เพลง Kadam Kadam Badhaye Ja
เป็นเพลงมาร์ชเร็วของกองทัพแห่งชาติอินเดีย หรือ Indian National Army (INA) นักกวี-นักแต่งเพลงนี้คือ วังศีธร ศุกละ (Vanshidhar Shukla) และนักดนตรี ร.อ. ราม ซิงห์ ฐากูร (Ram Singh Thakur) แน่นอนเวลาเราพูดถึงกองทัพแห่งชาติอินเดีย คงต้องพูดถึงบุคคลสำคัญของอินเดียท่านหนึ่งที่มีนามว่า สุภาส จันทร โบส (Subhas Chandra Bose) วันคล้ายวันเกิดของท่านคือวันที่ 23 มกราคม เพลงนี้เป็นเพลงที่อังกฤษต้องห้ามในสมัยนั้น ที่เปิดเพลงนี้อีกก็เพราะว่าวันที่ 26 ที่ผ่านมา ก็เป็นวันสาธารณรัฐอินเดียด้วย และเพลงนี้ก็เกี่ยวข้องกับหัวข้อเราในวันนี้ด้วย คือเพลงนี้ในแง่หนึ่งก็นำมาใช้เป็นกำลังใจส่งเสริมความพยายามทั้งหมดทั้งปวงเพื่อจะให้ผู้หญิงอินเดียมีสถานภาพที่ดีต่อไปได้
ครั้งก่อน เราจบที่การปฏิรูปสังคมและได้กล่าวด้วยว่ามีผู้ชายหลายคนเข้าร่วมขบวนการปฏิรูปเพื่อให้สตรีกลับคืนสู่สถานะเดิมในสังคมด้วย บุรุษสำคัญเหล่านี้ก็เช่น ราชา ราม โมหัน รอย (Raja Rammohan Roy) อีศวร จันทร วิทยสาคร (Iswar Chandra Vidyasagar) สวามีวิเวกานันท์ (Swami Vivekananda) และ สวามีทยานันทสรัสวัต (Swami Dayananda Saraswat)
ศตวรรษที่ 19 ค่อนข้างสำคัญมาก กล่าวได้ว่าเป็นศตวรรษของผู้หญิงทั่วโลก การศึกษาของผู้หญิงทั่วโลกกลายเป็นคำถามที่หลายคนตั้งขึ้นเพื่อถามถึงสถานภาพของสตรี ปฏิเสธมิได้ด้วยว่า โลกตะวันตกเริ่มถกเถียงกันและเริ่มปฏิรูปกันอย่างต่อเนื่อง และมีอิทธิพลต่อการส่งเสริมพลังผู้หญิงในอินเดีย
ราชา ราม โมหัน รอย ซึ่งเกิดในปี ค.ศ. 1772 และถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1833 ก็ชวนปัญญาชนเบงกอลตั้งคำถามนี้ด้วย คือแทนที่จะไปมองจักรวรรดิอังกฤษเป็นปัญหาอย่างเดียว ปัญญาชนเบงกอลนำโดยราชา ราม โมหัน รอย ชวนให้สังคมอินเดียทบทวนการกระทำต่อผู้หญิงเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดิอังกฤษด้วย
กล่าวได้ว่า กิจกรรมของผู้ปกครองอังกฤษและมิชชันนารีที่มาจากอังกฤษและส่วนอื่น ๆ ของยุโรปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวอินเดีย มิชชันนารีบางกลุ่มได้เริ่มสนับสนุนการศึกษาของผู้หญิงและตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงหลายแห่งในกัลกัตตา บอมเบย์ และมัทราส
ความคิดริเริ่มของอังกฤษก็มีอิทธิพลไม่น้อย คือการศึกษาของเด็กผู้หญิงในอินเดียในศตวรรษที่ 19 ได้รับความนิยมอย่างมากและต่อต้านหลักคิดหลักปฏิบัติแบบปิตาธิปไตยซึ่งขัดต่อการศึกษาของเด็กหญิง
มีคณะกรรมการที่แนะนำให้เสริมส่งเรื่องการศึกษาของผู้หญิง ในปี ค.ศ. 1854 เซอร์ชาร์ลส์ วูด (Sir Charles Wood) ประธานคณะกรรมการควบคุมบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ได้ส่งสารสำคัญอย่างเป็นทางการไปยังลอร์ดดัลฮูซี (Lord Dalhousie) ผู้ว่าการอินเดียในขณะนั้น สารที่ว่ามีข้อเสนอแนะเรื่องการศึกษาอินเดียทั้งหมด 10 ข้อ หนึ่งในนั้นคือ รัฐบาลควรสนับสนุนการศึกษาของสตรี
แม้จะมีความพยายามด้านนโยบายกันบ้าง ทว่าสถานภาพของสตรีก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
ยุคหลังได้รับเอกราช ขบวนการต่อต้านอังกฤษจบลง พร้อมกันนี้การส่งเสริมพลังของสตรีก็ชะลอตัวลงด้วย นี่ก็เพราะการต่อสู้เรียกร้องเอกราชอินเดียเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมือง เรียนรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพด้วย แต่เมื่อไม่มีอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมแล้ว ขบวนการก็จบลง ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพของสตรีก็ชะลอตัวลง กล่าวง่าย ๆ คือ ผู้หญิงหลายคนกลับบ้าน อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่า เดี๋ยวอินเดียมีกฎหมายการปกครองเป็นของตนแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเองตามลำดับ
แต่ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่
ความเสมอภาคของเพศในอินเดียโบราณที่ถูกทำลายในยุคมืดของสตรียังมีอิทธิพลอยู่มาก ยุคมืดของสตรีที่เกิดขึ้นช่วงประมาณ ค.ศ. 500-1500 ยังมีอิทธิพลหลังจากอินเดียได้รับเอกราชอยู่ หลังได้รับเอกราชแล้ว การมีส่วนร่วมทางการเมืองและเศรษฐกิจของผู้หญิงต่ำมาก
สถิติว่าด้วยการกดขี่ การเลือกปฏิบัติ การตายเพราะสินสอดทองหมั้น การว่างงาน อัตราส่วนเพศที่ลดลง การขาดการรักษาพยาบาล และการตายของทารก ฯลฯ ล้วนชี้ให้เห็นว่าสถานภาพสตรีเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง จะทิ้งชะตากรรมสถานภาพสตรีไว้กับการได้รับเอกราชแต่อย่างเดียวไม่ได้
เว็บไซต์แห่งหนึ่งรายงานว่า ประมาณ 3 ทศวรรษหลังจากอินเดียได้รับเอกราชและมีใช้รัฐธรรมนูญของตน ไม่มีอะไรมากนักที่จะกล่าวได้ว่าสถานภาพสตรีอินเดียได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น
ตรงนี้ผมใคร่ขยายความสักนิดหนึ่ง เราต้องแยกสองส่วนเสียก่อน คือ 1) ส่วนรัฐธรรมนูญ ส่วนกฎหมาย 2) ส่วนสังคมวัฒนธรรม ทั้งสองเกี่ยวข้องกันและไม่เกี่ยวข้องกัน รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้กฎหมายที่ตามมาสอดคล้องด้วย ดังนั้น ส่วนรัฐธรรมนูญและกฎหมายก็ชัดเจนอยู่หลายเรื่อง คือจะเลือกปฏิบัติกับสตรีไม่ได้ แต่ตราบใดที่ส่วนสังคมวัฒนธรรมยังคงไว้ซึ่งความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับผู้หญิง ตรงนี้ทำให้ความก้าวหน้าลำบากที่จะทำให้สองส่วนนี้ไปด้วยกันอย่างสอดคล้องกัน คือส่วนที่รัฐจะต้องเข้ามาส่งเสริม ทำลายมายาคติเกี่ยวกับผู้หญิงหลายข้อ คำตอบแบบนี้อธิบายเรื่องวรรณะได้ด้วย
รัฐบาลของอินเดียแทบจะทุกรัฐบาลทำตามรัฐธรรมนูญ และส่งเสริมสถานภาพสตรีอินเดียมาโดยตลอด ทว่าเห็นผลดีขึ้นบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นที่พึงพอใจตามมาตรฐานสากล
การที่ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ไม่ได้รับโอกาสทางการทำงาน หรือถูกเลือกปฏิบัติ ท่านผู้ฟังคงมองภาพออกว่า ประเทศชาติจะมีเอกภาพที่ยั่งยืนได้ยาก เพราะเอกภาพที่ยั่งยืนต้องมีความรู้สึกในการเป็นเจ้าของประเทศ ถ้าคนเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศไม่ได้รับโอกาสเท่ากับคนอีกครึ่งหนึ่งของประเทศ เอกภาพที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ยาก ที่สำคัญอีกคือ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศก็จะเป็นไปอย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ด้วยเหตุผลนี้ รัฐบาลโมดีจึงพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้สถานภาพสตรีดีขึ้น ในฐานะที่นายนเรนทรา โมดีเป็นลูกของฮีร่าเบน โมดี ผู้ซึ่งเลี้ยงลูกด้วยความยากลำบาก ที่บ้านซึ่ง “ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง ไม่ต้องพูดถึงความหรูหราอื่น เช่น ห้องอาบน้ำ หรือห้องส้วมเลย” นั้น จึงน่าจะทำอะไรที่โดดเด่นมากในเรื่องการเสริมสร้างพลังให้สตรี ในสัปดาห์หน้า เราทั้งสองจะเล่าให้ฟังถึงนโยบายของรัฐบาลโมดีว่าด้วยการเสริมสร้างพลังให้สตรีอินเดีย
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย