วันที่ 29 ตุลาคม 2565
เพลง Duma Dum Mast Kalander
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Viceroy’s House ฉายในปี ค.ศ. 2017 กำกับโดยคุรินทร จัฑฒา (Gurinder Chadha) เพลงที่เปิดไปขับร้องโดยหังส์ ราช หังส์ (Hans Raj Hans)
เพลงนี้ไม่ใช่เพลงใหม่ ถูกนำมาขับร้องหลายเวอร์ชั่น ที่ผมเคยฟังมาก็น่าจะมากกว่า 10 เวอร์ชั่นแล้ว เพลงนี้เก่าแก่มาก เว็บไซต์แห่งหนึ่งระบุว่า เพลงนี้แรกเริ่มเดิมทีเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 13 คือเขียนขึ้นเป็นกลอนเพื่อสดุดีลาล ชาห์บาซ กอลันดาร์ (Lal Shahbaz Qalandar) นักบุญซูฟี (Sufi) ซึ่งนักบุญท่านนี้เกิดในปี ค.ศ. 1177 และถึงแก่กรรมเมื่อปี ค.ศ. 1274
ที่เลือกเปิดเพลงนี้เพราะนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนปัจจุบันเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดีย หรือหากกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงก็คือเชื้อสายปัญจาบี (Punjabi) และเพลงที่เปิดไปก็ค่อนข้างนิยมกันในหมู่ชาวปัญจาบี
ชื่อ ฤษิ สุนัก คงจะเป็นประเด็นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น (หรืออย่างมากก็อาจจะในประเทศลาวด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าอยู่ในความสนใจของคนลาวหรือไม่) ทั้งนี้เพราะสะกดคล้ายคำว่า “สุนัข” ที่ภาษาไทยใช้หมายถึงหมา จึงทำให้บางท่านรู้สึกแปลกใจและอาจจะรู้สึกขำหรือเอ็นดู
เมื่อมีข้อสงสัยเกิดขึ้น ก็มีผู้พยายามค้นหาความหมาย ซึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบชัดเจน มีหลายทรรศนะที่พอจะสรุปออกมาได้
• ความหมายว่า “หมา” (สันสกฤต ศุนัก บาลี สุนัข)
• ความหมายว่า “ผู้สดับฟัง” (สุน + ก)
• เป็นชื่อฤษีโบราณท่านหนึ่ง (เสานักหรือเศานัก)
ทรรศนะของอาจารย์กิตติพงศ์ เห็นว่าเป็นภาษาปัญจาบี ตามรูปศัพท์แปลว่า ผู้มีจมูกงาม อธิบายโดยนัยว่า เป็นผู้มีเกียรติ มีความโดดเด่น (สำนวนภาษาฮินดีบางสำนวนใช้คำว่าจมูกในความหมายถึงเกียรติหรือศักดิ์ศรี หรือที่คนไทยมักใช้ว่า หน้า)
การเลี่ยงเสียงสุนัก บางคนออกเป็น สุนาค ซูแน็ก ซูหนัค ฯลฯ ทรรศนะส่วนตัวของผมคือ คนสมัยโบราณมีวิธีที่ดีงามอยู่แล้ว คือถ่ายตามรูปอย่างตรงตัวและออกเสียง สุนก เหมือนคำว่า ชนก แต่วิธีนี้อาจจะล้าสมัยและเสียงไม่ตรงนัก
สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยแนะนำว่าให้สะกด ซูนัค ส่วนจะออกเสียงสูงต่ำอย่างไรนั้น ก็คงตามความถนัด เหมือน เน็ตฟลิกซ์ บางคนพูด เหน็ดฟลิ้ก บางคนพูด เน็ดฝลิก เราคงไปกะเกณฑ์ทุกคนไม่ได้ ส่วนตัวผมที่ออก สุ-หนัก นั้น เพราะยืมหลักอักษรนำมาใช้เหมือนคำว่า ดิลก หรือเมืองท่าสุรัต ที่คนสมัยก่อนนิยมออกเสียงว่า สุหรัด
ฤษิ สุนัก เกิดปี ค.ศ. 1980 บ้านเกิดของท่านคือเมืองเซาท์แฮมป์ตัน (Southampton) พ่อแม่ของท่านอพยพมาจากแอฟริกาตะวันออก พ่อของฤษิ สุนักเป็นแพทย์ ส่วนคุณแม่เปิดร้านขายยา
ฤษิ สุนักเข้าเรียนที่โรงเรียนกินนอนชื่อวินเชสเตอร์ คอลเลจ (Winchester College) หลังจากนั้นก็เข้าศึกษาต่อที่อ็อกซเฟิร์ด (Oxford) ณ มหาวิทยาลัยอ็อกซเฟิร์ด นายฤษิ สุนักศึกษา PPE (Philosophy, Politics and Economics กล่าวคือ ปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์) ในระดับปริญญาตรี หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อด้านธุรกิจที่มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด (Stanford)
ครอบครัวของนายฤษิ สุนัก เป็นฮินดูชาติพันธุ์ปัญจาบี ภริยาของนายฤษิ สุนักคืออักษตา มูรติ (Akshata Murty) บุตรีของนารายณะ มูรติ (Narayana Murthy) อภิมหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้งบรรษัทไอที ซึ่งได้รับฉายา Bill Gates of India ทั้งคู่เจอกันที่มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด และสมรสกันในปี ค.ศ. 2009 มีลูกสาว 2 คน
ฤษิ สุนัก เข้าทำงานในบรรษัทด้านการเงินและกองทุนก่อนจะเข้าสู่การเมือง หนึ่งในบรรษัทที่ฤษิ สุนักเข้าทำงานคือธนาคารด้านการลงทุนชื่อ (Goldman Sachs)
ฤษิ สุนัก เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิก “House of Commons” เพียง 7 ปี คือชนะเลือกตั้งเป็น สส. ในปี ค.ศ. 2015 ท่านเป็นสส. ของเมืองริชมอนด์ (Richmond) ในยอร์กเชีย (Yorkshire) ตอนเหนือ แต่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2020 ซึ่งในอังกฤษตำแหน่งนี้จะใช้ชื่อว่า Chief secretary to the Treasury ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนี้คือในสมัยที่นายบอริส จอห์นสัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ท่านคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ผู้คนในช่วงล็อกดาวน์ การช่วยเหลือที่ว่านี้รวมถึง “Eat Out to Help Out Scheme” หากแปลเป็นภาษาไทยคร่าว ๆ ก็คือ “ทานนอกบ้านเพื่อช่วยกัน”
รายละเอียดที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็เช่น ใครไปทานตามร้านที่เข้าร่วมโครงการรัฐบาลจะร่วมจ่ายร้อยละ 50 ของราคาอาหาร แต่ราคาต้องไม่เกิน 10 ปอนด์ต่อหัว ต้องไม่มีจำพวกแอลกอฮอล์ ทานได้ทั้งวันเฉพาะวันจันทร์ถึงวันพุธตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2020
โครงการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว เงินจำนวนรวมทั้งหมดที่คนไปใช้สิทธิ์ตามโครงการ อยู่ที่ 849 ล้านปอนด์ ในร้าน 78,116 ร้าน ถ้านับจำนวนมื้ออาหารที่มีผู้ใช้สิทธิ์ตามโครงการ ก็เท่ากับ 160 ล้านมื้อ ราคาเฉลี่ยแต่ละมื้ออยู่ที่ 5.24 ปอนด์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
แน่นอนถ้าขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แล้ว โอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ย่อมมีมากขึ้น
และแล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อนายจอห์นสันเผชิญเรื่องอื้อฉาวหลายเรื่อง และต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ต้องลาออกก็เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับคริส พินเชอร์ (Chris Pincher) ในเรื่องการคุกคามทางเพศ ประเด็นคือบอริส จอห์นสันโกหกว่าตนไม่รู้เรื่องนี้ จริง ๆ คือรู้ อีกเรื่องก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการจัดงานเลี้ยงทั้ง ๆ ที่อยู่ระหว่างช่วงล็อกดาวน์ บอริส จอห์นสันคงทราบดีว่า หากลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจ คนในพรรคของตนก็คงไม่ลงให้ จอห์นสันจึงลาออก
การแข่งขันเลือกตั้งภายในพรรคอนุรักษนิยมจึงทำให้นายฤษิ สุนักมีโอกาสจะขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่ก็พ่ายแพ้ต่อนางลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) ระหว่างการหาเสียงภายในพรรค นายฤษิ สุนักได้วิพากษ์นโยบายทางเศรษฐกิจของนางลิซ ทรัสส์อย่างหนักมาก ฤษิ สุนักกล่าวไว้ว่า นโยบายแบบนี้จะทำให้ทุกอย่างพินาศได้ และแล้วก็เป็นจริง ลิซ ทรัสส์เป็นนายกได้ไม่นานก็ต้องลาออก โอกาสของนายฤษิ สุนักก็กลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้เขาได้รับความสนใจมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาในอดีต คือข้อมูลทางสถิติต่อไปนี้
• นายฤษิ สุนักเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนแรกในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
• นายฤษิ สุนักเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย
• นายฤษิ สุนักเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนแรกที่นับถือศาสนาฮินดู ไม่ใช่ศาสนาคริสต์
• นายฤษิ สุนักเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร
• ที่ฤษิ สุนักซึ่งมีเชื้อสายฮินดีได้เป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรก็ทำให้ชาวอินเดียตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
ไม่แปลกใจครับ ทุกวันนี้ประชากรอินเดียในอังกฤษมีประมาณ 1.4 ล้านคน ซึ่งนับว่าเป็นชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
ร้อยละ 43 ที่อยู่ในสายงานวิชาชีพและการจัดการ เป็นชาวอินเดีย ตรงนี้คือเรื่องของการศึกษา ค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงของชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียสูงสุด สินทรัพย์รวมโดยค่ามัธยฐาน (Median Total Wealth) ของชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียสูงสุด
มีคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกเหยียดผิว กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่น่าฟัง เพราะเป็นไปตามสังคมประชาธิปไตย กลุ่มที่สองนี้มีฝ่ายค้านร่วมด้วย มองว่าความร่ำรวยของนายฤษิ สุนัก โดยเฉพาะธุรกิจของภริยาเขานั้นมีเรื่องราวของความไม่ตรงไปตรงมาด้านภาษี
ในเดือนเมษายน สถานะทางการเงินของฤษิ สุนักกับครอบครัวตกอยู่ในการวินิจฉัยตรวจสอบอย่างเช้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษีของของภรรยาเขาซึ่งเป็นลูกสาวของนารายณะ มูรติ อภิมหาเศรษฐีอินเดียผู้ร่วมก่อตั้งบรรษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอย่าง Infosys ได้กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง
บรรษัท Infosys มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บังกาลอร์ (Bangalore) ตามรายงานประจำปี บรรษัทมีรายรับ 11.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9 พันล้านปอนด์) ในปี ค.ศ. 2019 12.8 พันล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2020 และ 13.5 พันล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2021 ตามลำดับ รายงานประจำปีฉบับล่าสุดของบรรษัทแสดงไว้ว่านายมูรติถือหุ้นร้อยละ 0.9 ใน Infosys
ความร่ำรวยของทั้งสามีภรรยาทำให้หลายคนวิพากษ์ด้วยว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้จะสามารถเข้าใจเรื่องปากท้องของผู้คนได้หรือไม่
________________
รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย