วันที่ 4 มิถุนายน 2565
เพลง Ek Number Indore
บทเพลงที่มีดนตรีสนุกสนานนี้ชื่อว่า “Ek Number Indore” (อินดอร์หมายเลขหนึ่ง) เป็นเพลงที่จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของมลรัฐมัธยประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอินดอร์ ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดที่มีพลเมืองมากที่สุดของมลรัฐนี้ และมีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่ครองตำแหน่งชนะเลิศด้านความสะอาดมาหลายปีติดต่อกัน
สาเหตุที่ในวันนี้อยากมาพูดแนะนำเมืองในอินเดีย ก็เพราะเราเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในเรื่องสถานการณ์โควิด หลังจากที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ต้องชะงักงันมานานนับปี หลายคนก็คงเฝ้ารอด้วยความหวังว่าเมื่อไรหนอจะได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศอีกครา ผู้ฟังรายการจำนวนไม่น้อยก็คงมีที่ตั้งตารอจะได้ไปเที่ยวอินเดีย ขณะนี้มาตรการเกี่ยวกับโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งหมายความว่าในไม่ช้าโควิด-19 จะมีฐานะเป็นโรคประจำถิ่น และการท่องเที่ยวก็จะเริ่มดำเนินไปได้อีกครั้ง
เท่าที่สังเกต ความกังวลประการหนึ่งของคนไทยหลายคนเกี่ยวกับการไปเยือนประเทศอินเดียก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับสุขอนามัยและความสะอาดของสถานที่
ข้อนี้อาจเป็นผลพวงมาจากภาพที่ออกมาตามสื่อออนไลน์จำนวนมากแสดงให้เห็นว่าอินเดียเป็นประเทศที่ถนนหนทางไม่สะอาดนัก มีฝุ่นและขยะเกลื่อนกลาดไปทั่ว มีรถราและผู้คนแออัด อาหารก็ไม่ค่อยถูกสุขอนามัยนัก โดยเฉพาะเรื่องอาหารสังเกตว่าระยะหลัง ๆ ในสื่อโซเชียลมีการแชร์คลิปสตรีทฟู้ดที่วิธีการทำเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก เช่นการใช้มือเปล่าลงไปกวนผสมอาหารโดยตรง ถึงกับมีบางช่องนำมาแทรกเสียงพากย์ให้เป็นเรื่องขำขัน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นภาพพจน์ด้านลบของประเทศอินเดีย
แน่นอนเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพต่าง ๆ เหล่านั้นสะท้อนความเป็นจริงบางแง่มุมและบางส่วนของอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่มาก
และถ้าว่ากันแฟร์ ๆ ก็คือยังใหม่มากในฐานะประเทศเอกราช อินเดียที่เพิ่งจะได้ดูแลตัวเองอย่างเต็มที่มาเมื่อ 75 ปีที่แล้วนี่เองอาจจะยังประสบปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานอยู่ไม่น้อยเพราะระดับการพัฒนาไม่สอดคล้องกันทั้งประเทศ ซึ่งเป็นธรรมดาของประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นหย่อม ๆ บางพื้นที่ซึ่งรัฐยังคงยื่นมือเข้าไปไม่ถึงจึงอาจยังมีปัญหาความสะอาด เพราะยิ่งประชากรมากก็ยิ่งสร้างขยะมาก และการบริหารจัดการขยะก็ยังไม่มีประสิทธิภาพดีพอ
รัฐบาลอินเดียก็ตระหนักถึงปัญหานี้ และมิได้นิ่งนอนใจเรื่องสุขอนามัย
เพราะปฏิเสธมิได้เลยว่าความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชากร และช่วยลดภาระเรื่องการสาธารณสุขได้มาก เมืองอินดอร์ ที่เราจะพูดถึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับความพยายามของภาครัฐที่จะส่งเสริมความสะอาดในชุมชน ก่อนอื่นเราจะพูดถึงข้อมูลพื้นฐานของเมืองอินดอร์โดยสังเขป
ตั้งอยู่ในมลรัฐมัธยประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 525 ตารางกิโลเมตร ประชากรประมาณสามล้านคนเศษ หากนับรวมผู้อาศัยทั้งหมดก็อยู่ในจำนวนใกล้เคียงสี่ล้านห้าแสน จึงจัดเป็นเมืองใหญ่ระดับมหานคร
เอกสารสมัยคุปตะ ช่วงประมาณ ค.ศ. 465 เรียกเมืองนี้ว่า อินทรปุระ เชื่อกันว่ามีที่มาจากชื่อวัดท้องถิ่นคือวัดอินเทรศวรมหาเทพ (Indreshwar Mahadev Temple) และชื่ออินทรปุระนี้ก็กลายเป็น “อินดอร์” ในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ของเมืองอินดอร์ สืบย้อนไปได้ถึงราวช่วงคริสตศตวรรษที่ 16 ในสมัยนั้นเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างเดคคานกับเดลี ต่อมานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1724 เมืองอินดอร์พร้อมอาณาบริเวณรอบ ๆ ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของจักรวรรดิมราฐา หลังจากเปชวาร์ บาจี ราว ที่หนึ่งได้ยึดครองแคว้นมัลวะไว้ในกำมือได้อย่างสมบูรณ์
ภายหลังในสมัยที่อินเดียอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ เมืองอินดอร์ครอบครองโดยมหาราชาราชวงศ์โฮลการ์ของมราฐา ได้สถานะเป็นรัฐเจ้านครระดับ 19 กันสลุต อันหมายถึงเจ้านครอินดอร์จะได้รับเกียรติยิงสลุต (ปืนใหญ่คำนับ) 19 นัด (ซึ่งจัดว่าสถานะค่อนข้างสำคัญเพราะการยิงสลุตสูงสุดคือ 21 นัด)
เมื่ออินเดียได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1947 รัฐของมหาราชาตระกูลโฮลการ์กับรัฐข้างเคียงอีกหลายรัฐก็ยอมเข้าสู่อินเดียนยูเนียน ในปีถัดมาจึงมีการจัดตั้งแคว้นชื่อมัธยภารัต ซึ่งแคว้นนี้ในปี ค.ศ. 1956 ได้ผนวกเข้ากับมลรัฐมัธยประเทศ และเมืองหลวงของมลรัฐย้ายไปที่โภปาล กระนั้นเมืองอินดอร์ก็ยังคงความสำคัญทางเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่ ค.ศ. 2017 จนถึง ค.ศ. 2021 การเลือกดังกล่าวนั้นได้จากผลการสำรวจโดยกระทรวงพัฒนาเมือง (Ministry of Urban Development) และคณะกรรมการส่วนกลางเพื่อการควบคุมมลภาวะ (Central Pollution Control Board- CPCB) แห่งรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย ภายใต้โครงการใหญ่ที่ชื่อว่า “สวัจฉะ ภารัต อภิยาน” (Swachh Bharat Abhiyan) อันมีความหมายว่า “ภารกิจอินเดียสะอาด”
การคัดเลือกในโครงการนี้กระทำกันทุกปี โดยพิจารณาจากเมืองทั่วอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีเมืองที่ร่วมในโครงการกว่า 4,000 เมืองแล้ว และถูกจัดแบ่งตามขนาดประชากร ได้แก่ มหานคร เมืองขนาดใหญ่ เมืองขนาดกลาง เมืองขนาดเล็ก
เมืองอื่น ๆ ที่ทำคะแนนตามมาในปี ค.ศ. 2021 คือครั้งล่าสุดนี้ได้แก่
1) เมืองสุหรัต มลรัฐคุชราต
2) เมืองวิชยวาดา มลรัฐอานธรประเทศ
3) เมืองนะวีมุมไบ มลรัฐมหาราษฏระ
4) เมืองปูเน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองในมลรัฐมหาราษฏระ

จัดว่าเป็นโครงการที่มีพัฒนาการจริงจังพอสมควรทีเดียว รัฐบาลนายนเรนทรา โมดี ได้ริเริ่มภารกิจอินเดียสะอาดขึ้น
และได้ทำการสำรวจครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 2015-2016 การสำรวจครั้งแรกนี้ยังคงอยู่ในวงจำกัด พิจารณาจากเมืองน้อยใหญ่จำนวน 73 เมือง ซึ่งแบ่งเป็นเมืองหลวงของมลรัฐต่าง ๆ จำนวน 20 เมือง ผนวกกับเมืองอื่น ๆ อีก 53 เมืองที่เข้าเกณฑ์มีประชากรเกินหนึ่งล้านคน การเก็บข้อมูลกระทำเป็นสามลักษณะคือ การปฏิสัมพันธ์กับส่วนเทศบาล การเข้าไปสังเกตในพื้นที่โดยตรง และการสัมภาษณ์ชาวเมือง
เกณฑ์การตัดสินมาจากการพิจารณาการดำเนินงานเกี่ยวกับสุขอนามัยที่เห็นได้เป็นรูปธรรม
เช่น ไม่มีการขับถ่ายหรือทิ้งสิ่งปฏิกูลในที่สาธารณะ มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนว่าด้วยเรื่องสุขอนามัย การกำจัดขยะ การจัดการห้องสุขาทั้งสาธารณะและในครัวเรือน เป็นต้น รวมเกณฑ์การพิจารณาทั้งหมดมี 19 ข้อ
ข้อมูลที่น่าสนใจคือเมื่อย้อนดูช่วงปี ค.ศ. 2016 ปรากฏว่าเมืองอินดอร์ได้คะแนนอยู่ในลำดับที่ 25
เมืองที่ได้คะแนนสูงสุดในเวลานั้นคือเมืองไมซอร์ มลรัฐกรรนาฏกะ ต่อมาในปี ค.ศ. 2017 การสำรวจก็ขยายขอบเขตมากขึ้น คือเพิ่มจำนวนเป็นประมาณ 500 เมือง ครอบคลุมประมาณร้อยละ 72 ของประชากรทั่วอินเดีย และในปี ค.ศ. 2017 นี้เอง เมืองอินดอร์ก็ทะยานขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ตามติดด้วยเมืองโภปาล เมืองหลวงของมลรัฐมัธยประเทศ ซึ่งก็คือรัฐเดียวกับอินดอร์นั่นเอง
ข้อมูลนี้สะท้อนความจริงจังและกระตือรือร้นในการพยายามปรับปรุงความสะอาดโดยรัฐบาลท้องถิ่นในมลรัฐมัธยประเทศ ทำให้ในชั่วเวลาข้ามปีมีเมืองที่ติดอันดับต้นถึง 2 เมือง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังคงดำเนินการต่อเนื่องจนกระทั่งเมืองอินดอร์ที่ได้อันดับหนึ่งในปี ค.ศ. 2017 ก็ยังคงได้อันดับหนึ่งเรื่อยมาในปี ค.ศ. 2018-2019-2020 และ 2021 ตามลำดับ ซึ่งในปีหลัง ๆ นี้มีการพิจารณาแยกตามขนาดเมือง และเมืองไมซอร์ที่เป็นแชมป์ในปีแรกก็ยังคงครองแชมป์เมืองสะอาดที่สุดในบรรดาเมืองระดับกลาง แต่ก็ดูจะแข่งขันกับเมืองอุชเชนแห่งมลรัฐมัธยประเทศอยู่ในที เพราะเมืองอุชเชนก็เคยแซงเมืองไมซอร์มาแล้วในปี ค.ศ. 2019
หากพิจารณาข้อมูลทางประชากรของเมืองอินดอร์ การที่เมืองนี้ครองแชมป์ความสะอาดก็จัดว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะพื้นที่ประมาณ 525 ตารางกิโลเมตรกับประชากรที่มากถึงเพียงนั้นก็จัดว่าเป็นเมืองที่หนาแน่นมาก ความจริงจังในการบริหารจัดการสุขอนามัยของเทศบาลอินดอร์นั้นจึงต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ที่สำคัญที่สุดและเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จคือการปลูกสร้างจิตสำนึกร่วมกันของพลเมืองนั่นเอง
ความสำเร็จของอินดอร์เริ่มขึ้นจากการตื่นรู้ของทีมงานคณะกรรมการเทศบาลนำโดยมณิศ สิงห์ หลังจากที่รัฐบาลโมดีประกาศผลเมืองสะอาดในปี 2016 และอินดอร์ได้อันดับที่ 25 ในเวลานั้นอินดอร์มิได้ดูแตกต่างจากเมืองทั่วไปในอินเดียเลย
มณิศ สิงห์ ตัดสินใจที่จะรับความท้าทายในการเปลี่ยนอินดอร์ให้กลายเป็นเมืองสะอาดขึ้น
สิงห์เริ่มลงมือทันทีด้วยการจัดหารถเก็บขยะเพิ่มเติมไปยังครัวเรือนต่าง ๆ และจัดอบรมอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับการแยกขยะให้แก่พลเมือง แรกเริ่มเดิมทีผู้คนก็ยังอิดเอื้อนแต่ในที่สุดเมื่อเห็นผลเป็นรูปธรรมพวกเขาก็ให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อย ๆ ยินดีปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ยิ่งได้รับตำแหน่งเมืองสะอาดที่สุดพวกเขาก็ยิ่งตื่นตัว
ทุกวันนี้อินดอร์มีรถเก็บขยะ 1,500 คัน และมีคนงานที่เรียกว่า ซาฟาอี มิตระ ที่อาจจะพอเรียกแผลงเป็นไทยได้ว่า “เพื่อนผู้พิทักษ์ความสะอาด” จำนวนกว่า 11,000 คน คนงานเหล่านี้ส่วนมากเป็นเพศหญิง (ซึ่งอาจจะเป็นเพราะนิสัยรักความสะอาดของเพศหญิงก็ได้) สิ่งที่พวกเธอทำก็คือ ถือไม้กวาด สวมรองเท้าบู๊ตและหน้ากาก กระจายกันทำความสะอาดบริเวณตัวเมือง โดยทำงานกันตลอดวัน แบ่งเป็นกะกลางวันและกะกลางคืน โดยกะกลางวันเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนกะกลางคืนเริ่มสี่ทุ่มจนไปถึงเจ็ดโมงเช้า
คนงานเหล่านี้ได้รับเกียรติจากชาวอินดอร์มาก โดยมากมักจะเป็นอาสาสมัครเข้ามา และมีความภาคภูมิใจที่มีส่วนทำให้เมืองอินดอร์เป็นแชมป์ความสะอาด บรรดาคนงานคัดแยกขยะก็เช่นกัน ต่างทำงานด้วยเป้าหมายเดียวคือ “ต้องรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ให้ได้”
ทางเทศบาลเองก็ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลเพื่อการบริหารจัดการขยะโดยเฉพาะ การเก็บขยะดำเนินการจากหน้าประตูบ้าน 100% โดยพลเมืองทุกครอบครัวชำระค่าบริการตามขนาดบ้านของตน บ้านในชุมชนแออัดจ่าย 60 รูปีต่อเดือน บ้านระดับกลางจ่าย 90 รูปีต่อเดือน และบ้านที่มีฐานะจ่าย 150 ปีต่อเดือน ด้วยจำนวนเงินเพียงน้อยนิดต่อครัวเรือนนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระของเทศบาลได้ประมาณ 2,400 ล้านรูปีต่อปี ซึ่งทางเทศบาลเผยว่า ทุกคนยินดีจ่ายด้วยความเต็มใจยิ่ง
จิตสำนึกร่วมกันด้านความสะอาดของพลเมืองอินดอร์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 7 ปีนี้จนถึงระดับที่ว่า พลเมืองแทบทุกคนกระทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ความสะอาดกันเอง
บรรดาซาฟาอีมิตระจะคอยร้องเตือนคนที่พลั้งเผลอทิ้งเศษขยะและบอกให้พวกเขาเก็บขยะนั้นขึ้นมาด้วยตนเอง หากมีคนทิ้งขยะลงมาจากรถตุ๊ก ๆ ซาฟาอีมิตระจะบอกให้คนขับหยุดรถ และให้ผู้โดยสารคนนั้นเดินลงมาเก็บขยะ
และมีกรณีที่น่าสนใจคือเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีสุภาพสตรีคนหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าเป็นชาวอินดอร์หรือไม่ ไปซื้อกาแฟสตาร์บักส์ ที่ทางร้านเขียนชื่อเธอไว้บนแก้ว เมื่อดื่มเสร็จก็ทิ้งลงบนถนนในเมือง ชาวเมืองถึงกับตั้งแคมเปญในโซเชียลมีเดียเพื่อกดดันให้ผู้หญิงชื่อนี้ออกมาขอโทษต่อสังคมเลยทีเดียว ซึ่งไม่กี่วันต่อมาเธอก็ทำตามนั้น
จิตสำนึกที่ดีนั้นเริ่มได้ในตัวทุกคน และจะเป็นพลังที่มีอำนาจมหาศาลในการขับเคลื่อนสังคม
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย