชิญกับความท้าทายในโลกภายนอกได้
• ช่วงปี 1960 เขารับบทบาทโจรบ้านนอกชื่อ คงคา (Ganga) ในภาพยนตร์เรื่อง Ganga Jamna ฉายในปี 1961 ผู้ซึ่งมีเหตุผลพอเพียงที่จะแข็งข้อต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่กระนั้นก็ตาม กฎหมายคงยังต้องเป็นกฎหมาย และคงคาก็ได้รับโทษต่อการท้าทายของเขา
• บทบาทของผู้นำสหภาพแรงงานของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Paigham (1959) เป็นผู้อ่อนโยนและยึดทางสายกลาง แต่ก็มิได้เป็นเยี่ยงคนรับใช้ระบบศักดินาที่ยอมจำนนต่อผู้ว่าจ้างของเขา
• ภาพยนตร์เรื่อง Leader (1964) มีนัยทางการเมืองอย่างชัดเจนที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ที่เขาเคยแสดง สารัตถะของภาพยนตร์อุทิศให้แก่การปกป้องวิสัยทัศน์แห่งความเป็นประทศประชาธิปไตยฆราวาสนิยมอย่างสุดจิตสุดใจของยวาหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru)
• นักประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อินเดียมักจะขนานนามทิลิป กุมารว่าเป็นราชาบทโศก ด้วยบทบาทสะเทือนใจของผู้ชายผู้โดดเดี่ยวผู้หนึ่งที่สูญเสียทุกอย่างด้านความรัก แต่ทิลิป กุมาร ผู้ได้รับรางวัลฟิลม์แฟร์อะวอร์ดถึงแปดครั้งผู้นี้ก็ได้ฝากฝีไม้ลายมือในเชิงโรแมนติกไว้หลายเรื่องด้วย
• ที่ลืมไม่ได้อีกคือบทนักแสดงปฏิวัติในเรื่อง Shaheed (1948)
ทิลิป กุมารเคยได้รับอิสริยาภรณ์ ปัทมวิภูษัณ จากรัฐบาลอินเดีย ในปี 1991 รวมทั้งรางวัล ดาดาซาเฮบ ฟาลเก อะวอร์ด (Dadasaheb Phalke Award) ในปี 1994 ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบแทนคุณูปการของเขาต่อวงการภาพยนตร์
ที่น่าสนใจอีกคือประเทศปากีสถานก็ได้มอบ นิชาน เอ อิมเตียซ (Nishan-e-Imtiaz) หรืออิสริยาภรณ์สูงสุดฝ่ายพลเรือนให้แก่ทิลิป กุมาร ด้วย ทว่าก็เป็นประเด็นปัญหาในอินเดียไม่น้อยเลย และแล้วอตัล พิหารี วัชปายี (Atal Bihari Vajpayee) นายกรัฐมนตรีอินเดียและผู้นำพรรคภารตียะชนตา (ชาตินิยมฮินดู) ก็แทรกแซงปกป้องสิทธิของทิลิป กุมาร ที่รับรางวัลดังกล่าว
• ทิลิป กุมาร เป็นเจ้าของสถิติกินเนสด้วย สำหรับดาราภาพยนตร์อินเดียผู้ได้รับรางวัลมากที่สุด
• ทิลิป กุมารสมรสกับไซรา บานู (Saira Banu) ในปี 1966
• ท่านผู้ฟังอาจจะเลือกเรียนรู้เรื่องอินเดียผ่านภาพยนตร์ที่ทิลิป กุมาร ได้แสดงไว้ก็ได้
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย