มองระบบคุณธรรมอินเดียผ่านภาพยนตร์ 12th Fail
2,771 views
0
0

เพลง Bolo Na
เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ 12th Fail ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในต้นปี 2024 ล่าสุดก็เข้าทาง Streaming Media เรียบร้อยแล้ว เพลงที่เปิดไปขับร้องโดยเศรยา โกศล (Shreya Ghoshal) ซึ่งเราเลือกเปิดให้ฟังเพียง 1 นาทีเท่านั้น ไหน ๆ ก็ไม่ยาวมาก เลยขอแปลที่เราเปิดให้ฟัง

Yeh Patange Ambar Se Kehte Hain Kya Sunn Lo
ลองฟังสิ่งที่ว่าวกำลังพูดกับท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่

Yeh Hawayein Kehti Kya Baadal Se Hmm Hmm
สิ่งที่ลมพึมพำกับก้อนเมฆ

Haan Sunn Lo Haan
ลองฟังสิ

ที่นำเรื่องนี้มาพูด (นาที 3.30)

วันนี้เราจะพูดถึง ภาพยนตร์เรื่อง 12th Fail ท่านผู้ฟังท่านใดไม่ประสงค์จะตกเป็นเหยื่อ spoil ท่านก็อาจจะหยุดฟังรายการเราก่อน เมื่อดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วค่อยกลับมาฟังเราอีกครั้งก็ได้ แต่ท่านใดไม่กังวลเรื่อง spoil ก็ฟังต่อได้เลย

เหตุที่ต้องนำเรื่องนี้มาพูดก็เพราะหตุผล 2 ข้อหลักด้วยกัน
(1) มีนิสิตที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบมาก เขาถามผมว่าทำไมอาจารย์ไม่นำเสนอเรื่องนี้
(2) นอกจากนิสิตคนนี้แล้ว ช่วงนี้เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับตำรวจบ้านเราด้วย
ด้วยเหตุผล 2 ข้อนี้ จึงคิดว่าน่าจะนำเสนอเรื่องนี้

ภาพยนตร์เรื่อง 12th Fail แปลเป็นไทยคือ "สอบตก ม. 6"

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยวิธุ วิโนท โจปรา (Vidhu Vinod Chopra) ซึ่งเป็นผู้กำกับ นักเขียนบท และผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์อินเดีย

ภาพยนตร์ที่เขาเคยกำกับ เขียนบท และผลิตที่สร้างชื่อเสียงก็เช่น Parinda ฉายในปี ค.ศ. 1989 หรือ 1942: A Love Story ฉายในปี ค.ศ. 1994 ตัวอย่างภาพยนตร์ที่โด่งดังโดยมีเขาเป็นผู้ผลิตก็เช่น 3 Idiots ฉายในปี ค.ศ. 2009 และ PK ฉายในปี ค.ศ. 2014 สองเรื่องหลังเป็นเพียงผู้ผลิต

สำหรับเรื่อง 12th Fail นี้ โจปราเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้ร่วมเขียนบท และผู้ร่วมผลิต มียัสกุนวาร์ โกห์ลี (Jaskunwar Kohli) ผู้ร่วมเขียนบท และโยเคศ อีศวร (Yogesh Ishwar) เป็นผู้ร่วมผลิต

ดารานำภาพยนตร์เรื่อง 12th Fail คือวิกรานต์ แมสซี (Vikrant Massey) เมธา ศังกร (Medha Shankar) อนันต์ วี โชศี (Anant V Joshi) และอังศุมาน บุษกร (Anshumaan Pushkar)

ภาพยนตร์เรื่องนี้อิงจากเรื่องจริง เนื้อเรื่องมาจากหนังสือภาษาฮินดีปี ค.ศ. 2019 ชื่อ ट्वेल्थ फेल เขียนโดย อนุราค ปาฐก (Anurag Pathak) ฉบับภาษาอังกฤษก็ใช้ชื่อเดียวกันคือ Twelfth Fail หนังสือเล่มนี้แปลจากฮินดีเป็นภาษาอังกฤษโดยเคาตัม โจเบ (Gautam Choubey) และลลิต กุมาร (Lalit Kumar) ฉบับภาษาอังกฤษตีพิมพ์ปี ค.ศ. 2021

เนื้อหาภาพยนตร์หรือหนังสือเรื่องนี้บ่งบอกถึงระบบคุณธรรม การต่อสู้ การไม่ละทิ้งความพยายาม ดังภาษิตที่ปรากฎบนปกหนังสือทั้งฉบับฮินดีและอังกฤษว่า “Hara Vahi Jo Lada Nahi” แปลเป็นไทยคือ “ผู้พ่ายแพ้คือผู้ที่ไม่ต่อสู้” ถ้าแปลอีกทอดก็คือ ถ้ายังไม่ได้ต่อสู้ จะนับว่าพ่ายแพ้ไม่ได้

เรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เกี่ยวกับนายมาโนช กุมาร ศรมา (Manoj Kumar Sharma)

ซึ่งต่อจากนี้ไปเราจะขอเรียกชื่อเขาโดยใช้ตัวย่อว่า MKS

MKS เกิดในจัมบัล (Chambal) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือตอนกลางของอินเดีย อยู่ตามแนวหุบเขาแม่น้ำจัมบัล และแม่น้ำยมุนา (Yamuna) ในมลรัฐราชสถาน (Rajasthan) ทางตะวันออกเฉียงใต้ อุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) ทางตะวันตกเฉียงใต้ และทางตอนเหนือของรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) จัมบัลเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกลุ่มโจร

พ่อของ MKS เป็นเสมียนที่ซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ของคุณพ่อก็ทำให้คุณพ่อต้องถูกพักงาน เพราะคุณพ่อไปทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตคนหนึ่ง

MKS เรียนหนังสือที่โรงเรียนท้องถิ่น ซึ่งมีสภาพที่ไม่ค่อยดี แต่ที่น่าตกใจคือ โรงเรียนนี้เขาทุจริตกันทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ครูก็ส่งเสริม นักเรียนในชั้นเรียนของ MKS ก็เตรียมโพยไว้สำหรับสอบกันหมด พูดง่าย ๆ เวลาสอบ Exam Board หรือสอบของส่วนกลาง ทุกคนก็จะผ่านกันหมด

โรงเรียน ครู และนักเรียนก็ดูดีเพราะทางการก็คงเห็นว่าโรงเรียนมีประโยชน์ ทุจริตกันแบบนี้มาโดยตลอด จนมีนายตำรวจชื่อทุษยันต์ สิงห์ (Dushyant Singh) ที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งที่จัมบัลเข้าไปตรวจที่โรงเรียน เขาสั่งให้ยุติการทุจริตดังที่ทำกันมา ผลที่ตามมาคือ นักเรียนทุกคนรวมทั้ง MKS ก็สอบตก นี่คือที่มาของชื่อหนังสือและชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้

ในช่วงเดียวกัน คุณพ่อของ MKS ก็ต้องต่อสู้กับการถูกพักงานที่ไม่เป็นธรรม โดยยื่นคำร้องคัดค้านการพักงานต่อศาลสูง

เมื่อสอบตกแล้ว MKS กับพี่ชายจึงตัดสินใจไปขับรถเก่า ๆ เพื่อส่งคนส่งของ หวังว่าจะได้หาเงินช่วยที่บ้านได้ ทว่าการทำอาชีพนี้ก็ประสบปัญหา คือไปขับรถทับแหล่งทำมาหากินของผู้มีอิทธิพล จึงถูกกล่าวหาว่าลักลอบขนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถของเขา MKS กับพี่ชายหรือน้องชายก็ไปขอทุษยันต์ สิงห์ นายตำรวจที่เข้าไปยุติการทุจริตในโรงเรียนให้ช่วย ซึ่งนายตำรวจคนนี้ก็ช่วย และ MKS ก็ถามไปว่า ถ้าเขาอยากเป็นนายตำรวจแบบทุษยันต์ สิงห์ เขาควรต้องทำอย่างไร นายตำรวจคนนี้ก็ตอบกลับว่า “stop cheating” (หยุดการทุจริตสิ)

ในปีถัดมา MKS ก็สอบผ่าน ม.6 โดยไม่โกง และเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร คุณย่าของ MKS ก็มอบเงินที่ตนแอบเก็บมาเป็นเวลานานให้แก่ MKS เพื่อว่า MKS จะได้ใช้เพื่อเดินทางไปสอบที่ควาลิยัร (Gwalior) ทว่าระหว่างเดินทางโดยรถบัส MKS ก็ไปนั่งข้างผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ขโมยกระเป๋าของ MKS ในขณะที่ MKS กำลับงีบอยู่

เมื่อไปถึงควาลิยัรแบบไม่มีเงินไม่มีเสื้อผ้าแล้ว MKS ก็รีบเดินทางไปที่สำนักงานที่เขาสอบราชการของมลรัฐที่เรียกว่า Madhya Pradesh Public Service Commission (MPPSC) แต่ที่สำนักงานแจ้งว่ารัฐบาลยกเลิกการสอบนี้แล้ว นี่ทำลายความฝันในการเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรของ MKS เขาเดินไปตามถนนแบบไร้จุดหมายแทบจะหมดสติเพราะนอกจากจะไม่มีการสอบแบบที่ว่าแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวด้วย ทว่ามีเจ้าของร้านอาหารแถวสถานีรถไฟท้องถิ่นให้อาหารเขากิน

ณ ที่ควาลิยัรเขาได้พบเจอชายรุ่นเดียวกับเขาชื่อปริตัม ปาณเฑย์ (Pritam Pandey) ซึ่งมาเรียนเพื่อสอบเป็นข้าราชการ พ่อของปาณเฑย์โทรหาปาณเฑย์ บอกให้เขาเตรียมตัวสอบ Union Public Service Commission ที่เดลี (Delhi) Union Public Service Commission หรือที่คนนิยมเรียกตามตัวย่อว่า UPSC เป็นการสอบระดับประเทศ เพราะคำว่า Union คือสำหรับทั้งประเทศ

ขยายความเรื่อง UPSC หรือ Union Public Service Commission

การสอบ UPSC เป็นหนึ่งในการสอบที่ยากที่สุดในอินเดีย

อุปสรรคแรกในการเป็นข้าราชการที่จะมีโอกาสเจริญในหน้าที่การงานไปสู่การเป็นข้าราชการระดับสูง คือ UPSC Prelims ซึ่งเป็นการสอบที่ยากลำบากซึ่งมีผู้สมัครนับแสน มีผู้สมัครจำนวนไม่มากที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบ Mains ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงเป็นพิเศษในการสอบ Mains จะถูกเรียกเข้าสู่การสัมภาษณ์รอบสุดท้าย

มีผู้สมัครเพียงไม่กี่ร้อยคนจากจำนวนนับแสนที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการในอินเดีย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสำหรับผู้สมัครคือต้องเข้าใจว่าการสอบ UPSC สามารถผ่านพ้นได้ด้วยความอดทน ความซื่อสัตย์ และความมุ่งมั่น

การสอบผ่าน UPSC ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและความมุ่งมั่น ก็อาจจะสอบได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักศึกษาที่ได้คะแนนสูงในมหาวิทยาลัย หลายคนที่มีผลการเรียนโดยเฉลี่ยก็ผ่านการสอบ UPSC ได้ด้วย

MKS เตรียมสอบ UPSC

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ MKS รู้ว่าตนต้องสอบ UPSC MKS จึงเดินทางไปเดลีกับ Pandey ที่เดลีเขาก็ได้เจอผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา หนึ่งในนั้นคือเคารี ภายยา (Gauri Bhaiya) ซึ่งเคยมีความหวังที่จะสอบ UPSC เพื่อเป็นนายตำรวจด้วย ทว่าสอบไม่ผ่าน จึงตัดสินใจเปิดร้านขายน้ำชาชื่อ “Restart” และแนะนำแนะแนวผู้คนที่ประสงค์จะสอบ UPSC ระหว่างที่อยู่เดลี MKS ก็ทำงานอย่างแข็งขันและเข้าเรียนที่โรงเรียนติวเพื่อสอบเป็นข้าราชการ

ณ โรงเรียนติวแห่งนี้ เขาได้พบเจอศรัทธา โชศี (Shraddha Joshi) หญิงที่เขาหลงรัก ความรักระหว่างทั้งสองก็เป็นไปอย่างช้า ๆ มากด้วยอุปสรรค ส่วนหนึ่งก็เพราะบ้านของนางสาวศรัทธา โชศีค่อนข้างจะฐานะดี ในขณะที่ MKS มาจากครอบครัวที่ยากจน อุปสรรคอีกประการคือ ศรัทธา โชศี เข้าใจว่า MKS จบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์การบิน ซึ่ง MKS ก็ไม่ได้มีโอกาสอธิบาย ครั้นเมื่อเธอรู้เข้าว่า MKS จบด้านวรรณคดี เธอจึงรู้สึกโกรธมาก MKS ถึงกระทั่งต้องเดินทางไปที่บ้านของเธอที่อยู่ในอีกมลรัฐเพื่อขอโทษ เมื่อไปถึงที่บ้านก็ไม่พบเธอ คนงานที่บ้านชองเธอก็ต่อโทรศัพท์ให้ เธอบอก MKS ว่ากลับไปเถิด กลับไปเตรียมสอบเสียเถิด ซึ่งก็ทำให้ MKS หัวใจสลาย

หลังจากนั้น MKS ก็ได้เดินทางไปที่บ้าน พบว่าคุณย่าเสียชีวิตแล้ว สอบ UPSC ก็ไม่ผ่าน งานก็ต้องทำ งานครั้งแรกในห้องสมุด แต่ก็เกิดปัญหาเพราะเกิดความเข้าใจผิดกับผู้ว่าจ้าง ในที่สุดก็ไปโม่แป้ง ซึ่งโม่ที่ไหนก็นอนที่นั่นเลย สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่มาก

และแล้วเคารี ภายยา ก็เข้ามาช่วย คือขอให้ MKS เลิกการทำงานที่กินแรงกินเวลา แล้วหันมาตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบ UPSC ให้ได้ เคารี ภายยา ถึงกระทั่งให้ MKS ย้ายมาอยู่ด้วย

ในที่สุด MKS ก็สอบ UPSC ผ่าน

ในขณะที่ปริตัม ปาณเฑย์ สอบไม่ผ่าน ปริตัม ปาณเฑย์รู้สึกโกรธที่ตนสอบไม่ผ่านแต่ MKS สอบผ่าน ปาณเฑย์จึงแพร่ข่าวว่าศรัทธา โชศี นอนกับ MKS ถึงกับโทรไปบอกที่บ้านผู้หญิง ในที่สุด MKS ก็คุยกับ ปาณเฑย์และแสดงความรู้สึกต่อเขาเพื่อบอกว่าสิ่งที่ปาณเฑย์ได้ทำไว้นั้นไม่ถูกต้อง แต่ที่ MKS ไปไกลกว่านั้นคือ เขาเข้าใจว่าทำไมปาณเฑย์ถึงทำเช่นนั้น คือปาณเฑย์ถูกกดกันจากพ่อให้สอบ UPSC ให้ผ่านเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ MKS แนะนำให้ปาณเฑย์พูดกับพ่อของเขาตรง ๆ ว่าตนไม่อยากเป็นข้าราชการ ตนอยากทำด้านสื่อ

ที่น่าสนใจอีกคือ สอบ UPSC ผ่านแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้บรรจุเป็นข้าราชการทันที ยังต่อผ่านการสัมภาษณ์เสียก่อน

ฉากการสัมภาษณ์ก็น่าสนใจมาก ผู้สัมภาษณ์แต่ละคนที่เก่งกาจและเปี่ยมด้วยประสบการณ์เหล่านี้มีภูมิหลังการศึกษาที่สุดยอด ที่สำคัญไม่มีใครสำเร็จการศึกษาในโรงเรียนที่ใช้ภาษาฮินดีเป็นภาษาการเรียนการสอน ทุกคนจบโรงเรียนดังที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักกันทั้งนั้น มิหนำซ้ำ ไม่มีใครเคยสอบตก ม.6 ด้วย

MKS ตอบทุกคำถามในการสัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา ทุกคำตอบคือความซื่อสัตย์เท่านั้น ที่ทำให้ MKS มั่นใจที่จะตอบคำถามทุกข้ออย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ปกปิดอะไรทั้งสิ้นนั้น ส่วนหนึ่งคงมาจะปรัชญาว่าด้วยความซื่อสัตย์ของครอบครัว ส่วนหนึ่งคงมาจากเขาเป็นตัวตนของเขาที่ต่อสู่กับทุกสิ่งดังที่ได้อธิบายไว้ แต่อีกส่วนหนึ่งคงมาจากความมั่นใจที่เขาได้จากการอ่านจดหมายของ ศรัทธา โชศีหญิงที่เขารักมาก ใจความสำคัญจดหมายของศรัทธา โชศี คือ เธอขอแต่งงานกับ MKS ไม่ว่า MKS จะสอบสัมภาษณ์ผ่านหรือไม่

เรื่องราวของความซื่อสัตย์

หลังจากการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายคนรวมถึงผมก็เข้าไปดูว่า MKS มีหน้าตาอย่างไร สื่อก็ไปสัมภาษณ์ MKS กันไม่น้อย มีบทสัมภาษณ์หนึ่งที่ถูกใจผม เลยขออนุญาตนำเสนอท่านผู้ฟังในที่นี้ MKS กล่าวว่า

"สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขคือ การที่นักเรียนส่งจดหมายถึงผมโดยบอกว่า พวกเขาต้องการเป็นเหมือนผมและซื่อสัตย์เหมือนผม นั่นคือรางวัลของผม … ต้องขอบคุณผู้กำกับ วิธุ วิโนท โจปรา ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักเรื่องราวของผมผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นก็มีเรื่องราวอีกมากมายแต่ไม่มีใครสนใจจริง ๆ จะหาคนแบบโจปรามาเล่าเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เรื่อง[ราวของผม]นี้ไม่ใช่เรื่องพิเศษ แต่เป็นเรื่องราวที่เรียบง่ายเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่คุณจะพบได้ในทุกซอกทุกมุมในประเทศของเรา"

มาโนช กุมาร ศรมา กล่าวต่อว่า ในอนาคตหากมีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกว่าพวกเขาจะมุ่งมั่นมานะและซื่อสัตย์ ไม่ใช้ทางลัด ผมก็ได้รับรางวัลแล้ว จะมีรางวัลใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีก

ท่านผู้ฟังครับ สังคมอินเดียคงไม่ปราศจากคอรัปชันง่าย ๆ ระบบคุณธรรมจำต้องจรรโลงไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ย้ำเตือนเราว่า คุณงามความดีหรือความซื่อสัตย์แม้จะทำให้ชีวิตดำเนินได้ไม่ง่ายนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องยึดถือไว้ในใจอย่างแนบแน่น เพราะระบบคุณธรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญของความยั่งยืน ประเทศไทยกับประเทศอินเดียยังประสบปัญหาการทุจริตอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็บั่นทอนระบบคุณธรรมอย่างแน่นอน ปรากฎการณ์ทุจริตไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก แต่จะเป็นเรื่องแปลกทันที หากเราไม่คิดจะทำอะไรเพื่อที่จะรักษาระบบคุณธรรมไว้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีอิทธิพลต่อผู้คนทุกชาติต่อไป
.
รายการปกิณกะอินเดีย วันเสาร์ 10.30 น. Chula Radio
รศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ และ ศูนย์อินเดียศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ นักวิชาการอิสระ