ถามตอบ อินเดียหรือภารัต
435 views
0
0

เพลง Bharat Humko Jaan Se Pyara Hai
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Roja ฉายในปี ค.ศ. 1992 เพลงนี้จัดทำโดยเอ.อาร์. เราะห์มาน (AR Rahman) และหริหรัณ (Hariharan)

อินเดียหรือภารัต (นาที 3.10)

ข่าวรัฐบาลอินเดียอาจเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศจาก “อินเดีย” เป็น “ภารัต”

ดูจะเป็นคำถามยอดฮิตเลยก็ว่าได้ มีคนถามผมเรื่องนี้มาก ให้สัมภาษณ์ไปก็มากแล้ว แต่ก็คงจะมีคนถามอีก เลยขออนุญาตนำคำถามของหลายคนมารวมกันในที่นี้ มีทั้งหมด 18 ข้อ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟังรายการปกิณกะอินเดีย

ข้อ 1 ทำไมอาจารย์เน้นใช้คำว่าชื่อภาษาอังกฤษของประเทศ

อินเดียมีหลายชื่อ แต่ชื่อทางการมีเพียง 2 ชื่อ คือ 1. อินเดีย (India) 2. ภารัต (Bharat)

“อินเดีย” คือชื่อภาษาอังกฤษ ส่วน “ภารัต” เรียกในภาษาที่ใช้ในอินเดีย จากชื่อเต็มว่า ภารัตคณราชยะ (Bharat Ganarajya) (ดูรูปหนังสือเดินทางอินเดีย)

ขอขยายความดังนี้ รัฐธรรมนูญอินเดียฉบับภาษาอังกฤษ ส่วนที่ 1 “สหพันธรัฐและดินแดนของสหพันธรัฐ” มาตรา 1 “ชื่อดินแดนของสหพันธรัฐ” ระบุว่า “(1) ประเทศอินเดีย หรือภารัต เป็นสหพันธรัฐอันประกอบด้วยมลรัฐต่างๆ” ฉบับภาษาอังกฤษกล่าวถึงคำว่า “ภารัต” เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ใช้คำว่า “อินเดีย” โดยตลอด

ส่วนฉบับภาษาฮินดี เปลี่ยนเป็น “(1) ภารัต หรือประเทศอินเดีย เป็นสหพันธรัฐอันประกอบ...” คือ ใช้คำว่า “อินเดีย” ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ใช้ “ภารัต” โดยตลอด

ข้อ 2 ดังนั้นชาวอินเดียจำนวนมากใช้ชื่อภารัตมาโดยตลอดใช่ไหม

ทั้งใช่และไม่ใช่ เพราะเวลาผมสนทนากับผู้คนในอินเดีย ก็เคยได้ยินทั้งที่ใช้ภารัต ทั้งที่ใช้อินเดีย

คำอื่นที่ได้ยินอีกคือภารตะ (Bharata) และฮินดูสถาน (Hindustan) แต่ถ้าเป็นป้ายที่ทางการจัดทำเป็นภาษาฮินดีก็จะใช้แต่ภารัต ส่วนที่ทางการจัดทำเป็นภาษาอังกฤษก็จะเป็นอินเดีย

ข้อ 3 ข่าวเรื่องการจะเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศ มีที่มาที่ไปอย่างไร

ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่อินเดียเป็นเจ้าภาพในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 9 และ 10 กันยายน 2023 ประธานาธิบดีเทราปที มุรมู (Droupadi Murmu) ได้เรียนเชิญผู้นำประเทศ G20 รับประทานอาหารค่ำ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติภารัตมัณฑปัม (Bharat Mandapam) แม้บัตรเชิญนี้จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกระทรวงฯ อยู่แล้ว ทว่าในบัตรเชิญภาษาอังกฤษระบุว่า “ประธานาธิบดีแห่งภารัต” มิใช่ “ประธานาธิบดีแห่งอินเดีย”

จริงๆ แล้ว การใช้คำว่า “ภารัต” ในภาษาอังกฤษมิได้ใช้เฉพาะในบัตรเชิญดังที่กล่าวมาเท่านั้น เมื่อวันอังคารที่ 5 กันยายน นายสัมพิต ปาตรา (Sambit Patra) โฆษกพรรคภารตียชนตา (Bharatiya Janata) ได้แบ่งปันข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเยือนอินโดนีเซียของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดียครั้งที่ 20 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 18 ซึ่งในการเยือนนี้ใช้คำว่า “นายกรัฐมนตรีแห่งภารัต” มิใช่ “นายกรัฐมนตรีแห่งอินเดีย” ทั้งนี้ป้ายข้อความในการประชุม ณ ประเทศอินโดนีเซียที่จัดทำโดยรัฐบาลอินโดนีเซียนั้นยังเป็น “นายกรัฐมนตรีแห่งอินเดีย”อยู่

ข้อ 4 ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศอินเดีย ใช่ไหม

เปล่าครับ กระแสเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศมีมาพักใหญ่แล้ว กลุ่มฮินดูชาตินิยมมิได้เรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อประเทศเท่านั้น ยังรวมชื่อเมืองหลายเมืองด้วย และก็เปลี่ยนไปแล้วไม่น้อย

ข้อ 5 ฝ่ายค้านรัฐบาลอินเดียรวมกันเป็นพันธมิตรเพื่อเป็นฝ่ายค้านทรงพลัง และตั้งชื่อว่า “Indian National Developmental Inclusive Alliance” ตัวย่อว่า INDIA เป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลโมดีคิดจะเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า

ดังที่บอกไปแล้วว่ากระแสเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศมีมาพักใหญ่แล้ว

ส่วนคำว่า “INDIA” ที่เป็นตัวย่อพันธมิตรฝ่ายค้านจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กระทรวงการต่างประเทศอินเดียใช้บัตรเชิญการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 เป็น “ประธานาธิบดีแห่งภารัต” หรือไม่นั้น ผมตอบไม่ได้ครับ

ข้อ 6 ทำไมกลุ่มชาตินิยมฮินดูไม่ชอบชื่ออินเดีย

หลายคนที่สังกัดกลุ่มชาตินิยมฮินดูที่ผมเคยพูดคุยด้วยมองว่า ชื่ออินเดียเป็นสิ่งแปลกปลอม ไม่สะท้อนความเป็นตัวตนของเขา หลายคนมองว่าชื่อนี้สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์อาณานิคมอังกฤษอันเลวร้าย บางคนมองด้วยว่านอกจากจะสัมพันธ์กับอังกฤษอันเป็นการดูถูกดูแคลนชาวภารัตแล้ว คำว่า “อินเดีย” ยังไม่มีความหมายอะไรด้วย

ข้อ 7 แต่แท้จริงแล้วคำว่า “อินเดีย” ก็มีมานมนานแล้วใช่ไหม

เท่าที่อ่านเจอและเคยฟังนักประวัติศาสตร์บรรยาย คำว่า “อินเดีย” ใช้กันก่อนอังกฤษเข้ามา ทั้งคำว่า “อินเดีย” และ “ภารัต” น่าจะมีมานานกว่าสองพันปีแล้ว

ทั้งผู้เชี่ยวชาญหรือตำราบอกว่า “อินเดีย” มาจากแม่น้ำอินดุส (Indus) ภาษาสันสกฤตเรียกว่า สินธุ (Sindhu)

ตัวอย่างหนึ่งที่ยกกันบ่อยคือ นักเดินทางจากแดนไกลอย่างกรีซจะระบุภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้แม่น้ำสินธุว่าเป็นอินเดีย และถ้าจำไม่ผิด น่าจะก่อนอเล็กซานเดอร์มหาราชกรีธาทัพบุกอินเดีย คือประมาณสามร้อยกว่าปีก่อนคริสตศักราช เท่าที่อ่านเจอหรือเคยฟังมาคำว่า “ภารัต” เก่าแก่กว่า “อินเดีย” ดังที่ปรากฏในคัมภีร์อินเดียโบราณ จริงๆ แล้วมีชื่ออื่นอีก แต่เดี๋ยวจะยาวไป

ข้อ 8 แต่กลุ่มชาตินิยมฮินดูก็ยังเชื่อว่า “อินเดีย” คือชื่อที่อังกฤษตั้งให้

หลายคนเชื่อแบบนี้ ไม่ใช่แต่ผู้คนที่สังกัดกลุ่มชาตินิยมฮินดูเท่านั้น พลเมืองอินเดียไม่น้อยที่ไม่ได้สังกัดองค์กรชาตินิยมฮินดูก็เชื่อเช่นนั้น และก็มีด้วยที่เชื่อว่า ชื่ออินเดียมีมาก่อนอังกฤษเข้ามาก็จริง แต่ก็ยังเป็นชื่อที่ต่างชาติตั้งให้อยู่ดี

ข้อ 9 ถ้าเป็นแบบนี้ชาตินิยมฮินดูคือความคลั่งชาติที่กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

ใครมองเรื่องชาตินิยมเป็นความคลั่ง ปัญหาก็มาจากตัวเองแล้วล่ะ ปัญหาชาวไทยเราไม่ว่าจะสื่อหรือแวดวงวิชาการมักคิดจากฐานอคติเป็นตัวตั้ง อคตินี้แหละทำให้ไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง รวมถึงความรู้เรื่องชาตินิยมด้วย

ผมมองว่าความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับชาตินิยม โดยเฉพาะที่ชาวไทยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกนั้นเป็นความรู้ที่ไม่ครอบคลุมและเปี่ยมด้วยอคติ

ข้อ 10 ช่วยขยายความเพิ่มเติมด้วยครับ

ข้อแรก การมีรัฐชาติแต่ปฏิเสธชาตินิยมอย่างสิ้นเชิง ผมว่าไม่น่าเป็นไปได้ครับ รัฐชาติก็สร้างขึ้นบนฐานที่มีชาตินิยมเป็นองค์ประกอบ

ข้อที่สอง ตำราว่าด้วยชาตินิยมที่มีในปัจจุบันตามปรากฏการณ์ชาตินิยมร่วมสมัยไม่ทัน เราจะเข้าใจแบบลวกๆ ว่ารัฐบาลโมดีเป็นชาตินิยมที่อยู่ตรงข้ามกับเสรีนิยมไม่ได้ นี่คือรัฐบาลที่มอบวัคซีนโควิดให้ชาติอื่น คือรัฐบาลที่เพิ่มทุนการศึกษาให้ชาวต่างชาติ รวมถึงทุนศึกษาระดับปริญญาโทและเอกที่สถาบันเทคโนโลยีอินเดีย (Indian Institute of Technology) ซึ่งเป็นสถาบันลือชื่อ

ในปี ค.ศ. 2015 นายมเหศ คิรี (Maheish Girri) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคภารตียชนตา เปลี่ยนชื่อถนนออรังเซบ (Aurangzeb) เป็นถนน ดร. เอพีเจ อับดุลกะลาม (Dr APJ Abdul Kalam) ใครศึกษาประวัติศาสตร์อินเดียมาบ้างย่อมทราบดีว่าจักรพรรดิออรังเซบโหดเหี้ยมปานใด และกะลามเป็นนักวิทยาศาสตร์และอดีตประธานาธิบดีที่ชาวอินเดียแทบทุกกลุ่มชาติพันธุ์รักใคร่ปานใด แม้ทั้งสองจะเป็นมุสลิมเหมือนกัน

ข้อ 11 พอมีตัวอย่างอีกไหม

มีครับ กี่คนจะทราบว่าเวลาใครในอินเดียได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอินเดีย ต้องสาบานตนที่จะปกป้องรัฐธรรมนูญอินเดียและอื่นๆ ด้วยคำว่า “ข้าพเจ้า ... ขอสาบานในนามของพระเจ้า ว่าข้าพเจ้าศรัทธาและจงรักภักดีต่อรัฐธรรมนูญอินเดีย” หรือ “ข้าพเจ้า ... ขอยืนยันอย่างจริงจัง ว่าข้าพเจ้า...” แบบแรกกล่าวถึงพระเจ้าของตน ส่วนแบบที่สองไม่ต้องมีพระเจ้าก็ได้ ที่สำคัญคือ ทั้งสองแบบไม่ต้องจับพระคัมภีร์ไบเบิลแบบประเทศตะวันตกหลายประเทศ

อีกตัวอย่างหนึ่งก็เช่น การยกเลิกการกล่าวคำว่าเฏาะลาก (Talaq) 3 ครั้งเพื่อขอหย่าภรรยา ซึ่งชาวมุสลิมหลายประเทศทำ รวมถึงอินเดียด้วย การยกเลิกการหย่าวิธีนี้หมายความว่า ต่อไปใครจะหย่าภรรยาต้องทำตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อ “ประกันความเท่าเทียมกันทางเพศและเสริมสร้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พื้นฐาน และประชาธิปไตยของผู้หญิงมุสลิม และยังให้ความมั่นใจแก่ผู้หญิง ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรในอินเดีย” ดังที่เขียนโดยมุขตาร์ อับบาส นักวี (Mukhtar Abbas Naqvi) รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชนกลุ่มน้อย

นี่คือเหตุที่หญิงหรือแม้แต่ชายมุสลิมจำนวนไม่น้อยลงคะแนนเสียงให้พรรคภารตียชนตา ถ้าเราไม่พยายามเรียนรู้ มีอคติทางความคิดตั้งแต่แรกแล้ว ก็จะไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ข้อ 12 ชาตินิยมฮินดูเป็นอะไรที่ซับซ้อน

ใช่ครับ ผมว่าชาตินิยมที่อื่นก็น่าจะซับซ้อนอยู่นะครับ

ข้อ 13 พออธิบายเรื่องความซับซ้อนของชาตินิยมฮินดูเพิ่มเติมได้ไหม

ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายได้หมดไหม แม้ผมศึกษาเรื่องนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ

ข้อ 14 เกือบ 10 ปีที่ผ่านมาอาจารย์เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับชาตินิยมฮินดูบ้าง

ผมคิดว่าบางอย่างน่าสนใจมาก ข้อแรก เวลาพูดถึงชาตินิยมฮินดู หรือชาตินิยมในอินเดีย เรากำลังพูดถึงชาตินิยมที่อยู่ตรงข้ามกับการรุกรานอินเดียโดยชาวต่างชาติ การรุกรานนี้แบ่งเป็นสองส่วน คือ โดยมุสลิมและโดยตะวันตก โดยเฉพาะจักรวรรดิอังกฤษ

สำหรับการรุกรานโดยมุสลิม ผู้คนสังกัดกลุ่มชาตินิยมฮินดูมองว่า เป็นการเข้ามาทำลายวัฒนธรรมภารัต หรือวัฒนธรรมของฮินดูก็ว่าได้ เช่น การทำลายศาสนสถานฮินดู กลุ่มนี้ยังเพ่งเล็งชาวมุสลิมที่นำวัฒนธรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างเอกภาพในหมู่ของตน ซึ่งพวกเขาคิดว่าไม่น่าเป็นผลดีต่อเอกภาพอินเดียทั้งหมด ผมเคยถามว่าวัฒนธรรมใหม่ๆ เหล่านี้มีอะไรบ้าง เขาก็ตอบว่า การทำให้ลูกหลานไม่เรียนหนังสือในระบบการศึกษาแบบปกติ การกีดกันผู้หญิง เช่น ไม่ส่งเสริมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ และอื่นๆ กลุ่มชาตินิยมฮินดูบางคนบอกผมว่า หลายอย่างที่คนเหล่านี้สร้างขึ้นโดย “ผู้เชี่ยวชาญศาสนาอิสลาม” บางคน มิได้เป็นไปตามหลักศาสนาด้วยซ้ำ นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางข้อเท่านั้น ยังมีอีกหลายข้อ จริงๆ แล้ว ผู้คนกลุ่มชาตินิยมฮินดูไม่ได้มองเหมือนกันไปเสียหมด

ส่วนจักรวรรดิอังกฤษหรือบริษัทอินเดียตะวันออกที่เข้ามาปกครองอินเดีย ดูผิวเผินก็คงไม่มีอะไรมากนัก คล้ายจะมีเอกภาพในพลเมืองอินเดียทั่วหน้าในการต่อต้านอาณานิคม ถึงทุกวันนี้เราจะไม่เห็นด้วยกับอาณานิคม แต่อังกฤษก็ได้แบ่งแยกและปกครองจนสำเร็จ ทำให้อนุทวีปอินเดียแบ่งออกเป็นอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งแบ่งเป็นฝั่งตะวันตกและตะวันออกอีกที และในปี ค.ศ. 1971 ปากีสถานตะวันออกได้กลายเป็นบังคลาเทศ ความขมขื่นในการแบ่งแยกประเทศในปี ค.ศ. 1947 ก็หยั่งอิทธิพลต่อชาตินิยมฮินดูไม่น้อย

ใคร่แจ้งให้ทราบด้วยว่า ก็รัฐบาลโมดีอีกที่ยกย่องชาวซิกข์ในอินเดียเป็นพิเศษ เพราะชาวซิกข์มีประวัติการต่อสู้อย่างกล้าหาญไม่ว่าต่อการรุกรานของมุสลิมหรือของอังกฤษ ตรงนี้อาจทำให้เห็นอคติอีกชุดหนึ่ง คือสิ่งที่ญี่ปุ่นกระทำไว้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ยังคงหลอกหลอนญี่ปุ่นถึงทุกวันนี้ กล่าวขอโทษก็แล้ว จ่ายเงินชดเชยก็แล้ว ก็ยังไม่จบสิ้น ครั้นลองดูที่อังกฤษทำในปี ค.ศ. 1919 บ้าง คือสังหารผู้คนที่ประท้วงอังกฤษด้วยสันติวิธี ทุกวันนี้ทางการอังกฤษก็ยังไม่เคยขอโทษ กล่าวแต่เพียงเสียใจเท่านั้น

สิ่งที่ผมจะสื่อคือ ระบบการเมืองโลกมีอคติ ซึ่งหล่อหลอมชาตินิยมรูปแบบต่างๆ ไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกันปฏิเสธมิได้ว่า ในเศรษฐกิจการเมืองโลก การดำเนินนโยบายการต่างประเทศของอินเดียก็มีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่ด้วย อย่างน้อยที่สุดอินเดียก็ต้องการเอกภาพชัดเจน เพื่อเดินหน้าเพิ่มพูนผลประโยชน์แห่งชาติของตน พร้อมป้องกันภัยคุกคามโดยเฉพาะที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด รวมถึงการก่อการร้ายข้ามชาติด้วย

จริงๆ แล้วยังมีอะไรมากกว่านี้ ผมหวังว่าการสัมภาษณ์ของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมกำลังสื่อนั้นไม่มีอะไรมากกว่า การชวนทำความเข้าใจปรากฏการณ์ชาตินิยม ซึ่งผมมองว่าเรายังรู้น้อยมาก แม้แต่ประเทศจีน การนำชาตินิยมมาใช้แทนลัทธิคอมมิวนิสต์แบบเดิมก็น่าสนใจ เราคงต้องทำการบ้านมากกว่านี้

ข้อ 15 กลับมาที่เรื่องการเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศ ณ ขณะนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อใช่ไหม

ยังครับ

ข้อ 16 แล้วรัฐบาลอินเดียจะเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของประเทศหรือเปล่า

เป็นไปได้ครับ ขณะนี้ก็เริ่มใช้สลับกันไปขึ้นอยู่กับการตีความ

ถ้ารัฐบาลตีความว่า ภารัตก็เป็นชื่อหนึ่งของเขาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้ แต่ถ้าจะลบคำว่าอินเดียออกจากรัฐธรรมนูญ ก็ต้องผ่านกระบวนการรัฐสภา และอาจมีคนคัดค้านนำไปให้ศาลสูงสุดตีความได้

ข้อ 17 ถ้าเปลี่ยนจะมีผลกระทบต่อเราไหม ร้านอาหารอินเดียต้องเปลี่ยนไปเป็นร้านอาหารภารัต และอื่นๆ อีกไหม

ไม่มีผลหรอกครับ เราไม่ได้มีวัฒนธรรมเรียกชื่อประเทศอื่นตามชื่อภาษาอังกฤษ

เวลาเชียร์บอลโปรตุเกส เราก็ไม่พูดว่า “วันนี้จะเชียร์โปรตุกัล” เวลาไปญี่ปุ่น เราก็ใช้คำว่าญี่ปุ่นมิใช่หรือ พม่าผมก็ยังเรียกพม่าเหมือนเดิม แต่ถ้าเจอเพื่อนพม่าในเวทีระหว่างประเทศ และจำเป็นต้องกล่าวถึงประเทศของเขา ผมก็จะใช้คำว่าเมียนมาครับ

ข้อ 18 ตัวอาจารย์อยากเห็นชื่อภาษาอังกฤษของประเทศเป็นอินเดียหรือภารัต

ผมชอบคำว่า “อินเดีย” และในเชิงการตลาดผมว่า “อินเดีย” ในปัจจุบันเป็นศัพท์ภาษาที่ผู้คนเริ่มหมายถึงความก้าวหน้าแล้ว แต่ถ้าอินเดียจะเปลี่ยนเป็นภารัต ก็ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องอธิปไตยของเขา สุดแต่รัฐบาลและประชาชนของเขาครับ
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ