เพลง Ek Pyar Ka Nagma Hai
เพลงนี้มีชื่อเสียงมาก ต้นฉบับคือเพลงประกอบภาพยนตร์ Shor ฉายในปี ค.ศ. 1972 แต่ที่เปิดไปเมื่อกี้เป็นเวอร์ชั่นดนตรีโดยนักไวโอลินชื่อ กุชมิตา เคซี (Kushmita KC)
เพลง Ek Pyar Ka Nagma Hai
เพลงนี้มีชื่อเสียงมาก ต้นฉบับคือเพลงประกอบภาพยนตร์ Shor ฉายในปี ค.ศ. 1972 แต่ที่เปิดไปเมื่อกี้เป็นเวอร์ชั่นดนตรีโดยนักไวโอลินชื่อ กุชมิตา เคซี (Kushmita KC)
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมารัสเซียได้บุกยูเครนแล้ว ข่าวนี้เป็นที่สนใจของชาวไทยมาก รายการของเราซึ่งเกี่ยวกับอินเดียจึงขอพูดถึงการบุกนี้ส่งผลต่ออินเดียอย่างไร
ความกังวลของอินเดียมีทั้งเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงความเป็นอยู่ของชาวอินเดียในยูเครน
ตามข้อมูลที่สถานทูตอินเดียประจำยูเครน มีนักศึกษาอินเดียที่เรียนหนังสืออยู่ที่ยูเครนทั้งหมดประมาณ 18,000 คน ส่วนใหญ่ศึกษาวิศวกรรมศาสตร์และแพทยศาสตร์ ข้อมูลของกระทรวงการศึกษาและวิทยาศาสตร์ยูเครนระบุว่ามีนักศึกษาอินเดียทั้งหมด 18,095 คน คิดเป็นร้อยละ 23.64 ของนักศึกษาต่างประเทศในยูเครน
สิ่งที่รัฐบาลอินเดียพยายามทำคือให้นักศึกษาเหล่านี้ปลอดภัย โดยการออกจากประเทศยูเครนชั่วคราว ไม่ต้องรอการสื่อสารใด ๆ จากมหาวิทยาลัย
แต่ที่อินเดียอาจจะดูลังเลหรือยังสบายใจได้ก็เพราะโอเลนา ชาโปวาโลวา (Olena Shapovalova) ผู้อำนวยการ Ukrainian State Center for International Education บอกว่าสถานการณ์ยังไม่ได้ย่ำแย่มาก ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตกใจ เธอกล่าวด้วยว่า มหาวิทยาลัยในยูเครนยังเปิดตามปกติ อีกอร์ โปลิฆา (Igor Polikha) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำอินเดีย ก็กล่าวในทำนองว่ากำลังมีการเจรจาอยู่ จึงมองไม่เห็นเหตุผลเร่งด่วนที่จะอพยพนักศึกษาอินเดียออกจากประเทศ ควรเฝ้าติดตามสถานการณ์ แต่ไม่ควรตระหนกตกใจ
1) จำนวนที่เรียนแพทยศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยรัฐของอินเดียมีไม่พอกับความต้องการ ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐของอินเดียค่อนข้างถูกมาก เพราะรัฐบาลอินเดียอุดหนุน
2) ค่าเล่าเรียนหลักสูตรแพทยศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเอกชนของอินเดียมีค่าเล่าเรียนสูงมาก
3) ที่ชาวอินเดียเลือกเรียนที่ยูเครนเพราะหลักสูตรของยูเครนได้รับการรับรองโดยรัฐบาลอินเดีย การรับรองที่ว่านี้เช่น Indian Medical Council, Dental Council, European Council of Medicine and General Medical Council of the United Kingdom
อินเดียยังไม่เลิกล้มแผนการอพยพคนของตนออกจากยูเครน แต่เมื่อสนามบินปิด ก็ต้องใช้สถานทูตอินเดียในประเทศใกล้เคียงเป็นฐานเพื่ออพยพผู้คน ก็หนีไม่พ้นสถานทูตอินเดียประจำประเทศฮังการี
ข้อมูลบ่งชี้ว่าอินเดียเป็นผู้ส่งออกให้ยูเครนลำดับที่ 15 และเป็นตลาดนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรมอันดับสองของยูเครน
นี่คือตัวเลขของปี ค.ศ. 2020
บรรษัทเภสัชกรรมยักษ์ใหญ่ของอินเดีย เช่น Ranbaxy, Dr. Reddy’s Laboratories, Sun Group ฯลฯ นอกจากจะมีตัวแทนในประเทศยูเครนแล้ว พวกเขายังได้สร้าง Indian Pharmaceuticals Manufacturers’ Association (IPMA) in the country ไว้ด้วย นี่คือสิ่งที่สำคัญ เพราะจะมีความยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญมาก
อินเดียได้ดุลการค้าด้านผลิตภัณฑ์ด้านเภสัชกรรมกับยูเครน ตัวเลขที่อินเดียส่งออกไปยังยูเครนอยู่ที่ประมาณ 158.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่อินเดียนำเข้าประมาณ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กล่าวคืออินเดียได้ดุลประมาณ 154.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แต่การค้าโดยรวม อินเดียเสียดุลอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นี่สำคัญมากในการมองเชิงยุทธศาสตร์ สำคัญในเรื่องของความมุ่งมั่นที่จะทะยานขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเภสัชกรรม สำคัญในแง่ที่ว่าคนได้เรียนหนังสือโดยจ่ายค่าเล่าเรียนไม่สูงมาก
อินเดียไม่ได้ตำหนิทั้งสองประเทศ หากแต่เน้นให้ทั้งสองหันมาคุยกันโดยมุ่งเน้นใช้การทูต แน่นอนรัสเซียกับอินเดียก็มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในระดับหนึ่ง
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย