แด่ ลตา มังเคศการ์ ด้วยอาลัยยิ่ง
807 views
0
0

เพลง Meri Awaaz Hi Pehchaan Hai
เป็นเพลงที่ดัดแปลงมาจากเพลงประกอบภาพยนตร์ Kinara ชื่อเพลงมีความหมายว่า รู้จักหรือจดจำที่เสียงของฉัน

ลตา มังเคศการ์

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ลตา มังเคศการ์ ได้อำลาจากโลกไปแล้ว ชาวอินเดียหลายคนเรียกวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า Black Sunday นอกจากในอินเดียแล้ว สำนักข่าวโลกอื่น ๆ ก็รายงานข่าวเรื่องนี้ด้วย

ผมได้เขียนความเรียงลงในเฟซบุ๊กวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เพื่อไว้อาลัยแด่เธอ โดยตั้งชื่อความเรียงนี้ว่า “แด่ ลตา มังเคศการ์ ด้วยอาลัยยิ่ง” วันนี้ก็จะนำเนื้อหาบางส่วนจากความเรียงนี้มาใช้ในรายการวันนี้ด้วย แต่ที่จะแตกต่างก็จะเป็นการเปิดเพลงที่ขับร้องโดยคุณลตา เปิดแบบสั้น ๆ เพื่อให้ผู้ฟังได้มีโอกาสลิ้มรสของเสียงที่ผมเรียกว่าสุดยอดที่สุดแห่งโลกด้วย

ชีวประวัติของลตา มังเคศการ์

เธอเกิดวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1929 สมัยที่อังกฤษครองอินเดียอยู่ ชื่อเดิมของเธอคือ เหมา (Hema) เปลี่ยนเป็นลตาในภายหลัง บ้านเกิดของเธอคืออินดอร์ (Indore) ปัจจุบันอยู่ในรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) บิดามารดาของคุณลตาคือบัณฑิต ทีนานาถ มังเคศการ์ (Pandit Deenanath Mangeshkar) และเศวันตี (Shevanti) ทั้งคู่มีลูก 5 คน คุณลตาเป็นพี่คนโต น้องทั้งสี่ประสบความสำเร็จด้านดนตรีในระดับแตกต่างกัน น้องสาวที่ชื่อว่า อาศา โภสเล (Asha Bhosle) (ใช้นามสกุลตามสามี) ก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

ที่ทั้ง 5 คนช่ำชองดนตรีก็เพราะครอบครัวมังเคศการ์เป็นครอบครัวแห่งดนตรี

พ่อทีนานาถเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านดนตรีคลาสสิกอินเดีย คุณลตาได้รับการฝึกฝนด้านดนตรีตั้งแต่วัย 5 ขวบโดยคุณพ่อทีนานาถ ซึ่งเป็นสานุศิษย์ของควาลิยัร ฆรานา (Gwalior Gharana) หนึ่งในขยาล ฆรานา (Khyal Gharana) อันเก่าแก่ที่สุดในดนตรีอินเดียคลาสสิก พ่อคือผู้สร้างวัฒนธรรมดนตรีให้ครอบครัว แต่เมื่อพ่อถึงแก่กรรมก่อนวัย เพื่อนของพ่อชื่อวินายัก ทาโมทร กรรนาฏกี (Vinayak Damodar Karnataki) จึงเข้ามาดูแลครอบครัวมังเคศการ์แทน วินายักนอกจากจะเป็นผู้มีความรู้ด้านดนตรีแล้ว ยังเป็นผู้กำกับและผู้ผลิตภาพยนตร์ด้วย และแล้วเขาก็ให้โอกาสคุณลตาวัย 16 ปีในภาพยนตร์ชื่อ “Badi Maa” (แม่ใหญ่) ฉายในปี ค.ศ. 1945 ต่อมาอีกพักหนึ่งคุณลตาก็ย้ายไปอยู่บอมเบย์ (ปัจจุบันคือมุมไบ) เป็นการถาวร

เสียงของลตา

ในช่วงเวลาหนึ่งคุณลตาได้ศึกษาดนตรีกับปรมาจารย์หลายคน รวมถึง อุสตาด อะมาน อะลี ข่าน (Ustad Aman Ali Khan) และอุสตาด อมานัต ข่าน (Ustad Amanat Khan) ครูด้านฮินดูสตานีมิวสิคที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ชีวิตของคุณลตาในช่วงเริ่มแรกเป็นไปอย่างยากลำบาก ยิ่งเป็นลูกคนโตก็รู้สึกกดดันมาก เพราะภาระการดูแลครอบครัวต้องตกอยู่กับเธอ แต่หลังจากที่เธอได้รับโอกาสร้องเพลง “Uthaye Ja Unke Sitam” (จงแบกรับความโหดร้ายของเขา) สำหรับภาพยนตร์ “Andaz” ที่ฉายในปี ค.ศ. 1949 แล้ว ชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไป

อีกไม่นานนักเธอก็ได้ขับร้องดนตรีกับผู้กำกับเพลง/ผู้ประพันธ์เพลงที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน เช่น นอชาด อะลี (Naushad Ali) มทัน โมหัน โกห์ลี (Madan Mohan Kohli) สจิน เทพ พรมัน (Sachin Dev Burman) ราหุล เทพ พรมัน (Rahul Dev Burman) และอีก 2 คนที่มักจะแต่งเพลงร่วมกันคือลักษมีกานต์-ปยาเรลาล (Laxmikant-Pyarelal)

ผู้กำกับเพลงและผู้ประพันธ์เพลงหลายคนเริ่มมองออกแล้วว่า คุณลตาน่าจะเป็นผู้ได้รับพรอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดจากพระแม่สรัสวตี เพราะคุณลตามีน้ำเสียงอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร และมีช่วงเสียงที่กว้างถึงกว่าสามออคเทฟ หลายคนเลยประพันธ์เนื้อร้องและสร้างสรรค์ดนตรีอย่างไม่ยั้งมือ บ้างก็เน้นใช้ประโยชน์จากความสามารถของเสียงโซปราโนอันมีช่วงกว้างของเธอโดยเฉพาะ และอีกไม่นานนักเธอก็กลายเป็นนักร้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อินเดีย

เพลงของลตา

คุณลตาขับร้องหลายเพลงได้อย่างมหัศจรรย์ยิ่ง หนึ่งในนั้นคือ “Aaj Phir Jine Ki Tamana Hai” คือนอกจากเสียงสดใสสอดคล้องกับความรู้สึกสุขีปรีดิ์เปรมจนแทบไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ดังบทของวฮีดา เราะห์มาน (Waheeda Rehman) ในภาพยนตร์แล้ว เนื้อร้องที่แลดูจะย้อนแย้ง (เพราะผู้แต่งคำร้องน่าจะต้องการสื่อว่าความรู้สึกอันย้อนแย้งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์) ก็ยังสำแดงออกมาด้วยเสียงและจังหวะเสียงที่ไม่บิดเบือนเจตนาของผู้ประพันธ์เนื้อเพลง ไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกผิดธรรมชาติแต่อย่างใด

นอกจากเพลงนี้แล้ว คุณลตาก็ยังได้ขับร้องเพลงที่ท้าทายแบบอารมณ์ผสมผสานไว้อีกหลายเพลง รวมถึง “Yeh Galiyan Yeh Chaubara Yahan Aana Na Dobara” (เส้นทางเหล่านี้ จะไม่มาอีกแล้ว) ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ “Prem Rog” ที่ฉายในปี ค.ศ. 1982

เสียงของคุณลตาฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมครัวเรือนของชาวอินเดียจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะเธอมีทักษะในการขับร้องด้วยเสียงอันหลายหลากน่ามหัศจรรย์ยิ่ง

ฉะนั้นแล้ว เพลงสำหรับเด็กก็ต้องใช้เสียงของเธออีก ไม่ว่าจะเพลง “Ichak Dana Bichak Dana” (เมล็ดเล็ก ๆ หนึ่งเมล็ด เมล็ดเล็ก ๆ สองเมล็ด) หรือเพลง “Chal Mere Ghode Tik Tik Tik” (ไปได้แล้วม้าของฉัน ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก) ซึ่งทั้งสองเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ “Shree 420” และ “Chirag Kahan Roshni Kahan” ฉายในปี ค.ศ. 1955 และ 1959 ตามลำดับ ล้วนเป็นเพลงที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอานิยมขับร้องเป็นเพื่อนเล่นกับลูกหลานอย่างสนุกสนาน

แม้สภาพสังคม-เศรษฐกิจอินเดียได้เปลี่ยนแปลงไปจากทศวรรษ 1950 อย่างมากมาย ทว่าทุกวันนี้คุณแม่ชาวอินเดียหลายคนไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นวรรณะใดก็ยังร้องเพลงนี้ให้ลูก ๆ ของตนฟังอยู่ ที่พบเห็นบ่อยครั้งคือ คุณแม่หลายคนพยายามเลียนเสียงของคุณลตาด้วย ราวกับว่าเสียงของเธอคือมาตรฐานเดียวอันอมตะนิรันดร์กาล

การแต่งกายของลตา

คุณลตาเคยร้องสดในงานต่าง ๆ หลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีผู้ชมแน่นขนัดทีเดียว และแทบจะทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวในที่สาธารณะ เธอมักจะแต่งกายด้วยส่าหรีสีโทนธรรมดาลวดลายเรียบง่าย ผ้าช่วงปลายของส่าหรีที่เรียกว่า “ปัลลุ” (Pallu) จะคลุมศีรษะของเธอหรือมิฉะนั้นก็วางพาดไหล่ หน้าผากของเธอมักจะแต้มจุดแดงที่เรียกว่าบินดี (Bindi) รอยยิ้มของเธอบ่งบอกถึงความจริงใจในการต้อนรับผู้คน ส่วนภาษาฮินดีหรือภาษากายที่เธอใช้ก็จะสุภาพและสละสลวยยิ่ง

ทั้งหมดทั้งมวลนี้สื่อถึงความสง่างามและความอ่อนน้อมถ่อมตนของคุณลตา

ไม่แน่ใจว่า ความนอบน้อมถ่อมตนของคุณลตาบ่งบอกอะไรได้อีก แต่อาจมองได้ว่า เวลาเธอร้องเพลงสดในงานต่าง ๆ เธอไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาเสริมให้รุงรังอีกแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนับสิบชุด ไม่จำเป็นต้องมีนักเต้นหลายสิบคนมาเต้นประกอบ ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีสีแสงเสียงอันล้ำสมัยแพงหูฉี่ เพราะทุกอย่างอยู่ที่เสียงของเธอเท่านั้น

ครูของลตา

แต่ในอีกแง่หนึ่ง เราคงละเลยขนบสำคัญของศาสนาฮินดูหรือวัฒนธรรมอินเดียไปเสียมิได้ กล่าวคือ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ชาวฮินดูควรภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ขจัดทิ้งทั้ง “อหังการ” (Ahamkara) และ “มมการ” (Mamakara)

คุณลตาเรียนดนตรีคลาสสิกอินเดียมา เธอคงทราบดีด้วยว่า เพราะบรรพบุรุษสั่งสมความรู้เรื่องศิลปะการดนตรีมายาวนาน เธอจึงมีทุกวันนี้ได้ เพราะเธอเคยมีครูที่ขจัดความมืดมัว เธอจึงมีวันนี้ได้ และเพราะมีคนเคยให้โอกาสเธอร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ เธอจึงมีทุกวันนี้ได้

เพลงรักชาติรักแผ่นดิน

เพลงรักชาติรักแผ่นดินที่ขับร้องโดยเธอก็สำคัญอย่างยิ่งยวด เพลง “Aye Mere Watan Ke Logo” (โอ้ เพื่อนร่วมชาติของฉัน) เธอร้องเพลงนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1963 ในพิธีรำลึกถึงทหารอินเดียที่เสียชีวิตในสงครามเมื่อปี ค.ศ. 1962 หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ยืนข้าง ๆ เธอคือ บัณฑิต ยวาหระลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดีย

คุณลตาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า หลังจากพิธีกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้น เนห์รูได้ขอให้เธอเข้าพบ เธอกล่าวว่า “ตอนแรกดิฉันก็รู้สึกกระวนกระวาย คิดว่าตนคงทำอะไรผิด แต่ครั้นเมื่อพบท่านบัณฑิต [เนห์รู] ดิฉันเห็นน้ำตาในดวงตาของท่าน” เธอเล่าต่อว่า นายกรัฐมนตรีบอกเธอว่า “วันนี้คุณทำให้ผมร้องไห้”

ปัจจุบันเพลง “Aye Mere Watan Ke Logo” ด้วยเสียงที่สะกดจิตใจของคุณลตาได้กลายเป็นหนึ่งในสี่เพลงที่สำคัญที่สุดสำหรับชาติอินเดีย

สามเพลงแรกคือ
1) เพลงชาติ “ชนะ คณะ มนะ” (Jana Gana Mana)
2) เพลง “วันเท มาตะรัม” (Vande Mataram)
3) เพลง “ซาเร ยะฮาน เซ อัจฉา” (Sare Jahan Se Accha แปลว่า ดีกว่าที่อื่นใดคืออินเดีย)

ลตาจากไป

วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 คุณลตาต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากประสบอาการหายใจลำบาก แม้ว่าอาการจะดีขึ้นบ้าง แต่สุขภาพของเธอโดยรวมก็ทรุดโทรมลงมาก เดือนมกราคมปีนี้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากผลตรวจโควิดเป็นบวก และวันนี้เธอได้อำลาจากโลกไปด้วยอายุ 92 ปี

แม้คุณลตาจะจากไปแล้ว แต่เสียงร้องของเธอยังก้องกังวานอยู่อย่างไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนอีกมากมาย

เวลามีใครบอกผมว่า จะมีสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาทดแทนสิ่งเก่า ผมจะไม่เชื่ออย่างเต็มใจ เพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีเสียงร้องใดเข้ามาแทนเสียงร้องของคุณลตาได้ ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่นี่คือความรู้สึกของผม ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงพยายามที่จะให้ชาวไทยได้ลิ้มรสเสียงอันมหัศจรรย์ของเธอโดยเปิดเพลงที่เธอขับร้องในรายการวิทยุปกิณกะอินเดียอยู่บ่อยครั้ง หวังว่าหากใครตั้งใจฟังเสียงของเธอ แม้จะไม่เข้าใจความหมายก็ตาม ก็อาจจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกล่าวมาได้ไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าผมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ก็จะพยายามต่อไปเท่าที่จะทำได้

ท้ายสุดนี้ เราทั้งสองขอขอบพระคุณคุณลตาสำหรับเสียงเพลงอันไพเราะจับใจที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างสำคัญยิ่ง และขอกล่าวตามขนบฮินดู ศาสนาที่คุณลตานับถือ ว่า “Aatma ko sadgati prapt ho” (ขอให้ดวงวิญญาณของเธอจงบรรลุถึงโมกษะเทอญ)”
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย