กระทรวงอายุษแห่งอินเดีย กับภารกิจส่งเสริมเวชศาสตร์อินเดียโบราณ
1,740 views
0
0

เพลง Talking to Nature
ครั้งนี้เราคิดว่าผู้ฟังทุกคนคงจะรู้สึกเหมือนกัน คือไม่อยากให้เพลงจบลงง่าย ๆ เพราะกำลังดื่มด่ำกับความสงบ ได้อารมณ์ทำนองเดียวกับกำลังนวดผ่อนคลายในสปา เพราะเพลงที่เราเปิดมีเพียงเสียงน้ำไหลกับเสียงขลุ่ยบานสุรี ซึ่งเป็นขลุ่ยโบราณของอินเดีย เพลงนี้คงสามารถฟังได้อย่างต่อเนื่องยาวนานจนหลับไปเลยก็ได้ แต่แน่นอนว่าเราก็มีเนื้อหาที่จะต้องพูด เพราะฉะนั้นก็คงฟังเพลงได้เพียงเท่านี้ แต่อย่างไรก็ตามขอให้ณัฐช่วยขยายความเพลงที่เลือกมานี้สักเล็กน้อย

ต้องบอกว่าเพลงครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่นที่ผ่านมา เพราะที่จริงแล้วไม่มีชื่อเพลง เป็นบันทึกการแสดงสดปี ค.ศ. 2017 ที่เกาะพงัน ประเทศไทย ของศิลปินแนวจิตวิญญาณชื่อว่า “ศาสโตร” (Shastro) ที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อพูดคุยกับธรรมชาติและเพื่อให้เข้าถึงความสงบภายในจิตใจตนเอง โดยคำว่า “Talking to Nature” เป็นเพียงธีมของงานแสดงครั้งนี้ ซึ่งเขาได้อาศัยคำดังกล่าวนี้เป่าขลุ่ยด้นสด ดังนั้นเพลงนี้จึงเป็นการสื่อสารออกมาด้วยความรู้สึกและทักษะของศิลปิน จึงนับว่ามีความพิเศษมาก ๆ บรรยากาศการแสดงก็จะอยู่ในกระท่อมและมีนักท่องเที่ยวในเกาะพงันซึ่งส่วนมากเป็นชาวตะวันตกมารายล้อมและฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายและทำสมาธิ

โยคะ

สาเหตุที่เรานำเพลงนี้มาเปิด ก็เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับการผ่อนคลายและทำสมาธิอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งจุดนี้นับว่าสัมพันธ์กับศาสตร์อินเดียโบราณว่าด้วยโยคศาสตร์หรือที่คนไทยหลายคนรู้จักในนามการปฏิบัติโยคะหรือเล่นโยคะนั่นเอง ในโลกปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเทรนด์ในการดูแลสุขภาพกำลังมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ และโยคะนับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียกำลังโปรโมต และชาวโลกกำลังนิยมมากขึ้นอย่างกว้างขวาง

โยคะเป็นศาสตร์ที่มีรากฐานจากปรัชญา มีแก่นในระดับลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณและการแสวงหาความจริงและความหลุดพ้น กลับเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ขณะเดียวกัน การปฏิบัติโยคะเพื่อสุขภาพจัดเป็นแขนงหนึ่งที่รวมอยู่กับกิ่งใหญ่ของเวชศาสตร์อินเดียโบราณ

ก่อนที่เราจะกล่าวถึงเรื่องโยคะโดยละเอียด ที่อาจจะต้องใช้เวลากล่าวแยกเป็นอีกตอน จะขอปูพื้นฐานเรื่องเวชศาสตร์อินเดียโบราณก่อน เพราะเป็นหัวเรื่องที่รัฐบาลอินเดียกำลังส่งเสริมอย่างมาก นำโดยหน่วยงานระดับกระทรวงที่เรียกว่า กระทรวงอายุษ (AYUSH Mantralay) ที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2014 ที่ผ่านมานี้เอง แน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าใจกระทรวงนี้ เราจะต้องเข้าใจคำว่า “อายุษ” ให้ถูกต้องเสียก่อน

อายุษ

คำว่า “อายุษ” เดิมมีที่มาจากประโยคสันสกฤตว่า อายุษฺมานฺภว (aayushmaanbhava) ที่แปลว่า “ขอจงมีอายุยืนนาน” ซึ่งเป็นประโยคอวยพรในสมัยโบราณ และยังนิยมใช้ตั้งชื่อทารกเพศชายด้วย

สำหรับการตั้งชื่อกระทรวงอายุษ ได้ยืมเอาตัวสะกดอักษรโรมัน A-Y-U-S-H ในภาษาสันสกฤตมาแยกอธิบายความหมายที่แตกต่างกันของแต่ละตัว และเมื่อมารวมกัน ก็ได้ความหมายที่ต้องการ คือ “อายุยืนนาน” การสร้างชื่อกระทรวงอายุษอย่างชาญฉลาดนี้เป็นกลวิธีที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “backronym” ซึ่งตรงข้ามกับ “acronym” ตรงที่ว่า เป็นการนำคำเดิมที่มีความหมายอยู่แล้วมากระจายออกเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ

ตัวอย่างคลาสสิกก็เช่นที่คนหลายคนชอบพูดว่า FAMILY มาจาก Father And Mother I Love You ซึ่งไม่ใช่ที่มาที่ถูกต้องตามหลักภาษา แต่ก็ถือเป็นวิธีอธิบายที่สร้างสรรค์และน่าสนใจทีเดียว หรือที่สัมพันธ์กับหัวข้อเรามากกว่านั้นคือหน่วยงานสำคัญของอินเดียอีกหน่วยที่มีชื่อว่า NITI Aayog หรือประมาณสภาพัฒน์อินเดีย โดยคำว่า NITI ที่พ้องกับคำว่า “นีติ” มีความหมายว่านโยบายหรือการนำทาง (policy or guidance) นั้นย่อมาจาก National Institution for Transforming India

คำว่า AYUSH ย่อมาจากอะไร

AYUSH ประกอบด้วยตัวอักษร 5 ตัว A-Y-U-S-H ที่รวมศาสตร์การแพทย์ทางเลือกห้าศาสตร์เข้าด้วยกัน

A ย่อมาจาก Ayurveda หรือที่คนไทยรู้จักดีที่สุดในนาม อายุรเวท เป็นเวชศาสตร์โบราณที่นิยมปฏิบัติกันมากในอินเดียตอนเหนือและเนปาล

Y ย่อมาจาก Yoga & Naturopathy หรือโยคะและธรรมชาติบำบัด สองแขนงนี้คนไทยรู้จักดี ที่เอามาอยู่รวมกันก็เพราะมีความใกล้เคียงกัน และที่สำคัญไม่ต้องการตัว N ในชื่อ

U ย่อมาจาก Unani หรือ ยูนานี เป็นชื่อเวชศาสตร์โบราณอันมีที่มาจากชาวอาหรับ-เปอร์เซีย และนิยมปฏิบัติกันมากในหมู่ชาวมุสลิมในอินเดีย

S ย่อมาจาก Siddha หรือ สิทธะ ซึ่งเป็นเวชศาสตร์โบราณที่มีที่มาจากอินเดียใต้ และเป็นหนึ่งในเวชศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย

H ย่อมาจาก Homoeopathy หรือ โฮมีโอพาที เป็นการแพทย์ทางเลือกของฝั่งโลกตะวันตกที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดยแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ ซามูเอล ฮาเนอมันน์ (Samuel Hahnemann)

เพราะฉะนั้นสรุปชื่อที่แท้จริงของกระทรวงอายุษก็ต้องเป็น Ministry of Ayurveda, Yoga and Naturopathy, Unani, Siddha and Homoeopathy และแน่นอนว่าทุกคนคงเลือกที่จะเรียกชื่อย่อว่า Ministry of AYUSH

กระทรวงอายุษ

กระทรวงอายุษเป็นกระทรวงที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ วันที่ก่อตั้งคือ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014

ที่มาของกระทรวง ดั้งเดิมมีสถานะเป็นกรม ชื่อว่า “Department of Indian Systems of Medicine and Homeopathy (ISM&H)” อาจแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “กรมนานาเวชศาสตร์แผนอินเดียและโฮมีโอพาที” ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1995 ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม (Ministry of Health and Family Welfare) ต่อมาในภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “กรมอายุษ” (Department of AYUSH) และในที่สุดก็ได้ยกระดับสถานะขึ้นเป็นกระทรวงแยกต่างหากในต้นสมัยรัฐบาลนายนเรนทรา โมดี แห่งพรรคภารตียชนตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นนโยบายการส่งเสริมความสำคัญมรดกการแพทย์แผนต่าง ๆ ของอินเดียโบราณ จนถึงกระทั่งต้องมีกระทรวงแยกเฉพาะของตนเอง

หน้าที่รับผิดชอบของกระทรวงอายุษ หลัก ๆ แล้วมีสามด้านคือ (1) ด้านการดูแลสุขภาพของประชาชน (2) ด้านการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (3) ด้านการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในการศึกษาวิจัย

หน้าที่ของกระทรวงอายุษ

1) ด้านการดูแลสุขภาพของประชาชน
ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มประชากรในชนบท เหตุผลก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะชาวชนบทอาจยังเข้าถึงสาธารณสุขสมัยใหม่ได้น้อย หรือมิฉะนั้นแม้จะเข้าถึงได้ก็อาจจะยังเชื่อมั่นในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษมากกว่าการแพทย์แผนปัจจุบัน โครงการสำคัญที่อายุษมีส่วนในการดูแลรับผิดชอบคือโครงการที่เรียกว่า “อายุษมานภารัตประธานมนตรีชนอาโรคยโยชนะ” (Ayushman Bharat Pradhan Mantri Jan Arogya Yojana) อาจจะชื่อยาวไปสักนิดแต่ชื่อโครงการนี้มีความหมายว่า โครงการของนายกรัฐมนตรีเพื่อประชาชนปลอดโรคและอินเดียอายุยืน เรียกย่อ ๆ ว่า PM-JAY (อักษร PM บังเอิญเป็นทั้งตัวย่อของ Prime Minister และ Pradhan Mantri)

นี่คือโครงการประกันสุขภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2018 นับถึงปัจจุบันก็ยังไม่ครบ 5 ปี แต่รัฐบาลเอาจริงเอาจังมาก ดูจากงบประมาณก็พอเข้าใจได้เพราะงบปีที่แล้วสูงถึง 8 หมื่น 880 ล้านรูปีหรือกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ โครงการ PM-JAY ครอบคลุมคนที่มีรายได้ต่ำที่เข้าถึงสาธารณสุขได้ยากหรือมีข้อจำกัด คิดเป็นประชากรจำนวนเกือบร้อยละ 50 ของประเทศ หรือเป็นตัวเลขคร่าว ๆ ประมาณ 500 ล้านคน นั่นทำให้โครงการนี้เป็นโครงการประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ในแง่ของจำนวนคนที่มีสิทธิ์ตามโครงการ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะพึ่งพาการแพทย์ขั้นพื้นฐาน เช่น ปกติแล้วมักจะมีหมอประจำครอบครัว ส่วนรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ หรือต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวถือว่ามีบทบาทสำคัญที่สุดในการนี้ แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่ากระทรวงอายุษมีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญด้วย เพราะเหตุที่กล่าวแล้วเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชากรชนบท จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยเลือกรับบริการแพทย์แผนทางเลือกมากกว่าแผนปัจจุบัน

2) ด้านการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
เป็นบทบาทสำคัญมากอีกบทบาทหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยปัจจุบันที่กำลังเกิดการระบาดของโควิด-19 กระทรวงอายุษก็เป็นหน่วยงานสำคัญในการสื่อสารกับประชาชน เช่นให้ความรู้เรื่องการดูแลป้องกันตัวเองและคนรอบตัวจากไวรัสโคโรนา หรือการใช้สมุนไพรรักษาหรือบรรเทาโรคโควิด โครงการที่สำคัญมากอีกโครงการหนึ่ง และเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก คือ International Day of Yoga หรือ IDY (จุฬาลงกรณ์เคยจัดงานดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี เพิ่งจะหยุดไปในช่วงโควิด และมีข่าวดีว่ากำลังจะกลับมาจัดที่จุฬาฯ อีกในไม่ช้า) สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโยคะนี้ถือเป็นเรื่องที่คนไทยสนใจเป็นพิเศษ และเราได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะออกอากาศเป็นตอนแยกเฉพาะอีกตอนหนึ่ง เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก

อนึ่ง นอกจากโยคะแล้ว กระทรวงอายุษยังมีโครงการอื่นอีกหลายโครงการ เช่น โครงการฉลองวันสิทธะ และโครงการวันอายุรเวท เป็นต้น รวมไปถึงคอร์สเรียนระยะยาวเกี่ยวกับอายุรเวท ที่เรียนจบแล้วก็จะได้อนุปริญญาเลยทีเดียว

3) ด้านการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในการศึกษาวิจัย
การสนับสนุนหน่วยงานใด ๆ ที่ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแขนงใด ๆ ในบรรดาระบบการแพทย์ทางเลือก ซึ่งในบรรดารายชื่อขององค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงอายุษนั้น อย่างน้อยจะต้องเข้ากับการแพทย์ทางเลือกห้าระบบที่กระทรวงรับรอง ทางกระทรวงจะสนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัยหรือการจัดหลักสูตรเพื่อให้การศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์เหล่านี้แก่ประชาชน ตัวอย่างสถาบันเหล่านี้ก็มีเช่น National Institute of Ayurveda, Morarji Desai National Institute of Yoga และ National Research Institute for Panchakarma เป็นต้น

การแพทย์ทางเลือก

กระทรวงอายุษตั้งแต่ก่อตั้งมามีรัฐมนตรีว่าการมาแล้วสองคน คนแรกชื่อนายศรีปัท ไนก์ (Shripad Naik) ซึ่งเริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 เพิ่งจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 2021 เรียกว่าดำรงตำแหน่งมาเกือบ 7 ปี ขณะนี้เขาย้ายไปคุมกระทรวงการท่องเที่ยว ส่วนคนปัจจุบันเป็นชาวมลรัฐอัสสัม ชื่อว่านายสรรพนันทะ โซโนวาล (Sarbananda Sonoval)

แน่นอนว่าในโลกปัจจุบันที่มีเทคโลยีการแพทย์ทันสมัยและมีความเป็นวิทยาศาสตร์ กระทรวงที่สนับสนุนการแพทย์ทางเลือกอย่างเช่นกระทรวงอายุษก็ต้องตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย ทั้งนี้เพราะหลายคนมองว่าบรรดาการแพทย์ทางเลือกที่กระทรวงอายุษดูแลอยู่นั้น มิได้มีความเป็นวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงเพราะขาดผลการศึกษาวิจัยมารองรับ และไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าทำการรักษาได้จริงเสมอไป บางพวกก็มุ่งเน้นโจมตีเรื่องการจัดสรรงบประมาณ หรือการสนับสนุนหรือจัดหายาบางชนิดที่ในภายหลังก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อสุขภาพผู้ใช้ เป็นต้น สำหรับกระทรวงเกิดใหม่อย่างอายุษ อาจจะต้องจับตามองอีกมากว่าจะเกิดผลงานอะไรบ้างในอนาคต

สำหรับเรื่องโยคะและรายละเอียดว่าด้วยการแพทย์แขนงอื่น ๆ เช่นอายุรเวท เราจะกล่าวถึงในครั้งต่อ ๆไป โปรดติดตามรับฟัง
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย