จันทรยาน-3 กับภารกิจพิชิตขั้วใต้ของดวงจันทร์
1,097 views
0
0

เพลง Chanda O Chanda
เพลงนี้แปลแบบไทย ๆ ว่า “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ปี ค.ศ. 1971 เรื่อง Lakhon Mein Ek (lakh คือแสน เมื่อเปลี่ยนเป็นพระพหูพจน์ก็จะเป็นล้าน คล้ายกับสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “one in a million”) นำแสดงโดย เมห์มูด (Mehmood) และ ราธา สลูชา (Radha Saluja) ส่วนเสียงร้องอันคุ้นหูของเพลงนี้ก็มิใช่ใครอื่นนอกจากลตา มังเศศการ์ (Lata Mangeshkar) ที่รายการเราเคยเปิดเพลงที่เธอร้องไปนับไม่ถ้วนนั่นเอง

สังเกตคำศัพท์ในเพลงที่คล้ายกับภาษาไทยคือคำว่า chanda ซึ่งเป็นคำหนึ่งในคำภาษาฮินดีหลาย ๆ คำที่ใช้ หมายถึง พระจันทร์ คำอื่น ๆ ที่ใช้ก็มี chaand, chandramaa, som, shashi เป็นต้น และเกี่ยวกับหัวข้อวันนี้โดยตรงคือเรื่องที่จันทรยาน-3 (Chandrayaan 3) ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์สำเร็จ

จันทรยาน-3 (Chandrayaan 3) กับภารกิจพิชิตขั้วใต้ของดวงจันทร์ (นาที 4.10)

วันพุธที่ 23 สิงหาคม 2023 เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่นำมาสู่ปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย นั่นคือชาวอินเดียและชาวไทยเชื้อสายอินเดียเกือบทุกคนที่พวกเรารู้จักพร้อมใจกันลงข้อความหรือภาพแสดงความยินดีที่ “จันทรยาน-3” สำเร็จภารกิจในการพิชิตดวงจันทร์ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ สมกับที่รอคอยมานาน

ความสำเร็จของอินเดียครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากเพราะไม่เพียงทำให้อินเดียกลายเป็นชาติที่สี่ของโลกที่สามารถพายานลงจอดบนพื้นผิวของดวงจันทร์ ตามหลังอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา และจีน แต่ยังทำให้อินเดียกลายเป็นชาติแรกที่นำยานลงจอดบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์สำเร็จ นี่เป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งของอินเดียในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยีอวกาศของโลก

ภารกิจพิชิตดวงจันทร์

ภารกิจพิชิตดวงจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่มนุษยชาติเพียรพยายามเสมอมาและแต่ละชาติมหาอำนาจดูเหมือนจะแข่งขันกันอยู่ในที

สหภาพโซเวียต
ตั้งแต่แรกเริ่มมีการพยายามส่งยานแบบไร้ลูกเรือขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งชาติแรกที่ทำก็คือสหภาพโซเวียต ในระยะแรกกำหนดภารกิจให้เป็น “Impact” หรือ “Hard Landing” หมายถึงการเจตนาพุ่งเข้าปะทะดวงจันทร์ ซึ่งภารกิจนี้สำเร็จเป็นครั้งแรกในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1959 โดยยาน Semyorka 8K72 ตามมาด้วยการส่งยานไปเฉียดใกล้ดวงจันทร์และถ่ายภาพด้านหลังของดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นภาพแรกของโลกในวันที่ 4 ตุลาคมปีเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมาโซเวียตพยายามอยู่หลายปีที่จะส่งยานเข้าไปลงจอดแบบนิ่ม (Soft Landing) แต่ก็ล้มเหลวตลอด บางครั้งก็เครื่องขัดข้อง บางครั้งก็กลับเป็นพุ่งเข้าปะทะแทนที่จะลงจอด

สหรัฐอเมริกา
ในอีกฝั่งหนึ่งของโลก มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็เพียรพยายามในภารกิจดวงจันทร์ไปพร้อมกับสหภาพโซเวียตอยู่เนือง ๆ โดยส่งยานไร้ลูกเรือเข้าไปหลายลำ ส่วนใหญ่ภารกิจล้มเหลว เว้นแต่ครั้งหลัง ๆ ที่กำหนดภารกิจให้พุ่งปะทะดวงจันทร์

การแข่งขันของสองชาติมหาอำนาจดังกล่าวดำเนินมาจนถึงปี ค.ศ. 1965 นับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจสองขั้วในบริบทของสงครามเย็น

สหภาพโซเวียต ชาติแรกที่นำยานลงจอดบนดวงจันทร์ | สหรัฐอเมริกา ชาติแรกที่ส่งมนุษย์ลงไปเดินบนดวงจันทร์

31 มกราคม ค.ศ. 1966 สหภาพโซเวียตเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการลงจอดแบบนิ่มไร้ลูกเรือบนผิวพระจันทร์ และถ่ายรูปกลับมาหลายรูป จากนั้นอีกไม่นาน สหรัฐอเมริกาก็ประสบความสำเร็จตามมา ภายในช่วงดังกล่าวนี้การแข่งขันระหว่างสองชาติมหาอำนาจเป็นไปอย่างเข้มข้น

สหรัฐอเมริกาที่พลาดโอกาสการเป็นชาติแรกที่นำยานลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ก็มุ่งที่จะช่วงชิงตำแหน่งชาติแรกในการส่งมนุษย์ลงไปเดินบนพื้นผิวดวงจันทร์แทน

20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ยานอีเกิ้ล (Eagle) ของสหรัฐอเมริกาภายใต้ภารกิจอพอลโล 11 (Apollo 11) ก็ประสบผลสำเร็จในการนำพามนุษย์คนแรกไปสัมผัสพื้นผิวดวงจันทร์ได้ ซึ่งมนุษย์คนดังกล่าวคือ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong)

จีน: ชาติที่สามของโลกที่พายานลงจอดบนดวงจันทร์

จะเห็นได้ว่าในยุคแรกของภารกิจดวงจันทร์มีเพียงสองชาติมหาอำนาจแห่งยุคสงครามเย็น คือ สหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตเท่านั้นที่ประสบผลสำเร็จในการนำยานลงจอดแบบนิ่ม

จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้มีอีกชาติหนึ่งที่ทำได้สำเร็จคือสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคือในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2013 ยานฉางเอ๋อ 3 ของจีน ซึ่งมีชื่อหมายถึงนางฟ้าแห่งดวงจันทร์ หรือที่คนเชื้อสายแต้จิ๋วในไทยนิยมเรียกชื่อว่านางเสี่ยงง้อ ได้ส่งหุ่นยนต์ชื่อ อวี้ทู่ (เหง็กโถ่ว - กระต่ายหยก) ลงจอดแบบนิ่มบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ แม้กระทั่งชื่อหุ่นยนต์ตัวนี้ก็มีนัยทางวัฒนธรรมคือกระต่ายหยกเป็นสัตว์เลี้ยงของฉางเอ๋อ

ภารกิจนี้มีนัยสำคัญต่อจีนคือเป็นการลงจอดแบบนิ่มบนดวงจันทร์ครั้งแรกหลังจากว่างเว้นไปนาน 37 ปีจากครั้งก่อนในปี ค.ศ. 1976

จากนั้นในปี ค.ศ. 2019 จีนตอกย้ำความสำเร็จด้วยการส่งยานฉางเอ๋อ 4 ไชลงจอดบนดวงจันทร์ และกลายเป็นชาติแรกของโลกที่นำยานลงจอดด้านหลังของดวงจันทร์ (หมายถึงด้านที่มองไม่เห็นจากโลก) ได้สำเร็จ

อินเดีย: ความเป็นมาของจันทรยาน ยานแห่งดวงจันทร์

ยานลำที่สำเร็จภารกิจครั้งนี้คือจันทรยาน-3 แล้วจันทรยานลำที่ 1 และ 2 มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร

จันทรยาน-1
เป็นยานอวกาศสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ ออกแบบโดยองค์การวิจัยด้านอวกาศแห่งอินเดีย (Indian Space Research Organisation – ISRO) ส่งขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2008 มีภารกิจโคจรรอบดวงจันทร์เพื่อทำแผนที่พื้นผิวดวงจันทร์แบบ 3 มิติ และแผนที่ส่วนประกอบและแร่ธาตุ โดยเฉพาะการสำรวจเพื่อค้นหาฮีเลียม 3 และน้ำแข็ง โดยจะส่งยานลูก (Moon Impact Probe - MIP) น้ำหนัก 30 กิโลกรัม กระทบพื้นผิวดวงจันทร์ เพื่อวิเคราะห์อนุภาคฝุ่น ดังนั้นจึงนับว่าเป็นภารกิจลงจอดแบบปะทะ

จันทรยาน-2
ISRO ได้ส่งขึ้นไปในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 ในภารกิจสำรวจและทำแผนที่พื้นผิวดวงจันทร์ เพื่อศึกษาความผันแปรของส่วนประกอบพื้นผิว รวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำบนดวงจันทร์ ยานดังกล่าวประกอบด้วยยานโคจร (orbiter) ยานลงจอด (lander) ที่ชื่อ วิกรม (Vikram) ตั้งชื่อตามวิกรม สาราภาย (Vikram Sarabhai) ผู้ก่อตั้ง ISRO และยานติดล้อ (rover) ชื่อปรัชญาน (Pragyan) ในภาษาสันสกฤตหมายถึงความรู้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 7 กันยายนปีเดียวกัน ยานวิกรมขาดการติดต่อ และต่อมาในภายหลังได้รับการยืนยันว่าอับปางบนพื้นผิวดวงจันทร์ นับว่าภารกิจลงจอดดังกล่าวล้มเหลว ส่วนตัวยานโคจรนั้นยังคงโคจรอยู่รอบดวงจันทร์

จันทรยาน-3
วันที่ 14 กรกฎาคม 2023 ISRO ได้ส่งจันทรยาน-3 ขึ้นสู่อวกาศ ด้วยภารกิจลงจอดแบบนิ่มบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ พร้อมยานลงจอดที่ชื่อวิกรมและยานติดล้อชื่อปรัชญานเช่นเดิม และแล้วภารกิจดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จในวันที่ 23 สิงหาคม 2023 จันทรยาน-3 แตะพื้นผิวของดวงจันทร์ในเวลา 18:04 น. ของอินเดีย ยังความปลาบปลื้มยินดีให้แก่ชาวอินเดียทั่วโลก

ภารกิจลงจอดบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ก่อนภารกิจนี้จะสำเร็จเพียงไม่กี่วัน คือวันที่ 19 สิงหาคม รัสเซียก็ได้สูญเสียยานลูน่า 25 ของตนไปจากการพุ่งปะทะบริเวณขั้วใต้ดวงจันทร์ ทั้งที่เป็นความพยายามครั้งแรกของรัสเซียที่จะส่งยานไปดวงจันทร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976

ความล้มเหลวของรัสเซียยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่ายากเย็นเพียงใดที่จะนำยานลงจอดบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ที่มีพื้นผิวขรุขระไม่เสมอกันอย่างมาก เต็มไปด้วยหลุมบ่อและก้อนหินมากมาย

การเดินทางและเป้าหมายของจันทรยาน-3

เริ่มต้นจากการปล่อยยานขึ้นสู่อวกาศที่สถานีอวกาศสตีศธวัน (Satish Dhawan Space Centre) มลรัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) จากนั้นหลังจากตัวจรวดแยกออกไปแล้ว จันทรยาน-3 ก็แล่นโคจรรอบโลกและออกห่างไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ เมื่อเข้าใกล้พอแล้ว ยานลงจอดวิกรมก็แยกตัวออกมา ใต้ท้องของยานนี้จะมียานติดล้อปรัชญานที่มีน้ำหนัก 26 กิโลกรัมอยู่ด้วย ยานวิกรมค่อย ๆ ลดระดับและความเร็วลงเรื่อย ๆ จากเกือบ 1.68 กม. ต่อวินาทีจนเหลือความเร็วเกือบเป็นศูนย์ และในที่สุดก็ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์อย่างนิ่มนวล ใช้เวลาลงจอดทั้งหมดประมาณ 19 นาที

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงเมื่อฝุ่นจางลง ยานปรัชญานก็คืบคลานออกมาจากใต้ท้องยานวิกรม และทำการสำรวจและเก็บภาพส่งมายังโลกมนุษย์

เป้าหมายหลักประการหนึ่งของภารกิจคือการตามล่าหาน้ำแข็งที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าจะสามารถรองรับการอยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ได้ในอนาคต

นอกจากนี้ยังสามารถใช้สำหรับจ่ายให้ยานอวกาศที่มุ่งหน้าไปยังดาวอังคารและจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ที่ห่างไกลกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพื้นที่ผิวที่ยังคงอยู่ในเงาถาวรนั้นมีขนาดใหญ่มาก และสามารถกักเก็บน้ำแข็งไว้ได้

ภารกิจนี้เป็นที่คาดหวังอย่างยิ่งของมนุษยชาติ

ก่อนภารกิจจะประสบผล บิล เนลสัน (Bill Nelson) ผู้บริหารนาซ่า กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการลงจอดบนดวงจันทร์ถือเป็นความท้าทายอย่างแท้จริง แต่ดวงจันทร์ให้ผลตอบแทนใหญ่หลวงทางวิทยาศาสตร์ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราจึงเห็นความพยายามไปเยือนพื้นผิวดวงจันทร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรากำลังรอคอยทุกสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ในอนาคต รวมถึงจากภารกิจจันทรยาน-3 ของอินเดียด้วย”

และเมื่อภารกิจสำเร็จในวันพุธ เนลสันก็ออกมาเขียนข้อความแสดงความยินดีบนโซเชียลมีเดียว่า

“ขอแสดงความยินดีกับอินเดีย ที่ได้เป็นประเทศที่สี่ที่ส่งยานอวกาศลงจอดแบบนิ่มบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ พวกเรายินดีที่ได้เป็นหุ้นส่วนของคุณในภารกิจนี้”

ที่ยินดีมากกว่าใคร ๆ เห็นจะหนีไม่พ้น นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ผู้ซึ่งขณะนั้นกำลังประชุม BRICS Summit อยู่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ครั้นเมื่อได้รับชมการถ่ายทอดการลงจอดแล้ว นายโมดีก็แถลงการณ์ว่า

“ในโอกาสอันควรชื่นชมยินดีนี้ ... ผมขอกล่าวต่อประชาชนทั่วทั้งโลกว่า ความสำเร็จในภารกิจดวงจันทร์ของอินเดียมิได้เป็นของอินเดียแต่เพียงผู้เดียว นี่เป็นปีที่ทั่วโลกกำลังเป็นพยานการที่อินเดียได้เป็นผู้นำประเทศกลุ่มจี 20 วิถีของเราว่าด้วยโลกใบเดียว ครอบครัวเดียว และอนาคตเดียว กำลังส่งเสียงก้องกังวานไปทั่วโลก วิถีอันมีมนุษยชาติเป็นศูนย์กลาง ที่เรานำเสนอและเป็นตัวแทนนี้เป็นที่ต้อนรับจากสากล ภารกิจดวงจันทร์ของเราก็ตั้งอยู่บนฐานแห่งวิถีอันมีมนุษยชาติเป็นศูนย์กลางนี้เช่นกัน เหตุฉะนี้ความสำเร็จนี้จึงเป็นของมนุษยชาติทั้งมวล และจะช่วยส่งเสริมภารกิจดวงจันทร์ของประเทศอื่น ๆ ในอนาคต”

นอกจากนี้โมดียังได้กล่าวประโยคเด็ดด้วยว่า “Kabhi kaha jata tha chanda mama bahut door ke hain, ab ek din wo bhi aayega jab bacche kaha karenge chanda mama bas ek tour ke hain.” (เมื่อก่อน เด็ก ๆ เคยกล่าวว่าดวงจันทร์นั้นไกลแสนไกล แต่วันหนึ่งจะมาถึง วันที่เด็ก ๆ กล่าวว่าดวงจันทร์ก็ใกล้แค่นั่งรถทัวร์เที่ยวเดียว)

กว่าอินเดียจะมาถึงวันนี้ได้

ต้องบอกเลยว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากต่อมาก ล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่ละทิ้งสิ่งที่ตนต้องการทำ

วันนี้อินเดียได้สำแดงให้เห็นแล้วว่า ตนสามารถทำได้ ตนสามารถทะยานขึ้นมาเป็นมหาอำนาจหนึ่งของโลกได้อย่างแน่นอน

โครงการจันทรยาน-3 และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับงานอวกาศของอินเดียนั้นมีนักวิทยาศาสตร์สตรีจำนวนไม่น้อยด้วยที่อยู่เบื้องหลังโครงการต่าง ๆ

เราทั้งสองของยกย่องความพยายามของทุกคน และหวังว่าเมื่ออินเดียเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศมากขึ้น อินเดียจะนำความรู้นี้มาแบ่งปันให้ผู้คนไม่ใช่เฉพาะชาวอินเดีย หากแต่แบ่งปันให้คนทั่วโลกได้ใช้ประโยชน์อีกสืบไป ดังที่นายกโมดีได้กล่าวไว้ว่า โลกใบเดียว ครอบครัวเดียว อนาคตเดียว
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ