110 ปี คีตาญชลีของรพินทรนาถ ฐากูร
2,431 views
0
0
"ตอนที่ 1"

เพลง Stories By Rabindranath Tagore
เพลงประกอบ Stories By Rabindranath Tagore ฉายเป็นตอน ๆ ทาง Netflix
.
ก่อนอื่นใดขอแสดงความเสียใจกับแอนชิลี สก๊อต-เคมมิสที่ไปไม่ถึงฝัน เราขอส่งกำลังใจให้เธอ ขอให้เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอื่น ๆ พร้อมกันนี้เราขอแสดงความยินดีกับหัรนาซ สันธู (Harnaaz Sandhu) หรือออกตามเสียงก็คือ ฮัรนาซ ซันดู ชาวอินเดียที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาลปี ค.ศ. 2021

รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม

เมื่อไม่นานมานี้ทางคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้จัดงานออนไลน์ เกี่ยวกับผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม หนึ่งในนั้นคือ รพินทรนาถ ฐากูร (Rabindranath Tagore) จริง ๆ แล้ว ถ้าจะเรียกฉายาที่ท่านได้รับด้วยก็คือ Gurudev หรือครุเทพ ฉายานี้ถ้าจำไม่ผิด มหาตมาคานธีน่าจะเป็นคนแรกที่นำมาใช้เรียกท่าน

งานของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่ว่านี้ ทำให้เราต้องเชิญวิทยากรขาประจำของเรามาร่วมรายการด้วย เพราะวิทยากรคนนี้เป็นผู้นำเสนอเกี่ยวกับรพินทรนาถ ฐากูร และผลงานประพันธ์ชิ้นสำคัญของท่านชื่อ "คีตาญชลี" ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ฐากูรได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม และกลายเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล

วิทยากรคือ อ.กิตติพงศ์ บุญเกิด สาขาวิชาภาษาเอเชียใต้ ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญภาษาฮินดีและวัฒนธรรมอินเดีย

รพินทรนาถ ฐากูร

กวีรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อ ค.ศ. 1913

เกิดวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1861 ถึงแก่กรรมวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1941

ฐากูรเป็นชาวเมืองโกลกาตา แคว้นเบงกอล มีชีวิตอยู่ในสมัยบริติชอินเดีย กำเนิดในตระกูลพราหมณ์ เป็นบุตรของ เทเพนทรนาถ ฐากูร คหบดีผู้มั่งคั่งและใฝ่ธรรม เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง พรหโมสมาช องค์กรปฏิรูปสังคมวัฒนธรรมฮินดูในปี ค.ศ. 1828 ร่วมกับ ราชา รามโมหัน รอย

Rabindranath Tagore | ภาพ: https://www.nobelprize.org/
ฐากูรเป็นผู้มีความสามารถอย่างโดดเด่นในหลายด้าน

เป็นกวี นักเขียนนวนิยาย นักเขียนเรื่องสั้น นักประพันธ์บทละคร นักประพันธ์เพลง จิตรกร

เขียนเรื่องสั้น “ภิขาริณี” เป็นเรื่องแรกเมื่ออายุ 16 ปี แต่งบทละคร “อัจฉริยภาพของวาลมีกิ” เป็นเรื่องแรกเมื่ออายุ 20 ปี แต่งเพลงมากกว่า 2,000 เพลง ผู้ให้กำเนิดแนวดนตรี “รพินทรสังคีต” แต่งเพลงชาติอินเดีย และบังคลาเทศ ผลงานประพันธ์หนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองมีไม่น้อยกว่า 300,000 บรรทัด ฐากูรเริ่มวาดภาพเมื่ออายุ 70 และในเวลาเพียงสิบกว่าปีนั้นได้วาดไปกว่า 3,000 ภาพ

เป็นนักปรัชญา นักปฏิรูปสังคม นักการศึกษา และเป็นครู

ฐากูรก่อตั้งโรงเรียนบนที่ดินของตระกูล ณ ศานตินิเกตัน อันมีความหมายว่า “สถานที่แห่งความสงบ” เมื่อปี ค.ศ. 1901 ด้วยแนวคิดอาศรมโบราณ เพื่อให้มนุษย์กับธรรมชาติ มนุษย์กับเพื่อนมนุษย์ มนุษย์กับสัจธรรม อยู่ร่วมกันอย่างมีเอกภาพ กลมกลืนเกื้อหนุนกันต่อมาพัฒนาไปเป็นมหาวิทยาลัยวิศวภารตี อันมีความหมายว่า “สถานที่อันเป็นที่พักพิงแห่งโลก” มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาอักษรศาสตร์ให้แก่ฐากูร เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1940 โดยแต่งตั้งคณะผู้แทนนำมามอบให้ถึงที่อินเดีย อันเป็นการกระทำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย

"คีตาญชลี" สะท้อนจิตวิญญาณและปรัชญาอินเดียอย่างไร

ขอจำแนกบทกวีเป็นกลุ่มบทโดยสังเขปดังนี้

บทกวีที่ 1 สะท้อนแนวคิดเรื่องการวัฏจักรแห่งชีวิต การเวียนว่ายตายเกิดในปรัชญาอุปนิษัท

"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ประทานชีวิตให้แก่ข้าน้อยชีวิตแล้วชีวิตเล่า นี่คือความพอพระทัยของพระองค์ นาวาลำน้อยแห่งร่างของข้านี้ พระองค์ได้ทรงวิดน้ำให้แห้งเหือด แล้วก็ทรงหลั่งสายธารแห่งชีวิตใหม่ลงให้เต็มเปี่ยมอีกครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นอยู่เช่นนี้ชั่วนิจนิรันดร ขลุ่ยไม้อ้อเลาน้อยนี้ พระองค์ได้ทรงนำข้ามหุบผาห้วยเหว และโขดเขา ไปพร้อมพระวรกายทั่วทุกแห่งหน พระองค์ทรงเนรมิตบทเพลงอันไพเราะเพราะพริ้ง ให้เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอเป็นอนันต์ด้วยขลุ่ยเลานี้ เมื่อได้รับทิพย์สัมผัสอันเป็นอมตะจากฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ จิตใจของข้าน้อยก็ลิงโลดและท่วมท้นไปด้วยแรงแห่งปีติแล้วเปล่งอุทานวาจาอันไม่สามารถจะเลือนรางจางหายไปได้ ด้วยมือน้อย ๆ ทั้งคู่นี้ ข้าพระบาทขอน้อมรับพรอันหาขอบเขตมิได้จากพระองค์ แม้กาลเวลาจะล่วงพ้นผ่านไปแล้ว พระองค์ก็ยังคงประทานพรนี้อยู่โดยไม่เลิกละ และยิ่งประทาน ก็ยิ่งมีผู้แบมือรับมากขึ้น ฯ"

บทกวีที่ 2 สะท้อนแนวคิดสัขยะภักติ อันแพร่หลายอยู่ในวรรณกรรมยุคกลางสายกฤษณภักติ สาขาหนึ่งของไวษณพนิกาย เน้นการบูชาพระผู้เป็นเจ้าในรูปของพระกฤษณะ ผู้เป็นมิตรสหายของภักตชน

"เมื่อพระองค์รับสั่งให้ข้าน้อยนี้ขับเพลงถวาย ดวงจิตของข้าน้อยก็เบ่งบานแทบว่าจะปริออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ข้าเฝ้ามองดูพระพักตร์ของพระองค์ พลันนัยน์ตาทั้งคู่ของข้าน้อยก็เปี่ยมไปด้วยอัสสุชล บรรดาสรรพสิ่งอันเป็นความขมขื่นไม่รื่นราบในชีวิตของข้าน้อย ต่างก็ประสานประสมกลมเกลียวเป็นสายเดียวกันได้ อย่างน่าอภิรมย์ ศรัทธาปสาทะของข้าน้อยได้บังเกิดและไหวตัวขึ้นมาแล้วดุจเดียวกับสกุณาที่แผ่หางกางปีกเผยอบิน ระเริงลมข้ามท้องทะเลไปด้วยความลิงโลดใจ ข้าน้อยรู้ดีว่าเพลงของข้าน้อยนี้เป็นที่พอพระทัยแก่พระองค์ และข้าน้อยก็รู้ดีว่า ในร่างของนักขับเพลงเท่านั้นแหละ ที่ข้าน้อยจะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์โดยใกล้ชิดได้ ข้าน้อยได้สัมผัสพระบาทของพระองค์ด้วยปลายปีกอันแผ่ไพศาลแห่งบทเพลงของข้าน้อย พระยุคลบาทคู่นี้ ข้าน้อยมิได้เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้แตะต้อง ความมึนเมาอันเกิดจากความระเริงสุขในการขับเพลงทำให้ข้าน้อยนี้ลืมตัว บังอาจเรียกพระองค์ผู้เป็นนายว่าเพื่อน ฯ"

สรุปบทกวีที่ 1 และ 2 โดยสังเขป

บทกวีที่ 1 สะท้อนแนวคิดเรื่องวัฏจักรแห่งชีวิต การเวียนว่ายตายเกิดในปรัชญาอุปนิษัท
บทกวีที่ 2 สะท้อนแนวคิดสัขยะภักติ

หลังจากฟัง อ. เก่ง ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า แท้จริงแล้วที่หลายคนมักกล่าวกันว่า ฐากูรมีความคิดแบบตะวันตกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง เรายังมีเนื้อหาสาระอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการยกบทกวีมาอธิบายเพิ่มเติม หรือเรื่องจาก คีตาญชลี สู่การสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างไทย-อินเดีย
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย