วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566
เพลง Jab Koi Baat Bigad Jaye
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อ Jurm ฉายในปี ค.ศ. 1990 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยมเหศ ภัตต์ (Mahesh Bhatt) ดารานำก็เช่น วิโนด ขันนา (Vinod Khanna) และมีนากษิ เศษัทรี (Meenakshi Sheshadri) เพลงนี้ขับร้องโดยกุมาร ศานุ (Kumar Sanu) และสาธนา สรรคัม (Sadhana Sargam)
ที่เปิดเพลงนี้จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในวันนี้ ที่เปิดเพราะว่าเป็นเพลงฮินดีเพลงหนึ่งที่นิสิตนักศึกษาไทยที่ศึกษาฮินดีนิยมร้องกันในงานต่างๆ เกี่ยวกับภาษาฮินดี
[ก่อนอื่นใดเราทั้งสองขอแสดงความยินดีกับทุกคนในเทศกาลดิวาลี 2023 ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง]
วันนี้เราขอเล่าเรื่องดีๆ เรื่องหนึ่งที่เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่มีลักษณะ 1) ครอบคลุม 2) มีความเป็นพหุนิยมอย่างแท้จริง
เรื่องมีอยู่ว่า ผู้หญิงหูหนวกชาวอินเดียชื่อซาราห์ ซันนี่ ได้สร้างประวัติศาสตร์ หลังจากที่เธอกลายเป็นทนายความหูหนวกคนแรกของอินเดียในศาลสูงสุดแห่งอินเดีย (The Supreme Court of India)
ซันนี่เป็นคนเมืองเบงกาลูรู (Bengaluru) หรือเมืองที่มีชื่อเดิมว่า บังกาลอร์ (Bangalore) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ซันนี่มีพี่น้องอีก 2 คน ฝาแฝดของเธอคือ มาเรีย ซันนี่ (Maria Sunny) ส่วนอีกคนคือประติก กุรุวิลลา (Pratik Kuruvilla) พี่ชายของซาราห์และมาเรีย
ในวัยเยาว์ พ่อแม่ไม่ประสงค์จะให้ลูกทั้งสามของตนเข้าเรียนในโรงเรียนพิเศษสำหรับเด็กหูหนวก เพราะเชื่อว่าลูกจะต้องมีสถานภาพที่เท่าเทียมกับผู้อื่น
แต่การหาสถานที่ที่เต็มใจรับสามพี่น้องที่หูหนวกก็หาใช่เรื่องง่ายไม่ ทว่าในที่สุดพ่อแม่ของทั้งสามก็พบสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา ในชั้นเรียน ซันนี่เรียนโดยการอ่านปากและได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ของเธอ แม่ก็ช่วยเหลือไม่น้อย แต่เธอก็บอกด้วยว่า “[มีคน] ที่ล้อเลียนฉันด้วย แต่ฉันมักจะโต้เถียงกับพวกเขาอยู่เสมอ”
ซันนี่กล่าวว่า เธอเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่ที่ปฏิบัติต่อลูกทั้งสามอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกเป็นพระคุณที่พ่อแม่ให้เรียนในโรงเรียนทั่วไป แต่นี่ก็เพราะพ่อแม่เชื่อในความเท่าเทียมกัน

ซันนี่เรียนต่อด้านกฎหมายที่วิทยาลัยเซนต์โจเซฟ (St. Joseph's College) ในเบงกาลูรู แต่ที่นี่แม่ของเธอซึ่งเคยช่วยเธอในสมัยที่เธอเรียนในโรงเรียนนั้น ไม่อาจทำแบบเดียวกันได้กับหลักสูตรกฎหมายในระดับอุดมศึกษา ซันนี่บอกว่าเธอได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนและพี่น้องของเธอ เธอกล่าวด้วยว่า “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีความมั่นใจในการทำตามความฝัน”
ในปี ค.ศ. 2021 เธอสอบเนติบัณฑิตและลงทะเบียนเป็นทนายความ พร้อมกับเริ่มปฏิบัติงานเป็นนักกฎหมาย
ความพยายามของพ่อแม่คู่นี้บังเกิดผลอย่างอัศจรรย์ยิ่ง นั่นคือ นอกจากซาราห์จะได้เป็นทนาย และได้รับโอกาสว่าความในศาลสูงสุดอินเดียแล้ว ลูกอีกสองคนที่หูหนวกก็มีอาชีพการงานที่ดีเลยก็ว่าได้
พี่ชายคนโตเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ในสหรัฐอเมริกา และปัจจุบันสอนอยู่ที่โรงเรียนสอนคนหูหนวกในรัฐเท็กซัส (Texas) ขณะที่มาเรียแฝดคู่ซาราห์เป็นนักบัญชีระดับผู้สอบบัญชี
หลายคนคงทราบดีว่า อินเดียก็ไม่ต่างจากหลายประเทศในแง่ที่ว่าไม่มีใครอยากจ้างงานคนพิการหรือคนหูหนวก ยิ่งในอินเดียและในแวดวงกฎหมายยิ่งประจักษ์ชัดแจ้ง คือนอกจากจะไม่เป็นที่ยอมรับแล้ว ล่ามภาษามือก็ใช่ว่าจะหาง่ายไม่ ทั้งนี้ต้องตระหนักด้วยว่า ล่ามภาษามืออาจจะยังพอหาได้บ้าง ทว่าล่ามภาษามือที่รู้ศัพท์ภาษากฎหมายขอย่างชัดเจนก็หายากมาก
อย่างไรก็ตาม เดือนเมษายนปี 2023 ศาลฎีกาแห่งเดลีก็ได้สร้างประวัติศาสตร์เมื่อศาลฯ อนุญาตให้ทนายหูหนวกชื่อเสาทามินี เปเฐ (Saudamini Pethe) ปรากฏตัวในคดี แต่ก็เช่นเดียวกับคุณซันนี่ คือเธอก็ต้องนำล่ามมาด้วย
เมื่อต้นเดือนตุลาคมปี 2023 ศาลสูงสุดอินเดียได้แต่งตั้งล่ามให้ซันนี่ คนแรกในประวัติศาสตร์ของศาลฯ เพื่อว่าเธอจะได้เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการของศาลฯ ในระหว่างการพิจารณาคดี
ดังที่นายธนัญชัย จันทรจูฑ (Dhananjaya Chandrachud) ประธานตุลาการศาลสูงสุดแห่งอินเดีย ได้กล่าวว่า “...เราจะมีล่าม เพื่อให้ทุกคนสามารถติดตามการพิจารณาคดีได้” ทุกคนในที่นี้รวมถึงทนายหญิงหูหนวกคนนี้ด้วย
การที่ศาลสูงสุดแห่งอินเดียอนุญาตให้ซาราห์ ซันนี่ สามารถว่าความได้ในฐานะทนายศาลสูงสุดแห่งอินเดีย แต่ยังต้องมีล่ามภาษามือของตนเองนั้น ก็อาจจะยังไม่ดีพอ เพราะล่ามภาษามืออาจจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย ดังนั้น ศาลฯ จึงขอให้สมาคมล่ามภาษามืออินเดีย (Association of Sign Language Interpreters India) จัดทำระเบียบการสำหรับล่ามด้วย
ดังนั้น ณ ขณะนี้ยังไม่มีล่ามภาษามือชาวอินเดียคนใดที่ได้รับการฝึกอบรมด้านคำศัพท์ทางกฎหมาย คืออยู่ในช่วงดำเนินการที่สมาคมล่ามภาษามือและอื่น ๆ จะต้องช่วยกันฝึกและสร้างล่ามภาษามือที่เชี่ยวชาญภาษากฎหมาย
สัญจิตา ไอน์ (Sanchita Ain) ทนายความที่ซันนี่ทำงานด้วย บอกด้วยว่า ณ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังมองไปที่การสร้างพจนานุกรมคำพ้องทางกฎหมายในภาษามือของอินเดียที่จะช่วยทนายความและผู้ฟ้องร้องที่หูหนวก
การที่ซันนี่สามารถว่าความในศาลสูงสุดแห่งอินเดียจะช่วยทำให้ระบบกฎหมายของอินเดียมีความครอบคลุมและอำนวยความสะดวกให้กับความต้องการของชุมชนคนหูหนวกมากขึ้น
หลายคนแสดงความยินดีกับเรื่องนี้ และจำนวนมากกล่าวในลักษณะเดียวกันว่า นักกฎหมายอาวุโส เมณะกา คุรุสวามี (Menaka Guruswamy) เรียกเหตุการณ์นี้ในทำนองว่า เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างแท้จริง
ซันนี่ได้ทำลายทัศนคติแบบเหมารวม โดยเฉพาะที่ว่าคนหูหนวกไม่ควรทำงานเป็นนักกฎหมาย ต่อจากนี้ไปก็เชื่อว่า จะมีนักเรียนหูหนวกสนใจเรียนกฎหมายมากขึ้น ที่สำคัญจะทำให้คนหูหนวกเข้าถึงกฎหมายได้มากขึ้น
เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ หากดูตัวเลขจากการสำรวจสำมะโนประชากร ปี ค.ศ. 2011 พบว่า มีคนหูหนวกหรือผู้มีปัญหาในการได้ยินมีจำนวนมากถึง 18 ล้านคนในอินเดีย
นี่ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน เพราะหลายคนจากนี้ไปจะเข้าถึงกฎหมายและความยุติธรรมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ผู้คนก็จะมีงานทำด้วย
เพราะขณะนี้มีประมาณ 400-500 คนที่เป็นล่ามภาษามือ แต่มีเพียงประมาณ 40-50 คนเท่านั้นที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ผู้มีทักษะ
ในช่วงต้นของรายการ ผมได้เกริ่นไปแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องดีในแง่ที่ว่าเป็นการพัฒนาที่มีครอบคลุมและมีความเป็นพหุนิยมอย่างแท้จริง ขอขยายความสั้นๆ ว่า ที่ครอบคลุมและเป็นพหุนิยมเพราะรวมถึงคนที่เขาไม่เหมือนคนทั่วไป เขาเสียเปรียบกว่าคนทั่วไป ในขณะเดียวกันเป็นการเสริมสร้างพลังอำนาจให้ทั้งสตรีและคนหูหนวกด้วย
ขอจบรายการในวันนี้ด้วยคำพูดของซาราห์ที่กล่าวต่อสำนักข่าวบีบีซีว่า “ฉันอยากจะแสดงให้คนที่ไม่ได้ยินเห็นว่า ถ้าฉันทำได้ พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน”
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio Plus
ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ