คเณศจตุรถี ศรีวิฆเนศวร
2,068 views
0
0

เพลง Shree Siddhivinayak (ศรีสิทธิวินายัก)
เป็นเพลงบูชาพระพิฆเนศที่นิยมชมชอบมากในอินเดีย เช่น แหล่งออนไลน์แห่งหนึ่งที่เข้าฟังเพลงนี้ได้บอกว่า มีคนเข้าไปกดฟังแล้วมากกว่า 100 ล้านครั้ง ที่เพลงนี้โด่งดังมากคงมีหลายปัจจัย รวมถึงเนื้อร้อง ความเกี่ยวข้องกับวัดพระพิฆเนศที่โด่งดังชื่อวัดสิทธิวินายัก คณปติ และผู้ขับร้องคือดาราดังชื่อ Amitabh Bachchan ไม่ทราบว่าเพลงนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่น่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ฉลองเทศกาลคเณศจตุรถี

หลายคนอาจงงว่า Amitabh Bachchan ร้องเพลงด้วยหรือ คำตอบคือใช่ครับ เคยร้องเพลงประกอบประกอบภาพยนตร์อยู่บ้าง ไว้มีโอกาสค่อยพูดถึง Amitabh Bachchan อย่างละเอียด วันนี้เราต้องการพูดถึงเทศกาลคเณศจตุรถี ปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10-21 กันยายน 2564

ชื่อหัวข้อรายการวันนี้มาจากชื่องานที่เราจัดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2555 ในวันนั้นนอกจากเราได้เชิญพราหมณ์มาประกอบพิธีแล้ว ยังอธิบายทุกขั้นตอนของพิธีกรรมอย่างละเอียดด้วย วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพจ "ภารัต-สยาม" ที่เราจัดทำขึ้น คุณณัฐกับผมก็ได้เขียนความเรียงเรื่อง "พระคเณศกับคเณศจตุรถี" ลงไว้ ปรากฏว่า เป็นที่นิยมชมชอบของหลายคน มีกดไลค์กดเลิฟรวมกันมากกว่า 500 คน วันนี้จึงขอใช้โอกาสนี้สกัดสารัตถะจากความเรียงดังกล่าวมานำเสนอในรายการปกิณกะอินเดีย

พระคเณศ

พระคเณศเป็นเทพที่ผู้คนบูชาทั่วโลก ทั้งในหมู่ชาวฮินดูและผู้ที่มิได้เรียกขานตนเองเป็นชาวฮินดู ทรงเป็นที่นับถือในฐานะอันหลากหลาย ทั้งเทพแห่งศาสตร์ศิลป์ ภูมิปัญญา การนิพนธ์ การเดินทาง พาณิชยกรรม ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภ

พระคเณศทรงเป็นที่รู้จักใน 108 พระนาม ในบรรดาพระนามเหล่านี้ “คณปติ” และ “วินายกะ” เป็นพระนามที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชาวอินเดีย พระนามว่า คเณศ มีความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่ในคณะ พระนามว่า คณปติ มีความหมายว่า นายแห่งคณะ และพระนามว่า วินายกะ มีความหมายว่า ผู้นำ หรือผู้ทำลายอุปสรรค

ชาวไทยจะนิยมใช้พระนาม “พิฆเนศ” หมายถึงผู้เป็นเจ้าเหนืออุปสรรค มากกว่าพระนามอื่น พระคเณศทรงมีความสำคัญในด้านพิธีกรรมทางศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งชาวฮินดูและมิใช่ฮินดูจำนวนมากจะเริ่มต้นพิธีกรรมต่าง ๆ ด้วยการบูชาพระคเณศก่อนเสมอ จึงเป็นเหตุให้ผู้คนนับถือพระคเณศในฐานะเทพแห่งการเริ่มต้นสิ่งต่าง ๆ ด้วย

กำเนิดพระคเณศ

มีอย่างน้อยสองตำนาน ที่ต้องใช้คำว่า “อย่างน้อยสองตำนาน” เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่าศาสนาฮินดูนั้นสลับซับซ้อนมาก เรียกว่าเป็นศาสนาที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะรวบรวมระบบปรัชญา ความเชื่อ และพิธีกรรมอันมากมายหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มิใช่ว่าจะซับซ้อนจนเรียนรู้ไม่ได้

เกี่ยวกับเรื่องศาสนาฮินดู พวกเราชาวไทยอาจจะคุ้นเคยกับเทพ “ตรีมูรติ” อันหมายถึง พระพรหม (เทพผู้สร้าง) พระวิษณุหรือพระนารายณ์ (เทพผู้รักษา) และพระศิวะหรือพระอิศวร (เทพผู้ทำลาย) แต่สำหรับชาวฮินดูจำนวนมากแล้ว ในทางปฏิบัติ แนวคิด “ศักติ” จะมาก่อนสิ่งอื่นใด

คำว่า “ศาสนาฮินดู” ก็เป็นคำค่อนข้างใหม่ที่บรรดานักเขียนชาวอังกฤษเพิ่งนำมาใช้เมื่อประมาณต้นศตวรรษที่ 19 ด้วยซ้ำ โดยแก่นแล้วศาสนาฮินดูกล่าวถึงขนบคัมภีร์และข้อปฏิบัติที่สั่งสมกันมายาวนาน ซึ่งบางบทบางข้อก็สืบย้อนขึ้นไปได้ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล หรืออาจจะนานกว่านั้นอีก และหากอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งเก่าแก่ถึง 2000-3000 ปีก่อนคริสตกาลนับว่าเป็นปฐมบทแห่งบรรดาขนบเหล่านี้ตามที่นักวิชาการบางคนถือแล้วไซร้ ก็เป็นอันไร้ข้อสงสัยว่าศาสนาฮินดูต้องเป็นศาสนาเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงสืบทอดอยู่อย่างแน่นอน

เรื่องกำเนิดพระคเณศสองตำนาน ตำนานที่แพร่หลายที่สุดเริ่มต้นดังนี้ว่า กาลครั้งหนึ่งพระแม่ปารวตีใคร่จะสรงน้ำ ทรงนึกหาผู้มาคอยขวางพระศิวะผู้สวามี ผู้ชอบโผล่เข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสมอ ระหว่างสรงน้ำ พระนางจึงทรงใช้ธุลีดินที่ขัดถูออกมาจากพระวรกายปั้นขึ้นมาเป็นกุมารน้อยองค์หนึ่ง คือพระคเณศ แล้วเสกให้มีชีวิตขึ้น โปรดให้คอยเฝ้าทวารยามพระนางสรงน้ำ ครั้นเมื่อกุมารคเณศขัดขวางไม่ให้พระศิวะเข้าไป พระศิวะจึงทรงตัดเศียรกุมารทิ้ง (หรือบ้างก็ว่าทรงใช้บริวารคนหนึ่งตัด) พระแม่ปารวตีพิโรธมาก พระศิวะจึงทรงสัญญาว่าจะชุบพระคเณศขึ้นใหม่ ทรงให้บรรดาเทพไปตามหาศพที่หันหัวไปทางทิศเหนือ ก็ได้แต่หัวช้างตัวหนึ่ง พระศิวะจึงต่อหัวช้างเข้ากับร่างกุมารนั้น และชุบชีวิตขึ้นมาใหม่

ส่วนอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า พระศิวะและพระแม่ปารวตีได้เนรมิตพระคเณศขึ้นตามคำทูลขอของทวยเทพ เพื่อให้เป็นองค์วิฆนกรรตา (ผู้สร้างอุปสรรค) ในเส้นทางแห่งเหล่ารากษส (ยักษ์ร้าย) และองค์วิฆนหรรตา (ผู้ผลาญอุปสรรค) คอยช่วยเหลือทวยเทพ

แล้วคเณศจตุรถีนั้นเป็นไฉน

คเณศจตุรถีหรือที่ในศาสนาฮินดูรู้จักอีกนามว่า วินายกจตุรถี คือเทศกาล 10 วันเพื่อฉลองวันประสูติของพระคเณศนั่นเอง เริ่มในวันขึ้น 4 ค่ำ (จตุรถี) แห่งเดือนภัทรบทอันเป็นเดือนหกแห่งปฏิทินฮินดู (ตกช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน)

เมื่อเริ่มต้นเทศกาล ผู้คนจะนำเทวรูปพระคเณศมาประดิษฐานบนเวทียกพื้นภายในบ้าน หรือซุ้มที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามนอกบ้าน การบูชาจะเริ่มด้วยพิธี “ปราณประติษฐา” เพื่ออัญเชิญปราณลงประทับในเทวรูป ตามด้วยพิธี “โษฑโศปจาร” (ไทยเรียกโสฬสอุปจาร) คือการบูชา 16 ขั้นตอน

พราหมณ์จะสาธยายมนตร์จากคัมภีร์ศาสนา เช่นบทจากคเณศอุปนิษัท เป็นต้น ระหว่างนั้นจะเจิมเทวรูปด้วยผงจันทน์แดงและบูชาด้วยดอกไม้สีเหลืองสีแดง ถวายมะพร้าว งบน้ำอ้อย และขนมโมทกะ (ขนมต้มไส้หวาน) 21 ลูก เหล่านี้เชื่อกันว่าเป็นอาหารที่พระคเณศโปรดปราน

เมื่อจบพิธีหลังจากบูชามาตลอด 10 วัน หรือบางกลุ่มอาจจัดพิธีบูชาน้อยกว่า 10 วัน ก็จะแห่เทวรูปไปยังแม่น้ำใกล้ ๆ ด้วยขบวนแห่อันอลังการ มีประโคมฆ้องกลอง ร้องเพลงสรรเสริญ และเต้นรำอย่างครึกครื้น จากนั้นก็จะลอยองค์เทวรูปนั้นไป อันเป็นสัญลักษณ์ถึงการส่งเสด็จหวนคืนสู่เขาไกรลาส ที่ประทับแห่งพระศิวะกับพระแม่ปารวตี พระบิดาและพระมารดา

ผู้ริเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลคเณศจตุรถี

ผู้ริเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลคเณศจตุรถีเป็นการทั่วไปในหมู่สาธารณชน คือกษัตริย์แคว้นมราฐาพระนามว่าศิวายี (ค.ศ. 1630 – 80) กษัตริย์ผู้นี้ทรงสนับสนุนความรู้สึกสำนึกคิดชาตินิยมในหมู่พสกนิกร ผู้ซึ่งกำลังต่อต้านจักรวรรดิโมกุล

ใน ค.ศ. 1893 เทศกาลนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่โดยผู้นำชาตินิยมอินเดีย บัล คงคาธาร ติลัก (ค.ศ. 1856 – 1920) ซึ่งเป็นที่รู้จักในอีกนามว่า “โลกมานยะ” (ผู้นำที่ประชาชนยอมรับ)

ทั้งองค์ศิวายีและโลกมานยะต่างก็เป็นประชากรของพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ามลรัฐมหาราษฏระ เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เหตุใดเทศกาลคเณศจตุรถีในมุมไบ เมืองหลวงของมหาราษฏระ จึงเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุด ปัจจุบันนอกจากมลรัฐมหาราษฏระแล้ว มลรัฐกรรณาฏกะ คุชราต โอฑิศา กัว เบงกอลตะวันตก ฉัตติสครหะ และอุตตรประเทศ ก็เฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าวเป็นการสาธารณะเช่นกัน
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย