ทำไมแมคโดนัลด์ประสบความสำเร็จในอินเดีย
2,537 views
0
0

เพลงหนี้กรรม
เพลงที่ได้ฟังไปนั้นมีชื่อว่า “หนี้กรรม” เวอร์ชั่นต้นฉบับ ขับร้องโดยคุณสุมิตร สัจจเทพ และคุณยุพิน แพรทอง คำร้อง/ทำนองโดยคุณสุรินทร์ ภาคศิริ

ตัวอย่างเนื้อเพลงท่อนสำคัญๆ เช่น “อนิจจาเกิดมาเป็นมนุษย์ ดังคำพุทธะเตือนให้อาวรณ์ จนมีผู้ดีไหม้ไฟฟอน เมื่อตอนถึงวันสิ้นลมปราณ”

เนื้อเพลงต่อจากนั้นคือ “เวลามีชีวิตวายวุ่นทำบุญเป็นกุศลให้คงมั่น ดับขันธ์เราจะไปไหนกัน ขึ้นสวรรค์หรือนรกเลือกเอา”

สำหรับเนื้อเพลงภาษาฮินดูสตานีที่ปรากฏในเพลงนั้นมีว่า “Sansar ki har shey ka itana hi fasana hai. Ek dhundh se aana hai, ek dhundh mein jaana hai. Ye raah kahaan se hai, ye raah kahaan tak hai?”

ความหมายคือ “ทุกสิ่งในชีวิตล้วนแต่มีเรื่องราวเพียงนี้ เรามาจากหมอกก้อนเดียวกัน เราจะกลับไปที่หมอกก้อนเดียวกัน เส้นทางนี้มาจากไหน และเส้นทางนี้ไปทางไหน”

เหตุที่เลือกเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่ไพเราะ เนื้อหาเตือนใจเราทุกคน แต่ก็ยังมีอีกนัยหนึ่งด้วยคือความสามารถในการปรับประยุกต์ การเข้าใจความสากลและความเฉพาะเจาะจง ซึ่งก็คือใจความของรายการเราในวันนี้

จุดเริ่มต้นแมคโดนัลด์ในอินเดีย

แมคโดนัลด์เปิดร้านแรกในอินเดีย ค.ศ. 1996 และวันนี้บอกได้เลยว่าประสบความสำเร็จมากทีเดียว คงมีหลายปัจจัยที่ทำให้แมคโดนัลด์ประสบความสำเร็จ แต่ปัจจัยสำคัญที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือ ปัจจัยการปรับประยุกต์ โดยเฉพาะการปรับแต่งเมนูให้เข้ากับรสนิยมคนท้องถิ่น

ก่อนอื่นจะเล่าให้ฟังอย่างสังเขปก่อนว่า แมคโดนัลด์ในอินเดียเริ่มมาจากบุคคลผู้หนึ่งผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดนามว่า อมิต ชาติยา (Amit Jatia) ในสมัยที่เป็นวัยรุ่นเคยเดินทางไปญี่ปุ่น แต่เมื่อเข้าไปในแมคโดนัลด์ก็สั่งอะไรกินไม่ได้เลยนอกจากนมปั่น (Milkshake)

หลังจากการเจรจากันพักใหญ่ แมคโดนัลด์ก็เปิดตัวเป็นครั้งแรก ที่ตกลงกันอย่างเด่นชัดคือ ในร้านจะไม่ใช้ทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัว

หากจะให้ขยายความก็คือ การที่ไม่ใช้เนื้อวัวนั้น เพราะทราบกันดีว่าชาวฮินดูไม่รับประทานเนื้อวัว แต่ส่วนเนื้อหมู นอกจากมุสลิมจะไม่รับประทานแล้ว แม้แต่คนอินเดียทั่วไปก็ไม่มองว่าเป็นอาหาร เพราะหมูมีภาพลักษณ์ค่อนข้างสกปรก ไม่ได้เลี้ยงกันอย่างมีอนามัยเหมือนฟาร์มในบ้านเรา

การปรับเปลี่ยนของแมคโดนัลด์

วันนี้ที่เราเห็นการปรับเปลี่ยนของแมคโดนัลด์ ซึ่งทำให้แมคโดนัลด์ประสบความสำเร็จมากนั้น ใคร่แจ้งให้ผู้ฟังทราบว่า การปรับเปลี่ยนนี้ได้กลายเป็นแม่แบบสำหรับกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศด้านอาหารจำพวกฟาสต์ฟูด

เหตุที่ต้องระบุว่าเป็นธุรกิจระหว่างประเทศด้านอาหารจำพวกฟาสต์ฟูดก็เพราะ อาหารจำพวกบรรจุหีบห่อก็ทำกันมาพักหนึ่งแล้ว เช่น ในช่วงทศวรรษ 1980 เนสท์เล่ได้ออกซอสมะเขือเทศภายใต้แบรนด์แม็กกี้ที่ 'เผ็ดร้อน' บะหมี่แม็กกี้ก็ออกมาพร้อมกับซองใส่เครื่องปรุงที่หลากหลายเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคชาวอินเดียในวงกว้างแต่มีความหลากหลายสูง ที่นิยมมากคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแม็กกี้รสมะซาลา (masala) คนท้องถิ่นเองก็ปรับมาพักใหญ่แล้ว โจโจ (jojo) และ โมโม (momo) ซึ่งหมายถึงผัดหมี่และเกี๊ยวสไตล์ทิเบตที่เดิมทีใช้เนื้อสัตว์ ก็ปรับให้มีแบบมังสวิรัติด้วย

ของแมคโดนัลด์ที่ปรับเปลี่ยนแล้วขึ้นชื่อมาก เช่น
• แมคอาลู ติกกิ (McAloo Tikki) ไส้เบอร์เกอร์รสจัดที่ทำจากมันฝรั่งและถั่ว
• แมคโดนัลด์ได้รวมบัตเตอร์ชิกเก้น (butter chicken) ไว้ในเมนู ซึ่งเป็นไก่ย่างรสหวานและเผ็ดยอดนิยมเข้าไว้ในเบอร์เกอร์ด้วย
• ที่นิยมอีกคือพิซซ่าแมคพัฟ (Pizza McPuff) หน้าตาประมาณแซนวิชแบบคาลโซเน่ (calzone) สอดไส้ด้วยเครื่องต่าง ๆ และมีชีส
• ที่ชมชอบกันมากอีกคือ สไปซี่แรปคอทเทจชีส (spicy wrap cottage cheese) มายองเนส (mayonnaise) ที่ใช้ในอาหารก็เป็นแบบไม่ใส่ไข่ สำหรับเนื้อวัวกับเนื้อหมูก็ไม่มีให้ทานอย่างแน่นอน และที่บอกว่าแมคโดนัลด์ประสบความสำเร็จมากก็เพราะเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ก็เป็นที่นิยมชมชอบระดับชาติไปแล้ว

ทุกวันนี้ธุรกิจระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับฟาสต์ฟูดก็ปรับเมนูให้เข้ากับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องเพื่อแย่งชิงตลาดอินเดียซึ่งมีขนาดใหญ่มาก

ความท้าทายของธุรกิจระหว่างประเทศด้านอาหารจำพวกฟาสต์ฟูดในอินเดีย

แต่ความท้าทายมีมากกว่านั้น เพราะไม่ใช่แค่ปรับเป็น “อินเดีย” เท่านั้น อย่าลืมนะว่า คำว่าอินเดียก็ไม่ช่วยอะไรเรามาก เพราะเราต้องระลึกไว้ว่า ในอินเดียยังมีความท้องถิ่นซ้อนเข้าไปอีก

ในเกรฬะทางตอนใต้ของอินเดีย มีการบดปาปาดัม (papadam) หรือข้าวเกรียบจากถั่วแผ่นบางกรอบ ลงไปในปายาสัม (payasam) หรือพุดดิ้งข้าวหวานนั่นเอง ส่วนในเมืองมุมไบ (Mumbai) มีการโรยผงพริกบนไอศกรีมที่ทำมาจากผลไม้ฝรั่งที่เรียกว่า Apsara Ice Creams ด้วย ขนมหวานหลายแห่งต้องหวานกว่าที่เคยทำให้ชาวตะวันตกกินในยุโรป มีการเพิ่มเครื่องเทศในอาหารเค็มด้วย

นอกจากแมคโดนัลด์แล้ว เคเอฟซี (KFC) ดังกิ้น (Dunkin’) และ โดมิโน่พิซซ่า (Domino's Pizza) ก็โดดเด่นมาก เพราะปรับผลิตภัณฑ์ของตนให้เข้ากับอินเดียและระดับภูมิภาค เท่าที่ทราบมา หลายบริษัทมีแผนกที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ คือทำวิจัยทดลองเพื่อหาส่วนผสมอาหาร และนำเสนอเมนูใหม่ให้ชาวอินเดียในหลายภูมิภาคทานแล้วถูกปากถูกใจ

เช่น ในมลรัฐคุชราต (Gujarat) ที่นิยมผสมอาหารคาวกับอาหารหวาน แต่ในเมืองอื่นอาจจะขายไม่ง่ายนัก

ตอนดังกิ้นเปิดตัว ทันได (thandai) เครื่องดื่มนมรสหวานแช่เย็นที่ตกแต่งด้วยผลไม้แห้ง กลีบกุหลาบ และหญ้าฝรั่น ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย

ในทำนองเดียวกัน สนิคเกอร์ส (Snickers) ก็ได้เปิดตัว เกสร พิสต้า (kesar pista) ใส่หญ้าฝรั่นและถั่วพิสตาชิโอที่ชาวอินเดียนิยมกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

สำหรับบางคนที่ไม่ชอบเบอร์เกอร์เลย ก็จะมีวาดา (vada) แป้งรูปทรงเหมือนโดนัท แต่มีรสชาติมัน ๆ เผ็ดร้อน ซึ่งหลายท่านบอกว่ากินทีก็อยู่ได้ทั้งวันเลยทีเดียว

แบรนด์ท้องถิ่นไม่ได้นั่งนิ่ง ๆ ดูต่างชาติเข้ามาแย่งตลาด เดี๋ยวนี้มีแบบฟิวชั่นด้วย การนำเสนอเบียร์นมผสมไอศกรีมรสมะม่วงคล้าย ๆ กับลาซซี (Lassi) หรือเครื่องดื่มโยเกิร์ตรสเปรี้ยวหวาน

การแข่งขันในตลาดฟาสต์ฟูดนี้น่าสนใจมาก ดังที่กล่าวไปแล้วว่าไม่ได้มีแค่แมคโดนัลด์ แต่ผู้ที่ครองตลาดใหญ่สุดคือแมคโดนัลด์ มีทั้งหมด 160 สาขาในอินเดีย เคเอฟซีมีมากกว่า 300 สาขา โดมิโน่พิซซ่ามีมากกว่า 500 สาขา ดังกิ้นน่าจะมีประมาณ 30 สาขา ส่วนเบอร์เกอร์คิง (Burger King) มาช้า แต่ก็เริ่มปรับประยุกต์อย่างรวดเร็ว

นัยสำหรับชาวไทย

วันนี้นักท่องเที่ยวอินเดียเริ่มกลับมาแล้ว ล่าสุดที่ได้ยินมาคือที่พัทยามีนักท่องเที่ยวอินเดียมากขึ้น นอกจากพัทยาแล้ว หัวหิน ภูเก็ต กรุงเทพฯ ก็มีนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้นแล้ว ถ่ายหนังก็เริ่มแล้ว บางคนก็มาดูโลเคชั่น บ้างก็เริ่มดูเรื่องโลเคชั่นเพื่องานแต่งงาน

ด้วยเหตุนี้ชาวไทยเราจึงต้องเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีของเราให้ตอบสนองธุรกิจระหว่างประเทศด้านอาหารจำพวกฟาสต์ฟูด
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย