อินทิรา คานธี หญิงเหล็กแห่งอินเดีย ตอนที่ 1
1,657 views
0
0
"ตอนที่ 1"

อินทิรา คานธี หญิงเหล็กแห่งอินเดีย ตอนที่ 1

Hothon se chhu lo tum (ช่วยขับร้องเพลงนี้เถิด)

• เพลงประกอบภาพยนตร์ Prem Geet (Love Song) ฉายในปี 1981 กำกับโดย Sudesh Issar ดารานำคือ Raj Babbar และ Anita Raj ขับร้องโดย Jagjit Singh ในรูปแบบ Ghazal – Arabic poetry

• ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในสมัยของอินทิรา คานธี และเพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่ลึกซึ้ง บางตอนก็สะท้อนชีวิตของอินทิรา คานธี ได้ไม่น้อย นั่นคือความรักที่เธอมีต่อ Feroz Gandhi สามีของเธอ เช่น ‘na umar kee seema ho, naa janam ka ho bandhan, jabbe pyar kare koi to dekhe kewal man ko’, ‘nya reet chala kar tum ye geet amar ka do’ ความรักไม่ได้กำหนดโดยขอบเขตของอายุ ไม่เกี่ยวกับการเกิด ความรักเกิดขึ้นจากใจ เริ่มขนบใหม่ และทำให้เพลงนี้อมตะตลอดไปเถิด เธอจะเริ่มขนบใหม่ทางการต่างประเทศด้วย

อินทิรา คานธี หญิงเหล็กแห่งอินเดีย

อินทิรา คานธี เกิดวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ในอานันท์ภวัน เมืองอัลลาฮาบาด รัฐอุตตรประเทศ เป็นบุตรีคนเดียวของยวาฮัรลาล และกมลา เนห์รู ไม่ใช่ลูกสาวของมหาตมาคานธี

• ที่เธอใช้นามสกุล คานธี ก็เพราะนามสกุลสามีสะกดด้วย Gandhy แต่เพื่อไม่ให้มีปัญหาเพราะสามีเธอเป็นชาวอินเดียเชื้อสายปาร์ซี จึงเปลี่ยนตัว y เป็น i

• อานันท์ภวันเป็นบ้านหลังมหึมาของ โมตีลาล เนห์รู ปู่ของอินทิรา ประกอบอาชีพเป็นนักกฎหมายที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งในสมัยนั้น อานันท์ภวันนอกจากจะเป็นบ้านหลังแรกในอัลลาฮาบาดที่มีน้ำประปาและไฟฟ้าแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสันทนาการต่างๆ รวมถึงสระว่ายน้ำในร่มและสนามเทนนิสด้วย คงไม่ผิดด้วยหากจะกล่าวว่า แม้แต่ในมาตรฐานปัจจุบัน อานันท์ภวันที่ประกอบด้วย 42 ห้องก็ดูโอ่อ่ามาก

• โมตีลาล นอกจากหาเงินได้มากมายแล้ว เขายังใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยด้วย โมตีลาลเชี่ยวชาญหลายภาษา และมีบุคลิกภาพ ‘สมัยใหม่’ ที่มีวัฒนธรรมอังกฤษ เปอร์เซีย และฮินดูผสมผสานกัน เขาเชื่อมั่นในพหุนิยมและฆราวาสนิยม ลักษณะดังกล่าวตกทอดถึงสมาชิกอานันท์ภวันหลายคน รวมถึงยวาฮัรลาลและอินทิรา อย่างไรก็ตาม ในบางเรื่องบางประเด็นโมตีลาลก็ยังคงความเป็นชนชั้นพราหมณ์หัวอนุรักษนิยมอยู่ ภริยาของโมตีลาลคือ สวรูปรานี เธอเป็นคนที่ยึดติดขนบเดิมแบบเอาเรื่องทีเดียว โมตีลาลกับสวรูปรานีมีลูกด้วยกันสามคน ลูกชายคนโตคือยวาฮัรลาล ลูกสาวสองคนคือวิชัยลักษมีและกฤษณา โมตีลาลรักลูกทั้งสามคน แต่โปรดปรานลูกชายมากเป็นพิเศษ

• ยวาฮัรลาลศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนฮาร์โรว์ ระดับปริญญาตรีที่ทรินิตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และศึกษากฎหมาย ณ อินเนอร์ เทมเปิล ลอนดอน ยวาฮัรลาลกลับสู่อินเดียจากอังกฤษในปี 1912 และยึดอาชีพนักกฎหมายอยู่ไม่กี่ปีก่อนจะเข้าสู่การเมือง ในปี 1916 พ่อแม่ของเขาตบแต่งเขากับกมลา กอล ซึ่งยวาฮัรลาลคัดค้านแต่ก็ไม่ถึงกับหัวชนฝา ปีถัดมากมลาก็ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อ อินทิรา ปรียทรรศินี

• การศึกษาปฐมวัยของอินทิรา โมตีลาลให้เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์เซซิเลียในอัลลาฮาบาด แต่ยวาฮัรลาลให้เธอออกจากโรงเรียนเมื่ออายุเจ็ดขวบ แล้วให้ครูสอนพิเศษมาสอนที่บ้าน ปี 1926 กมลาล้มป่วยเป็นวัณโรคในปอด ครอบครัวเนห์รูจึงเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อให้กมลาได้รักษาตัวกับผู้เชี่ยวชาญวัณโรค ในสวิตเซอร์แลนด์ ยวาฮัรลาลส่งอินทิราเข้าเรียนใน เลกอลแองแตร์นาซิยงนาล หลังจากนั้นจึงส่งไปเรียนที่เลกอลนูแวล ในเมืองแบกซ์ ซึ่งอยู่ห่างจากพ่อแม่เป็นระยะทางประมาณสองชั่วโมง

• เดือนพฤษภาคมปี 1931 ตามคำแนะนำของมหาตมาคานธี อินทิราได้เข้าเรียนที่พิวพิลส์โอนสกูลในเมืองปูนา โรงเรียนแห่งนี้บริหารจัดการโดยนักสังคมศึกษาผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด นามว่า เจฮังกีร์ วากิล และภรรยาของเขา กูนเวอร์ไบ ซึ่งอินทิราเรียนจบด้วยเกรดระดับปานกลาง

• ปี 1934 หลังจากการสอบ Matriculation อินทิราก็เข้าศึกษาในศานตินิเกตัน มหาวิทยาลัยแนวใหม่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันงดงาม ก่อตั้งโดยรพินทรนาถ ฐากูร ชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล จากนั้นเธอเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนแบดมินตัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีเอกชนอังกฤษที่เข้มงวดทางวิชาการ เพื่อเตรียมสอบเอนทรานซ์เข้าอ๊อกซฟอร์ด

รายการปกิณกะอินเดีย
สุรัตน์ โหราชัยกุล และ ณัฐ วัชรคิรินทร์ ศูนย์อินเดียศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย