หะมีดา บานุ นักมวยปล้ำอาชีพหญิงคนแรกของอินเดีย
591 views
0
0

เพลง Dhaakad (ห้าว)
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Dangal (การแข่งขันมวยปล้ำ) ฉายในปี ค.ศ. 2016 เป็นภาพยนตร์ฮินดีกำกับโดยนิเตศ ติวารี (Nitesh Tiwari) ผลิตโดยอะมีร์ ข่าน (Aamir Khan) และกิรัณ ราว (Kiran Rao) ถ้าจำไม่ผิดเพลงนี้น่าจะขับร้องโดยรัฟตาร์ (Raftaar)

ที่เปิดเพลงนี้ก็เพราะเพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Dangal ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับมหาวีร์ สิงห์ โผคาฏ (Mahavir Singh Phogat) นักมวยปล้ำสมัครเล่น ผู้ฝึกลูกสาวของตนชื่อคีตา โผคาฏ (Geeta Phogat) และพพิตา กุมารี (Babita Kumari) ให้เป็นนักมวยปล้ำหญิงระดับโลกคนแรกของอินเดีย ภาพยนตร์ Dangal นับเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
________

อีกอย่างคือ ที่อินเดียตอนนี้ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งคือ การประท้วงของนักมวยปล้ำหญิง ที่ประท้วงก็เพราะมีนักกีฬาหญิงที่ถูกคุกคามทางเพศโดยนักการเมืองคนหนึ่ง ก็เป็นข่าวใหญ่อยู่พอสมควร ถ้าวันไหนมีความคืบหน้ามากกว่านี้ก็อาจจะนำมาเสนอในรายการ

แน่นอนว่านักมวยปล้ำหญิงอย่างคีตา โผคาฏ และพพิตา กุมารี ก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่น้อย ทว่ามีนักมวยปล้ำอาชีพหญิงคนแรกของอินเดียที่ไม่มีใครค่อยจดจำกันสักเท่าไหร่ วันนี้เลยขอนำเรื่องของหะมีดา บานุ นักมวยปล้ำอาชีพหญิงคนแรกของอินเดียมาเล่าสู่กันฟัง

หะมีดา บานุ นักมวยปล้ำอาชีพหญิงคนแรกของอินเดีย

ชีวประวัติของบานุ ผู้ซึ่งมีฉายาว่า “อะเมซอนแห่งอะลีกัรห์” (Amazon of Aligarh) เป็นที่รู้กันน้อยมาก ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดของเธอด้วย

บานุผงาดขึ้นมามีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงทศวรรษ 1940 และ 50 ซึ่งในเวลานั้นกีฬานี้ยังครอบงำโดยชาย และหากสันนิษฐานจากช่วงที่เธอผงาดขึ้นมา ก็เป็นไปได้ว่าเธอน่าจะเกิดในช่วงทศวรรษ 1920

จากชื่อหลายคนก็คงจะเดาออกว่าเธอเป็นมุสลิมอย่างแน่นอน ตรงนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวของเธอน่าสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะสังคมหรือชุมชนรอบกายเธอคงไม่ประสงค์จะเห็นเธอเป็นนักมวยปล้ำ จำต้องตระหนักด้วยว่า เรากำลังพูดถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ยิ่งเป็นนักมวยปล้ำ ก็คงจินตนาการได้ว่า การแต่งกายของเธอจะเป็นอย่างไร

ที่เรื่องราวของเธอน่าสนใจมากอีกก็คือ ในสมัยนั้นเธอต้องขึ้นเวทีโดยมีฝ่ายตรงข้ามเป็นชาย อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้นักประวัติศาสตร์ฉงนงงงวยก็คือ ความสามารถอันน่าทึ่งและบุคลิกอันยิ่งใหญ่ของเธอทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลก แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็หายไปจากเวทีเลย

ตามเอกสารต่าง ๆ รวมถึงหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้น เรื่องราวของเธอที่พอมีอยู่บ้างมีดังนี้

• ที่ล้วนเป็นข่าวในสมัยนั้นคือ การทานอาหารของเธอ ที่ทราบอีกคือ เธอหนัก 108 กิโลกรัม สูง 1.6 เมตร อาหารประจำวันของเธอประกอบด้วย นม 5.6 ลิตร ซุป 2.8 ลิตร น้ำผลไม้ 1.8 ลิตร ไก่ 1 ตัว เนื้อแกะและอัลมอนด์เกือบ 1 กิโลกรัม เนยครึ่งกิโลกรัม ไข่ 6 ฟอง ขนมปังก้อนใหญ่สองก้อน และข้าวหมกหรือบิรยานีสองจาน สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุด้วยว่า “เธอนอนวันละ 9 ชั่วโมงและฝึกอีก 6 ชั่วโมง”

• เธอมักจะประกาศด้วยว่า “เอาชนะฉันให้ได้ แล้วฉันจะแต่งงานกับคุณ” ตามรายงานข่าว นี่คือคำประกาศของเธอในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1950 ซึ่งขณะนั้นเธอน่าจะอายุ 30 ต้น ๆ ไม่นานหลังจากที่เธอประกาศไป บานุก็เอาชนะแชมป์มวยปล้ำชายสองคน คนหนึ่งจากปฏิยาลา (Patiala) ในมลรัฐปัญจาบ (Punjab) ทางตอนเหนือ และอีกคนหนึ่งจากโกลกาตา (Kolkata ในตอนนั้นคือกัลกัตตา (Calcutta)) ในมลรัฐเบงกอลตะวันตก (West Bengal)

• ในเวลาต่อมา บานุเดินทางไปวโฑดรา (Vadodara) (ตอนนั้นคือบโรดา - Baroda) ในมลรัฐคุชราต (Gujrat) สำหรับการแข่งขันมวยปล้ำครั้งที่สามของปี การเดินทางไปแข่งขันมวยปล้ำของเธอทำให้เกิดบรรยากาศคลุ้มคลั่งเลยก็ว่าได้ ตามคำบอกเล่าของสุธีร์ ปารัพ (Sudhir Parab) ชาวเมืองวโฑดรา ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอยู่ เขากล่าวว่า เมื่อบานุจะมาแข่งขัน ก็มีโฆษณาผ่านป้ายและโปสเตอร์บนรถบรรทุกและยานพาหนะอื่น ๆ นายปารัพเล่าให้ฟังด้วยว่า จริง ๆ แล้ว บานุต้องต่อสู้กับโฉเฏ คามา ปะหัลวาน (Chhote Gama Pahalwan) นักมวยปล้ำที่ได้รับการอุปถัมภ์จากมหาราชาแห่งบโรดา แต่เขาถอนตัวจากการต่อสู้ในนาทีสุดท้ายโดยบอกว่าเขาจะไม่ต่อสู้กับผู้หญิง ดังนั้น บานุจึงต่อสู้กับผู้ท้าชิงคนต่อไปของเธอ คือบาบา ปะหัลวาน (Baba Pahalwan) การแข่งขันใช้เวลา 1 นาที กับ 34 วินาที และเมื่อเธอชนะแล้ว แหล่งข่าวหนึ่งในสมัยนั้นรายงานว่า กรรมการได้ประกาศให้ผู้แพ้อยู่ห่างออกไปจากการคิดที่จะแต่งงานกับเธอ

• ในปี ค.ศ. 1944 หนังสือพิมพ์ Bombay Chronicle รายงานว่า มีประมาณ 20,000 คนที่เดินทางมายังสนามกีฬาในเมืองเพื่อชมการแข่งขันระหว่างบานุกับคูงคา ปะหัลวาน (Goonga Pahalwan) ทว่าการต่อสู้ถูกยกเลิกในนาทีสุดท้ายหลังจากคูงคา ปะหัลวาน เรียกร้องเงินและเวลามากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน ดังนั้น ฝูงชนที่โกรธแค้นก็เลยร่วมกันทำลายสนามกีฬาหลังจากการต่อสู้ถูกยกเลิก

มีฉายาว่า อะเมซอนแห่งอะลีกัรห์

บานุเคยกล่าวว่าเธอชนะการแข่งขันมากกว่า 300 ครั้งแล้ว ฉายาของเธอ คือ "อะเมซอนแห่งอะลีกัรห์" ไม่ทราบว่าใครตั้งฉายานี้ให้เธอ แต่หนังสือพิมพ์หลายฉบับเรียกเธอแบบนี้ อะลีกัรห์ก็คือชื่อเมืองเกิดของเธอในมลรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) นักเขียนคอลัมน์คนหนึ่งเขียนว่า เมื่อมองไปที่บานุเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คน ๆ นั้นหนาวสั่นไปถึงไขสันหลัง

• ที่เราทราบอีกคือ สมาชิกในครอบครัวของบานุที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เล่าให้ฟังว่า บานุเป็นคนแข็งแกร่ง ซึ่งต้องตระหนักด้วยว่าเธอเกิดและเติบโตในชุมชนที่มีทัศนคติแบบอนุรักษ์นิยมในสมัยนั้น ทำให้เธอต้องจากบ้านเกิด มิรซาปุระ (Mirzapur) ในรัฐอุตตรประเทศไปยังเมืองอะลีกัรห์ ที่ที่เธอได้รับการฝึกฝนในกำกับของนักมวยปล้ำท้องถิ่นชื่อสะลาม ปะหัลวาน (Salam Pahalwan)

• ในหนังสือตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1987 มเหศวร ทยาล (Maheshwar Dayal) ผู้เขียนเขียนว่า ชื่อเสียงของบานุโด่งดังมาก ดึงดูดผู้คนจากหลายแห่งขณะที่เธอต่อสู้หลายครั้งในอุตตรประเทศและปัญจาบ ในหนังสือระบุด้วยว่า “เธอต่อสู้แบบเดียวกับนักมวยปล้ำชาย” แต่ในหนังสือระบุด้วยว่า “อย่างไรก็ตาม มีคนไม่กี่คนที่บอกว่า[เธอ]และนักมวยปล้ำชายจะทำข้อตกลงลับกัน และคู่ต่อสู้จงใจจะแพ้”

• ที่ปฏิเสธมิได้คือ บานุได้เผชิญกับความท้าทายจากผู้คนที่ไม่พอใจกับการเป็นนักมวยปล้ำของเธอ หนังสือพิมพ์ The Times of India รายงานว่า ในเมืองปูเณ (Pune) มลรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) การแข่งขันระหว่างบานุกับนักมวยปล้ำชายชื่อรามจันทร สาลุงเก (Ramchandra Salunke) ต้องถูกยกเลิกเพราะสหพันธ์มวยปล้ำท้องถิ่นคัดค้าน

• ในอีกวาระหนึ่ง บานุถูกแฟน ๆ โห่และขว้างด้วยก้อนหินหลังจากที่เธอเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้ชาย ตำรวจต้องเข้าไปควบคุมฝูงชน

ในหนังสือ Nation At Play: A History of Sport in India

ประพันธ์โดยนักวิชาการชื่อรอโณชอย เสน (Ronojoy Sen) ได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับบานุไว้ด้วย ในตอนหนึ่งเสนกล่าวว่า บานุบ่นกับโมราร์จี เดซาย (Morarji Desai) ซึ่งขณะนั้นเป็นมุขมนตรีแห่งมลรัฐมหาราษฏระ เรื่อง “การห้าม” แข่งขันมวยปล้ำของเธอ

ตามรายงาน ในปี ค.ศ. 1954 บานุเอาชนะเวียร่า ชิสติลิน (Vera Chistilin) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หมีตัวเมีย" แห่งรัสเซีย การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้นในมุมไบ (Mumbai คือบอมเบย์ในเวลานั้น) ใช้เวลาไม่ถึงนาที ในปีเดียวกัน เธอก็ประกาศว่าจะเดินทางไปยุโรปเพื่อต่อสู้กับนักมวยปล้ำที่นั่น

แต่ไม่นานหลังจากการต่อสู้ที่ได้รับการส่งเสริมอย่างหนัก บานุหายไปจากวงการมวยปล้ำเลย นี่คือจุดที่ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตามคำบอกเล่าของคนที่รู้จักเธอ

• เมื่อถึงเวลานั้น บานุและสะลาม ก็เริ่มเดินทางเป็นประจำระหว่างเมืองอะลีกัรห์ มุมไบ และกัลยาณ (Kalyan) เมืองที่ตั้งอยู่ชานเมืองมุมไบ และที่นี่คือที่ที่ทั้งสองมีธุรกิจขายนมสด

• เฟโรซ ไชค์ (Feroz Shaikh) หลานชายของบานุกล่าวว่า สะลามที่เป็นโค้ชของบานุไม่ชอบความคิดที่บานุจะไปยุโรป

• เศาะฮารอ (Sahara) ลูกสาวของสะลามกล่าวว่า สะลามแต่งงานกับบานุ ซึ่งบานุก็คือแม่เลี้ยงของเธอ

• แต่ไชค์ซึ่งอาศัยอยู่กับบานุจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1986 ไม่เห็นด้วย ไชค์กล่าวว่า “เธออยู่กับเขาจริง ๆ แต่ไม่เคยแต่งงานกับเขา” ไชค์กล่าวต่อด้วยว่า “เพื่อหยุดเธอ (ไม่ให้ไปยุโรป) เขาทุบตีเธอด้วยท่อนไม้ หักมือเธอ”

• เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากเราะฮีล ข่าน (Rahil Khan) เพื่อนบ้านขอบานุ ซึ่งกล่าวว่า ขาของเธอก็หักจากการโจมตีเช่นกัน เราะฮีล ข่านกล่าวว่า "ฉันจำได้ดี ... เธอไม่สามารถยืนได้ มันหายในภายหลัง แต่เธอไม่สามารถเดินได้อย่างปกติเป็นเวลาหลายปีหากไม่มีไม้เท้า"

• แต่เศาะฮารอลูกสาวของสะลามยืนกรานว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่จริงใจ

• ในที่สุดสะลามก็กลับไปที่อะลีกัรห์ ในขณะที่บานุอยู่ที่กัลยาณ เศาะฮารอกล่าวว่า บานุเคยไปเยี่ยมสะลามครั้งหนึ่งในเมืองอะลีกัรห์ เมื่อเขากำลังนอนรอความตายอยู่บนเตียง

• บานุหาเลี้ยงชีพได้จากการขายนมและให้เช่าอาคารบางส่วน เมื่อเธอหมดเงิน เธอจะขายขนมข้างถนน ไชค์กล่าวด้วยว่า “ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเธอนั้นยากลำบาก”

เรื่องราวของบานุยังเต็มไปด้วยความลึกลับ ทั้ง ๆ ที่เธอโดดเด่นมาก แต่กลับไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการเลย ในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เข้าสู่วงการมวยปล้ำอินเดีย บานุไม่ใช่แค่ความสำเร็จด้านกีฬาที่มีคุณค่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ เมื่อเธอท้าทายโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่ไม่เอื้อต่อผู้หญิง

ช่างน่าเสียดายยิ่งที่เรารู้น้อยนักเกี่ยวกับนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ผู้ซึ่งต่อสู้อย่างดุเดือดกับกฎกติกาของสังคมในยุคสมัยของเธอ
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ